เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่เป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับโลโก้โฉมใหม่อย่างเป็นทางการในรอบ 15 ปีของ “เป๊ปซี่” (PEPSI) ที่จะมาสะท้อนตัวตนของแบรนด์ไปอีกขั้น ที่ครั้งนี้ทางแบรนด์ขอเล่นใหญ่ ด้วยการสร้างปรากฏการณ์สุด IMMERSIVE ผ่าน ดิจิทัลอาร์ตสุดว้าวซ่า INTO THE NEW ERA IMMERSIVE EXPERIENCE กับ 360 Visual & Sound ที่ Interact ครั้งแรกใจกลางเซ็นทรัลเวิลด์
“ตู้เต่าบิน” (TAO BIN) ที่นิยามตัวเองเป็น Robotic Barista ธุรกิจที่พัฒนาโดยบริษัท ฟอร์ท เวนดิ้ง จำกัด ในเครือ FORTH Corporation เปิดตัวครั้งแรกช่วงปลายปี 2564 ปัจจุบันติดตั้งทั่วประเทศไปแล้ว 6,000 ตู้
เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งวง T-Pop ที่มาแรงอย่างต่อเนื่อง สำหรับวง “PEOXIE” วงน้องใหม่จากค่าย bROTHERS Music ที่มี “พี่ติ๊ก เจษฎาภรณ์” นั่งแท่นเป็นผู้บริหารค่ายเพลงครั้งแรก ที่ประสบความสำเร็จจนมีแฟนเพลงกลุ่มวัยรุ่น วัยใส จำนวนมากในเวลาการเปิดตัวเพียงไม่ถึงปี เป็นผลให้หลายแบรนด์สินค้าต่างๆ จับจ้องที่จะดึงตัวมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ในการสื่อสารแบรนด์ เพื่อจับกลุ่มเป้าหมายกลุ่มคนรุ่นใหม่นี้
“เลย์” LAY’S ประสบความสำเร็จในการทำตลาดมายาวนาน ด้วยการเจาะกลุ่มลูกค้าชัดเจนอย่างวัยรุ่นซึ่งมีการบริโภคขนมเป็นจำนวนมาก ด้วยการพัฒนารสชาติใหม่ๆ ที่หลากหลายกว่า 200 รสชาติ ทั้งรสชาติยอดนิยม และ Seasoning Flavor ไปพร้อมกับการผนึกพันธมิตรในการปล่อย Marketing Concept ชัดเจน รวมถึงต้องมีกลยุทธ์การตลาดแปลกใหม่มากพอที่จะกระตุ้นให้ผู้บริโภคได้ลอง
ที่ผ่านมาในวงการเบียร์ และกาแฟ มีการนำ “ก๊าซไนโตรเจน” (Nitrogen) มาใช้ในกระบวนการผลิต ได้ออกมาเป็น “เบียร์ไนโตร” (Nitro Beer) และ “กาแฟไนโตร” (Nitro Coffee) เช่น เมนู Nitro Cold Brew Coffee ที่ให้ทั้งความสด และรสสัมผัสฟองครีมที่นุ่มละมุน ขณะที่ล่าสุดมีการนำ “ไนโตรเจน” มาใช้กับน้ำอัดลมแล้ว!
วงใน (Wongnai) ร่วมกับ เป๊ปซี่ (Pepsi) และ ศูนย์การค้ายูดี ทาวน์ (UD Town) จัดมหกรรมอาหารส่งความสุขท้ายปีกับงาน “Pepsi Present Wongnai Food Festival 2020 at UD Town” เอาใจเหล่าสายกินด้วยร้านเด็ดสุดปังจากทั่วไทย ที่ยกขบวนมาเสิร์ฟความอร่อยถึงอุดรธานีกว่า 24 ร้าน โดยภายในงานอัดแน่นไปด้วยร้านที่ได้รับความนิยมในแอปพลิเคชันวงใน รวมถึงเมนูเป็นกระแสในโลกออนไลน์ อาทิ หมูสะเต๊ะอาซ้อ, Oppa เกาหลี, …
บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์ ซันโทรี่ และเป๊ปซี่ ในประเทศไทย จากวิสัยทัศน์ที่มุ่งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน และมุ่งสร้างความสุขให้กับผู้บริโภค “ด้วยเครื่องดื่มที่ผู้บริโภครักมากที่สุดในประเทศไทย” ซันโทรี่ เป๊ปซี่โคจึงไม่หยุดยั้งที่จะนำผลิตภัณฑ์เข้าถึงผู้บริโภคให้มากที่สุด ด้วยกลยุทธ์การจับมือกับพันธมิตรในวงการอาหาร
ความสำคัญของ “แพ็กเกจจิ้ง” ไม่ได้เพียงห่อหุ้ม หรือกันกระแทกสิ่งของที่อยู่ข้างในเท่านั้น แต่มีบทบาทมากไปกว่านั้น คือ เรื่องของ “Branding” ในมิติต่างๆ เช่น
สินค้า การตลาด และการขายในโลกยุคดิจิทัล จะเปลี่ยนผ่านจากยุค “Mass” ในวงกว้าง ไม่ได้เจาะจงเซ็กเมนต์ใด เซ็กเมนต์หนึ่ง หรือบุคคลใด บุคคลหนึ่ง ขยับไปสู่ยุค “Personalization” ซึ่งเป็น New Era ของการตลาดยุคใหม่ ที่จะทำให้แบรนด์สามารถ hyper-connect กับผู้บริโภคได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น มาเรียนรู้แนวทางกลยุทธ์การทรานส์ฟอร์มของ “PepsiCo” จากองค์กรที่ทำตลาด Mass มากว่า 120 ปี วันนี้ขยับไปสู่การพัฒนาสินค้า และทำตลาด เพื่อตอบโจทย์ Personalization …
เป๊ปซี่(Pepsi) เปิดตัวสโลแกนหรือว่า Tagline แบรนด์ใหม่ “That’s What I Like” ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ทศวรรษทีเดียวที่เป๊ปซี่ปรับก้อปปี้ที่แสดงตัวตนของแบรนด์ใหม่ ทั้งนี้เพื่อตอบสนองลูกค้าตัวจริงที่รักแบรนด์
หลังจากโค้กส่ง Coke Plus Coffee ทำตลาดในเอเชียตั้งแต่ปี 2017 และขยายตัวไปยังยุโรปเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คู่แข่งสำคัญอย่าง Pepsi ก็อยู่เฉยไม่ได้ ล่าสุด เปิดตัว Pepsi Café เครื่องดื่มไฮบริดเป๊ปซี่ผสมกาแฟอาราบิก้า ซึ่งมีคาเฟอีนมากกว่าเป๊ปซี่สูตรปกติถึงเท่าตัว
หน้าร้อนหรือซัมเมอร์นับเป็นช่วง High season ของกลุ่มสินค้าประเภทเครื่องดื่มต่างๆ เพราะผู้บริโภคก็ต้องการหาตัวช่วยสำหรับดับร้อนและบรรเทาอาการกระหาย จึงทำให้แต่ละแบรนด์ต่างๆสาดแคมเปญ กระหน่ำโปรโมชั่นแข่งกันทำตลาดในช่วงนี้ ซึ่งส่งผลให้ยอดขายมักจะมากองรวมกันอยู่ช่วงกุมภาพันธ์จนถึงพฤษภาคมเป็นส่วนใหญ่
เครื่องดื่ม “เป๊ปซี่” และ “เป๊ปซี่ แมกซ์ เทสต์” โดย บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด ชวนสัมผัสความซ่ารับหน้าร้อน เปิดตัวแพ็คเกจจิ้งรุ่นพิเศษ “Pepsi Music Limited Edition” กับ 4 ดีไซน์สุดฮิปที่สะท้อน 4 แนวดนตรีผ่านลวดลายกราฟิก ทั้งแนวป๊อป ฮิปฮอป อิเล็กทรอนิกส์แดนซ์ และลูกทุ่ง มีให้เลือกสะสมทั้งในรูปแบบกระป๋องสลิมและขวดพีอีที วางจำหน่ายเฉพาะหน้าร้อนนี้เท่านั้นในร้านค้าปลีก-ส่ง ร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า และร้านอาหารทั่วประเทศ พิเศษ! ทุกขวดและกระป๋องยังมี QR …
Alexander Wang ดีไซน์เนอร์ชื่อดังแห่งยุคที่รับงานดีไซน์ทีไร สร้างความฮือฮาตลอดเวลา และเมื่อเขาจับมือเอาเอกลักษณ์สีดำของเขาเข้าไปร่วมงานกับแบรนด์ๆ ใด ก็ความเท่ สไตล์สตรีท แต่ดูแพงเข้าไปในชิ้นงานได้ตลอด แถมนำมาซึ่งยอดขายที่เกลี้ยงแผงอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าะจะเป็นโปรเจ็กต์ร่วมกับ H&M, Beats by Dre, Evian และ Adidas ล่าสุดเขาจับมือกับ Pepsi ออกแบบแพ็กเกจจิ้ง Limited Edition วางจำหน่ายในประเทศจีน
ปฏิเสธไม่ได้ว่าในบรรดาแบรนด์สินค้าที่วาดลวดลายทำการตลาดให้สีสัน สร้างความคึกคักได้ตลอด ต้องยกให้เครื่องดื่มน้ำอัดลม และเป็นกลุ่มน้ำดำ ซึ่งแน่นอนแบรนด์ “เป๊ปซี่” (Pepsi) ถือเป็นผู้นำตลาดที่ไม่เคยหยุดนิ่งในการขบคิดกลยุทธ์ใหม่ๆ แคมเปญสุดฮอต มาเพิ่มดีกรีความสนุกสนานให้ตลาด และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอยู่เสมอ
Pepsi(เป๊ปซี่) ยังคงตอกย้ำความเป็นแบรนด์ที่มีภาพลักษณ์ของความเป็น Pop Culture ด้วย การต่อยอดแคมเปญ “Pepsi Generations” โดยเพิ่มเติมความร่วมมือกับนักร้องดังระดับตัวพ่อ ตัวแม่ของยุค ’80-’90 Michael Jackson, Ray Charles และ Britney Spears นำเสนอกระป๋องลาย Limited Edition สำหรับผลิตภัณฑ์เป๊ปซี่ทุกตัวตั้งแต่ Pepsi, Diet Pepsi, Pepsi Zero Sugar และ Pepsi Wild Cherry
ยุคนี้ใครๆ ก็รู้ว่าคอนเทนท์สำคัญ แบรนด์ทั้งหลายก็รู้ข้อเท็จจริงนี้ จึงพยายามสร้างคอนเทนท์ให้มากที่สุดประหนึ่งว่าตัวเองเป็น publisher ไปแล้ว แต่หลายครั้งที่ทำคอนเทนท์ออกมาโดยไม่คำนึงถึงความสนใจที่แท้จริงของผู้บริโภค นั่นอาจทำให้การลงทุนเพื่อสร้างแบรนด์นั้นไร้ผล
Pepsi เปิดตัวไลน์สินค้าใหม่ J-Cola โดยเจาะกลุ่มเป้าหมายกลุ่มคนที่ดื่มโคล่าอย่างหนักหน่วง โดยพัฒนาสูตรอีก 2 สูตร ‘Zero’ และ ‘Midnight’ โดยสูตรใหม่นี้ มีความเผ็ดร้อนและเปรี้ยวมากขึ้น
การแข่งขันของเครื่องดื่มในหน้าร้อนปีนี้ คึกคักและงัดไอเดียเด็ดออกมาให้เห็นกันแล้วตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ โดยสิ่งที่เห็นเด่นชัดที่สุด คงจะเป็น “บรรจุภัณฑ์” (Packaging) ท่ามกลางโจทย์ทางการตลาดที่แสนจะยาก เพราะว่าสินค้ามีความใกล้เคียงกันสร้างความแตกต่างได้ยาก ในปีนี้ทั้ง 2 แบรนด์ย้อนกลับไปที่กลยุทธ์การตลาดของตัวเอง โดยโค้ก เลือกที่จะสร้างความประทับใจให้กับคนไทยด้วยการ Localization คุยกับคนในพื้นที่ด้วยการใส่ชื่อแต่ละจังหวัดในประเทศไทยลงไปบนแพ็กเกจจิ้ง ในขณะที่เป๊ปซี่ อาศัยตำนานของแบรนด์ เนื่องในโอกาส 120 ปี ของแบรนด์ ดึงเอาแพ็กเกจจิ้งที่โดดเด่นและยังประทับใจลูกค้าในแต่ละยุคสมัยมานำเสนอ
ปี 2018 นี่เป็นปีที่ Pepsi จะเฉลิมฉลองใหญ่เนื่องในโอกาส 120 ปีแห่งความสำเร็จของแบรนด์ เป๊ปซี่ได้เตรียมวางจำหน่ายกระป๋องที่ออกแบบมาโดยได้รับแรงบันดาลใจจากกระป๋องในยุค ’90 แบบลิมิเต็ด เอดิชั่น ในไลน์สินค้า Pepsi, Pepsi Zero Sugar และ Diet Pepsi พร้อมทั้งภาพยนตร์โฆษณาซึ่งจะออกอากาศช่วงการแข่งขันซุปเปอร์โบล์ โดยเซอร์ไพร์สหนักมากด้วยการเชิญนางแบบชื่อดัง Cindy Crawford ซึ่งเคยโฆษณาให้กับเป๊ปซี่ในปี 1992 มานำแสดงในโฆษณาชุดนี้
“ญี่ปุ่น” เป็นตลาดที่มีเครื่องดื่รสชาติใหม่ๆ หรือแพ็กเกจจิ้งลิมิเต็ด เอดิชั่นออกมาสร้างสีสันให้กับตลาดสม่ำเสมอ ล่าสุด ที่น่าสนใจและ่นาโดนซะเหลือเกิน Pepsi รสชาติ “เค้กคริสต์มาส” เพื่อเฉลิมฉลองช่วงเวลาสิ้นปี 2017
หลังจากที่มีข่าวเครือไทยเบฟฯ การเข้าซื้อกิจการสาขาของ KFC ในประเทศไทย ที่เดิมอยู่ภายใต้การบริหารของ “บริษัท ยัม เรสเตอรองท์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย)” จำนวนประมาณ 240 สาขา โดยทาง ยัม เรสเตอรองท์ จะทำหน้าที่ดูแลเฟรนไชส์เท่านั้น จนเกิดการตั้งคำถามขึ้นมาว่า ไทยเบฟฯ ซึ่งมีธุรกิจเครื่องดื่มน้ำอัดลมแบรนด์ Est อยู่แล้ว จะผลักดันเครื่องดื่มของตัวเองเข้ามาขายในร้านสาขาดังกล่าวหรือไม่ หรือจะต้องเป็นดีลที่ตกลงกันในระดับ Global ซึ่งเดิมทาง KFC จำหน่ายเครื่องดื่ม Pepsi …
ในบรรดา Soft Drinks ที่มีมากมายหลายประเภท หนึ่งในเครื่องดื่มที่คนบริโภคเป็นอันดับต้นๆ คือ “น้ำอัดลม” (Carbonated Drinks) และในกลุ่มน้ำอัดลม “โคล่า” หรือน้ำดำได้รับความนิยมมากที่สุด แต่เมื่อเอ่ยถึงเครื่องดื่ม “โคล่า” ไม่ว่าจะไปประเทศไหน ภูมิภาคใดของโลก มีสองแบรนด์ยักษ์ใหญ่ครองตลาดมาเป็นเวลายาวนาน คือ “โค้ก” และ “เป๊ปซี่” จนทำให้ผู้บริโภคคุ้นชินกับรสชาติของสองแบรนด์ ประกอบกับการมีเครือข่ายจัดจำหน่ายที่ทรงพลัง จึงสามารถเข้าถึงทุกช่องทางการขาย ทำให้แบรนด์ท้องถิ่นที่เข้ามาท้าชนโดยตรงกับสองยักษ์ใหญ่ ต้องใช้สรรพกำลังมหาศาล เพื่อที่จะแข่งขันในตลาดได้ ทว่า การเข้าสู่ตลาดน้ำดำของ “MUJI” ซึ่งขณะนี้มีจำหน่ายเฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้น …
เครื่องดื่ม “เป๊ปซี่” โดย บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด เขย่าตลาดน้ำอัดลมมูลค่า 50,000 ล้านบาทอีกครั้ง ด้วยการส่งแคมเปญรหัสใต้ฝาสุดยิ่งใหญ่ “เป๊ปซี่ชวนซ่า ล่ารถในฝัน” ขนความซ่าแจกหนักจัดเต็มตลอด 60 วัน ให้วัยมันส์พันธุ์ซ่าได้ลุ้นเป็นเจ้าของ “BMW 118i M Sport” รถแฮทช์แบค 5 ประตูสุดเท่ห์ครั้งแรกของวงการ! เสริมทัพด้วยรถมอเตอไซค์ฮอนด้าและบัตรเติมน้ำมัน ปตท. กว่า 6,000 รางวัล …
คุณสมชัย เกตุชัยโกศล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด ประกาศเปลี่ยนชื่อ “เป๊ปซี่ แมกซ์” เครื่องดื่มน้ำอัดลมปราศจากน้ำตาล 0 แคลอรี่* เป็น “เป๊ปซี่ แมกซ์ เทสต์” พร้อมปรับโฉมโดยเน้นใช้โลโก้ “Pepsi Globe” สีแดงขาวและน้ำเงิน อันเป็นเอกลักษณ์ของเป๊ปซี่ พร้อมคำว่า “Pepsi” บนฉลากสีดำเพื่อตอกย้ำ “Master Brand” ของเป๊ปซี่ให้แข็งแกร่ง โดยยังคงสูตรและรสชาติเดิม …
หลายๆคนอาจจะยังไม่รู้ว่า Pepsi ได้ออกโฆษณาตัวล่าสุดที่นำแสดงโดย Kendall Jenner ดารานางแบบที่ฮอตที่สุดในตอนนี้ รวมไปถึงถูกถ่ายทำขึ้นที่เมืองไทยเมื่อไม่นานมานี้
หากพูดถึงการรีไซเคิลขวดพลาสติกบรรจุน้ำอัดลม หลายคนคงมีคำตอบที่แตกต่างกันไป ตั้งแต่เอาไปทำงานประดิษฐ์ ตัดเป็นแก้วน้ำ หรือกระถางสำหรับปลูกต้นไม้ แต่ Pepsi (เป๊ปซี่) มองไกลกว่านั้น กับแคมเปญ Liter of light นำขวดเป๊ปซี่ลิตรใช้แล้วมาทำให้กลายเป็นหลอดไฟจากพลังงานแสงอาทิตย์ กระจายสู่ชุมชนต่างๆ ในพื้นที่ทุรกันดาร ที่ไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึงและมีความต้องการแสงสว่างเพื่อการใช้ชีวิต
บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด ประกาศเดินหน้ารุกชิงแชร์ตลาดน้ำดำ เตรียมระเบิดความซ่าส์รับหน้าร้อนผ่านแคมเปญใหม่ “เป๊ปซี่ ซัมเมอร์ โมเมนต์” (Pepsi Summer Moment) ภายใต้คอนเซ็ปต์ “เป๊ปซี่ ซ่าทุกที่ ทุกอารมณ์” ตอกย้ำตำแหน่งผู้นำตลาดน้ำดำในบรรจุภัณฑ์แบบไม่ต้องคืนขวด และเป็นแบรนด์ที่มียอดขายเติบโตสูงที่สุดในตลาดในปีที่ผ่านมา พร้อมส่งกลยุทธ์ “T.E.E.N” ชู 4 ไฮไลท์มัดใจคนรุ่นใหม่วัยมันส์ รวมถึงกลุ่มมิลเลนเนียล (Millennials) และทุ่มงบ 300 ล้านอัดกิจกรรมการตลาดเต็มสูบ เปิดตัวแพคเกจจิ้งดีไซน์ใหม่ ควบสร้างเอนเกจเมนต์กับผู้บริโภคผ่านเทศกาลดนตรีในช่วงสงกรานต์ …
หลังจากยอดขายของน้ำอัดลมลดลงโค้ก(Coke) และเป๊ปซี่(Pepsi) กำลังเล็งไปที่ธุรกิจน้ำเปล่าในการเป็นตัวช่วยพยุงธุรกิจขึ้นมา เนื่องจากปัจจุบันในสหรัฐยอดขายของน้ำเปล่าบรรจุขวดเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าตัวจากเมื่อ 15 ปีที่ผ่านมา จากปริมาณการซื้อเครื่องดื่มรวมทั้งหมด 1.17 หมื่นล้านแกลลอนในปี 2015 อย่างไรก็ตามธุรกิจนี้ต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายอย่างมากในตลาดต่างประเทศ
ตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลมมูลค่าประมาณ 5 หมื่นล้านบาท นับเป็นขุมทรัพย์การตลาดใหญ่ แต่กลับมีผู้ประกอบการไม่กี่รายที่ “ครองตลาด” อยู่ โดยที่มีบทบาทอยู่ในเกมการแข่งขันหนีไม่พ้น 2 แบรนด์ยักษ์ใหญ่ข้ามชาติ เช่นโคคา-โคล่าหรือโค้ก (Coca Cola) และเป๊ปซี่ (Pepsi) ซึ่งไล่บี้ขยี้กันมาตลอด กระทั่งตลาดเกิดการเปลี่ยนแปลง เมื่อเป๊ปซี่เผชิญจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ เมื่อพยายามเดินเกมขึ้นควบการผลิตเอง พันธมิตรสำคัญอย่าง บริษัท เสริมสุข จำกัด(มหาชน)ที่เคยเป็นบ็อทเลอร์มาอย่างยาวนานเป็นอันต้องยุติแตกหักกันไป และเกิดแบรนด์น้ำอัดลมสัญชาติไทย “เอส” (Est) ขึ้นมาแข่งตีคู่โกลบอลแบรนด์
