โดนัลด์ ทรัมป์

  “ป้อม-ภาวุธ” เปิด 3 ประเด็นน่ากังวลต่อการเติบโตของธุรกิจไทยในปี 2026 “แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซปิดกั้นข้อมูล-บัญชีม้า-เฟรมเวิร์กด้าน RECIPROCAL TRADE ระหว่างไทย – สหรัฐ” คาดกระทบภาคธุรกิจทั้งออนไลน์-ออฟไลน์ให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

ประกาศแล้วอย่างเป็นทางการสำหรับ Reciprocal Tariffs หรือ “ภาษีตอบโต้” ที่สหรัฐอเมริกาใช้แนวคิดนี้อย่างเข้มข้นในช่วงรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ ซึ่งก่อนหน้านี้หรัฐอเมริกา คิดภาษีสินค้าที่นำเข้าจากประเทศไทยในอัตราเฉลี่ย 36% แต่จากการเจรจาทำให้ลดลงเหลือ 19% เริ่มมีผลวันที่ 1 สิงหาคม 2568

หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แจ้งไว้ก่อนหน้านี้ว่า จะมีการเปิดเผยรายชื่อ 14 ประเทศเกี่ยวกับอัตราภาษีตามนโยบายของตนเอง ล่าสุดได้มีการเปิดเผยรายชื่อของทั้ง 14 ประเทศนั้นออกมาแล้ว ซึ่งมีประเทศไทยรวมอยู่ด้วย โดยไทยถูกเก็บภาษีที่อัตรา 36%

“ทรัมป์ออแกไนเซชั่น” (The Trump Organization) องค์กรของ Trump Family ประกาศรุกธุรกิจโทรคมนาคม ขายแพกเกจมือถือพร้อมสมาร์ทโฟนในราคา 499 เหรียญสหรัฐ คาดเริ่มให้ดำเนินการได้ในช่วงเดือนกันยายนนี้

รัฐบาลทรัมป์ประกาศยกเลิกสิทธิ์ของมหาวิทยาลัย Harvard ในการรับนักศึกษาต่างชาติ โดยให้เหตุผลว่า ทางมหาวิทยาลัยไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านการรายงานเกี่ยวกับนักศึกษาต่างชาติ ด้านมหาวิทยาลัยโต้ทันควันว่าเป็นคำสั่งที่ “ไม่ชอบด้วยกฎหมาย” อีกทั้งยังคาดว่าคำสั่งนี้จะกระทบต่อชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของสถาบันที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่างมาก

นิสสัน (Nissan) ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมรถยนต์ญี่ปุ่นเตรียมปิดโรงงาน 7 แห่งและเลย์ออฟพนักงาน 20,000 ตำแหน่ง หลังบริษัทประสบปัญหาขาดทุนหนัก 6.7 แสนล้านเยน หรือประมาณ 151,647 ล้านบาท แถมมีแนวโน้มขาดทุนต่อเนื่องในปีการเงิน 2026 จากนโยบายภาษีการค้า “โดนัลด์ ทรัมป์”

นอกจากวันนี้ (9 เมษายน) จะเป็นวันที่ทั่วโลกกลั้นใจรอติดตามสถานการณ์สงครามภาษีที่สหรัฐอเมริกาจะเรียกจัดเก็บจากประเทศต่าง ๆ แล้ว กรณีของจีนที่ออกมาประกาศขึ้นอัตราภาษีเพื่อเป็นการตอบโต้รัฐบาลอเมริกันก็เป็นสิ่งที่ทั่วโลกต่างจับตามองไม่แพ้กัน

สงครามภาษีทวีความร้อนแรงหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเรียกเก็บภาษีจากชาติต่าง ๆ ทั่วโลกเพิ่มในอัตราที่แตกต่างกัน รวมถึงมีภาษีตอบโต้ในกรณีที่พบว่า สหรัฐอเมริกาเสียดุลการค้าให้กับประเทศเหล่านั้นไม่ว่าจะเป็นประเทศเล็กหรือใหญ่

โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเตรียมลงนามคำสั่งฝ่ายบริหาร (Executive Order) ภายในสัปดาห์หน้า เรื่องยกเลิกนโยบายลดขยะพลาสติกของอดีตประธานาธิบดี โจ ไบเดน

แบรนด์ดังเริ่มปรับตัวรับมือกับนโยบายของประธานาธิบดีคนใหม่ของแดนอินทรี โดยล่าสุดเป็น Estée Lauder เจ้าของแบรนด์เครื่องสำอาง Clinique, MAC ที่ออกมาเปิดแผนเลิกจ้างพนักงานครั้งใหญ่ โดยอาจสูงถึง 7,000 ตำแหน่งจากพนักงานทั้งหมด 62,000 คนทั่วโลก ด้านผู้บริหารชี้เป็นการปรับตัวเพื่อรับแรงกระแทกจากนโยบายด้านภาษีของ “โดนัลด์ ทรัมป์”

ความต้องการของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่อยากเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็นอ่าวอเมริกาไม่ต้องรอนานอีกต่อไป อย่างน้อย ๆ ก็ในโลกดิจิทัล เพราะหลังจากที่เขาได้ลงนามในคำสั่งเปลี่ยนชื่ออ่าวดังกล่าวไปทันทีที่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีรอบที่ 2 ทาง Google Maps ผู้ให้บริการแผนที่ออนไลน์ยักษ์ใหญ่ก็ออกมาขานรับนโยบาย และเปลี่ยนชื่อนั้นแล้วในแอปพลิเคชันของบริษัท

เมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2568 โดนัลด์ ทรัมป์(Donald J. Trump) ได้สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 47 ซึ่งจัดขึ้น ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.  และเพียงแค่ 12 ชั่วโมงแรก ของการกลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้งของเขา ก็ได้มีการลงนามในคำสั่งบริหารหลายฉบับที่มีผลกระทบต่อประเทศ ในหลายด้าน ดังนี้:

ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) เผยมุมมองเศรษฐกิจโลกบนเวที KKP Year Ahead 2025: Opportunities Unbound เมื่อวันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมาว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ นั้นแม้มีแนวโน้มชะลอตัว แต่ยังคงเติบโตได้ดีกว่าระดับศักยภาพ และมีแนวโน้มแข็งแกร่งกว่าภูมิภาคอื่นๆ โดยอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับลดลงได้ แต่ไม่มากนักเมื่อเทียบกับการคาดการณ์ก่อนหน้า เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ยังคงแข็งแกร่งและแรงกดดันเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง ประเด็นสำคัญที่ต้องจับตาคือนโยบายของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ที่น่าจะมีผลกระทบต่อสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ ค่อนข้างมาก

โดนัล ทรัมป์ คว้าชัยชนะ ก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 47 สำเร็จ และเป็นการ “กลับมาครั้งที่ 2” หลังจากพ่ายแพ้ให้กับโจ ไบเดนในการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 โดยศึกการเลือกตั้งครั้งนั้นยังนำไปสู่กรณีอื้อฉาวกับภาพของผู้ประท้วงจำนวนมากไปรวมตัวกันก่อเหตุจราจลที่กรุงวอชิงตันในวันที่ 6 มกราคม 2021 ด้วย

เดอะวิสดอมกสิกรไทย จัดสัมมนา “THE WISDOM  Wealth Decoded การเลือกตั้งทั่วโลกปี 2024 จับตาการลงทุนและความท้าทายที่รออยู่” โดยนายบุรินทร์ อดุลวัฒนะ กรรมการผู้จัดการ และ Chief Economist บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด จับตาการเลือกตั้งของประเทศผู้นำทางเศรษฐกิจทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส และสหรัฐอเมริกา รวมทั้งจับตานโยบายด้านเศรษฐกิจการค้า เตรียมรับแรงกระเพื่อมทั่วโลก การปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด แนะลงทุนหุ้นกลุ่มเมกะเทรนด์ ได้แก่ สังคมสูงวัย เทคโนโลยีเอไอ ยา และท่องเที่ยว

“Trump Media” บริษัทผู้ให้บริการ Truth Social ของมหาเศรษฐี “โดนัลด์ ทรัมป์” อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาขาดทุนจุก ๆ โดยทำรายได้ให้บริษัทในไตรมาสแรกเพียง 770,000 เหรียญสหรัฐฯ เท่านั้น 

ถึงไปสร้างแอปพลิเคชันเองก็ยังโดนแบนอยู่ดี โดยในตอนนี้แอปฯ “Truth Social” ของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา “โดนัลด์ ทรัมป์” ที่ผลิตโดยบริษัท Trump Media and Technology Group ไม่สามารถดาวน์โหลดได้บน Google Play แล้วเรียบร้อย

เรียกว่าเป็นการจัดทาวน์ฮอลล์ที่น่าสนใจทีเดียว เมื่อ Parag Agrawal ซีอีโอทวิตเตอร์ (Twitter) บอกกับพนักงานว่า อนาคตหลังจากที่อีลอน มัสก์ (Elon Musk) เข้าซื้อบริษัท และจะดึงทวิตเตอร์ออกจากตลาดหุ้นนั้น “เป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้”

นอกจากแพลตฟอร์ม Truth Social ของโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เพิ่งเปิดตัวไปแล้ว ไม่แน่ว่าในอนาคตอันใกล้ เราอาจได้เห็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของมหาเศรษฐีอย่าง อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ออกมาโลดแล่นด้วยเช่นกัน หลังจากที่เขาได้ทวีตว่า เขากำลังคิดอย่างจริงจังเรื่องการสร้างแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย

แอปพลิเคชันน้องใหม่มาแรง “Truth Social” ที่มีผู้สนับสนุนเป็นคนดังอย่างอดีตประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” เริ่มออกสตาร์ทแล้ว โดยมีรายงานจากรอยเตอร์ว่า แอปพลิเคชันดังกล่าวเริ่มเปิดให้เข้าใช้งาน (Soft Launch) เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา และประสบปัญหาในการเข้าใช้งาน (แอปล่มนาน 13 ชั่วโมง) นอกจากนั้น ก็มีเหตุการณ์ไม่อนุมัติการสร้างแอคเคาน์จนมี Waitlist มากกว่า 300,000 ราย

  ถูกบล็อคจากสื่อโซเชียลไปนานจนหลายคนเกือบลืมว่ามีบุคคลคนนี้อยู่ แต่หากเอ่ยถึงเหตุการณ์จลาจลที่ Capitol Hill เมื่อ 6 มกราคม 2021 ก็เชื่อว่าหลายคนพร้อมจะจำเขาได้ทันที โดยวันนี้ อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) กลับมาอีกครั้งพร้อมบริษัทใหม่ที่ตั้งเป้าสร้างแพลตฟอร์ม “ตัวตายตัวแทน” สื่อโซเชียลมีเดียอย่าง Twitter – Facebook – YouTube แล้ว

ใครที่คิดถึงสีสันที่โลกโซเชียลมีเดียเคยมี เมื่อสมัยที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยังอยู่ในตำแหน่ง ล่าสุดที่ทางเฟซบุ๊ก (Facebook) ได้ออกมาประกาศแล้วว่า พวกเขาจะเปิดให้แอคเคาน์ของโดนัลด์ ทรัมป์กลับมาอีกครั้ง (ทั้ง Facebook และ Instagram) ในเดือนมกราคม 2023 หรือประมาณหนึ่งปีครึ่งนับจากนี้

ใครที่ยังคิดถึง “โดนัลด์ ทรัมป์” อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาผู้ถูกแบนจากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ เนื่องจากเหตุการณ์จลาจลที่ Capitol Hill เมื่อ 6 มกราคมที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าจะรออีกไม่นานแล้ว เพราะอดีตที่ปรึกษาอาวุโสของโดนัลด์ ทรัมป์ได้ออกมาเปิดเผยว่า แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของโดนัลด์ ทรัมป์นั้นพร้อมสำหรับการเปิดตัวในอีก 3 – 4 เดือนข้างหน้านี้แน่นอน

หลังจากที่ธุรกิจสัญชาติจีนอย่าง Huawei, ZTE, TikTok, Alipay และ WeChat โดนรัฐบาลสหรัฐอเมริกาประกาศแบนกันไปแล้วก่อนหน้านี้ ล่าสุดก็ถึงคราวของเสี่ยวมี่ (Xiaomi) ยักษ์ใหญ่ในวงการสมาร์ทโฟนที่จะต้องถูกแบนจากการทำธุรกิจในแผ่นดินอเมริกาอีกราย

Rebel-Kitchen เป็นแบรนด์อาหารที่มุ่งเน้นการสร้างทางเลือกใหม่ด้านสุขภาพให้กับผู้บริโภค โปรดักท์เด่นของพวกเขาก็คือ “นม” ที่ตั้งใจเล่นคำสะกด MYLK แทนที่จะเป็น MILK โดยวางคอนเซ็ปท์เอาไว้ว่าอาหารของพวกเขาจะ ขบฎ ต่อความเชื่อเดิมๆ และเพื่อทำคาแร็กเตอร์ดังกล่าว ชัดเจนขึ้น ล่าสุดทางแบรนด์ Rebel-Kitchen ทำป้ายโฆษณาเอาท์ดอร์ สื่อสารถึงประธานาธิบดี Donald Trump (โดนัลด์ ทรัมป์) ไม่ว่าจะเป็น F___ OFF หรือ Trump’s an ass โดยใช้แสงจากป้ายโฆษณาเป็นเครื่องมือเปลี่ยนข้อความ

ไม่เฉพาะโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่อย่าง Facebook, Twitter ฯลฯ ที่ออกมาประกาศปิดแอคเคาน์ของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีผู้อื้อฉาวไปทั่วโลก เพราะถึงตอนนี้ แม้แต่ผู้ให้บริการทางการเงินก็ประกาศระงับการให้บริการกับแอคเคาน์ของโดนัลด์ ทรัมป์แล้วเช่นกัน

แพลตฟอร์มทวิตเตอร์ (Twitter) เล่นบทโหด ประกาศแบนแอคเคาน์ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) เป็นการถาวรแล้ว โดยให้เหตุผลว่า ผู้ใช้มีพฤติกรรมละเมิดนโยบายของบริษัท ด้านทรัมป์ ไม่ง้อ ใช้แอคเคาน์ประธานาธิบดี @POTUS สวนกลับว่า อยู่ระหว่างการพิจารณาสร้างแพลตฟอร์มเอง และจะไม่ยอมเงียบเด็ดขาด

ใครจะงอแงไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี หรือกล่าวหาว่าคู่แข่งโกง ฯลฯ จนไม่ยอมโอนถ่ายอำนาจ ฯลฯ ก็ทำไป แต่สำหรับบนโลกโซเชียลมีเดีย ความงอแงนี้ไม่มีผล เพราะทวิตเตอร์ (Twitter) บอกว่า พวกเขาได้เตรียมถ่ายโอนอำนาจในการใช้งานแอคเคาน์ @POTUS ซึ่งเป็นแอคเคาน์สำหรับประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาให้กับ “โจ ไบเดน” (Joe Biden) แล้ว

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศผ่านทวิตเตอร์ว่าตนเองนั้น ติดเชื้อ Covid-19 เรียบร้อย

สมชื่อ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดยหลังจากกดดันแอปพลิเคชันจากจีนอย่าง TikTok จนหน้าเขียว และต้องวิ่งหาพาร์ทเนอร์กันจ้าละหวั่น หรือถึงแม้จะได้ชื่อ Oracle – Walmart มาจับมือด้วย “ทรัมป์” ก็ยังไม่วายกดดันต่อว่าอาจไม่ผ่านการเห็นชอบของรัฐบาล แต่ล่าสุดในวันเสาร์ที่ผ่านมา ทางประธานาธิบดีคนดังได้ออกมาเผยว่าอนุมัติดีลของ Oracle แล้ว และทางแอปพลิเคชันสามารถให้บริการต่อไปได้ในสหรัฐอเมริกาตามเดิม