รัฐบาลทรัมป์ประกาศยกเลิกสิทธิ์ของมหาวิทยาลัย Harvard ในการรับนักศึกษาต่างชาติ โดยให้เหตุผลว่า ทางมหาวิทยาลัยไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านการรายงานเกี่ยวกับนักศึกษาต่างชาติ ด้านมหาวิทยาลัยโต้ทันควันว่าเป็นคำสั่งที่ “ไม่ชอบด้วยกฎหมาย” อีกทั้งยังคาดว่าคำสั่งนี้จะกระทบต่อชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของสถาบันที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่างมาก
สำนักข่าวต่างประเทศอย่าง New York Times ระบุด้วยว่า คำสั่งดังกล่าวของรัฐบาลทรัมป์คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อฐานะทางการเงินของมหาวิทยาลัยด้วย เนื่องจากนักศึกษาต่างชาติมักจ่ายค่าเล่าเรียนในอัตราที่สูงกว่าเด็กอเมริกัน โดยในปีการศึกษา 2024 – 2025 มหาวิทยาลัย Harvard มีนักศึกษาต่างชาติอยู่ประมาณ 6,800 คน หรือคิดเป็น 27% ของจำนวนนักศึกษาทั้งหมด (ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นอย่างมาก เพราะในปีการศึกษา 2010 – 2011 มหาวิทยาลัยมีนักศึกษาต่างชาติอยู่ราว 19.7% เท่านั้น)
ส่วนอัตราค่าเล่าเรียนของมหาวิทยาลัยสำหรับนักศึกษาต่างชาติในปีการศึกษา 2025 – 2026 นั้นพบว่าอยู่ที่ 59,320 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.94 ล้านบาท
สำหรับเหตุผลในการเพิกถอนสิทธิ์ ทางกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิอ้างว่า มหาวิทยาลัย Harvard ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดของรัฐบาลในการรายงานเกี่ยวกับนักศึกษาต่างชาติ และใจความข้อหนึ่งของเอกสารดังกล่าว (ลงนามโดย คริสตี้ โนเอม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ) ระบุด้วยว่า
“I am writing to inform you that effective immediately, Harvard University’s Student and Exchange Visitor Program certification is revoked,”
“Harvard can no longer enroll foreign students, and existing foreign students must transfer or lose their legal status,”
หรือก็คือสิทธิในการรับนักศึกษาต่างชาติของมหาวิทยาลัยได้ถูกเพิกถอน และนักศึกษาต่างชาติในปัจจุบันต้องย้ายออก หรือไม่ก็ต้องเสียสถานะทางกฎหมาย
ด้าน Jason Newton ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของมหาวิทยาลัยได้ออกมาชี้แจงว่า ทางมหาวิทยาลัยจะเร่งหามาตรการเพื่อดูแลนักศึกษาต่างชาติเหล่านี้อย่างรวดเร็ว พร้อมบอกด้วยว่า การร้องขอรายงานเกี่ยวกับนักศึกษาต่างชาติของรัฐบาลนั้นเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เช่น มีการขอทราบข้อมูลหลักสูตรที่นักศึกษาต่างชาติมาเรียน, ขอทราบข้อมูลของนักศึกษาต่างชาติที่กระทำการผิดกฎหมาย ซึ่งในส่วนนี้ ฝ่ายกฎหมายของมหาวิทยาลัยแสดงความกังวลด้วยว่า การเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวให้รัฐบาลอาจเกินอำนาจหน้าที่ของมหาวิทยาลัย หรืออาจสรุปได้ว่า คำสั่งของรัฐบาลนั้น “ไม่ชอบด้วยกฎหมาย” นั่นเอง