บริษัท โคคา-โคล่า (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศแต่งตั้ง รีติมา รัคยัน เป็นผู้จัดการทั่วไป และรองประธานฝ่ายธุรกิจแฟรนไชส์ โคคา-โคล่า ประเทศไทย ลาว เวียดนาม และกัมพูชา ซึ่งจะดูแลภาพรวมการบริหารกลยุทธของธุรกิจในทั้ง 4 ประเทศ โดยมุ่งเสริมความแข็งแกร่งของ โคคา-โคล่า ในฐานะบริษัทเครื่องดื่มครบวงจร
บริษัทไทยน้ำทิพย์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TNCC ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวน (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 612,451,687 หุ้น เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET)
“ตลาดน้ำอัดลม” ในประเทศไทย มูลค่ากว่า 50,000 ล้านบาท มีผลิตภัณฑ์ในเครือ “โคคา-โคล่า” ครองเบอร์หนึ่ง ซึ่งผลิตและจัดจำหน่ายโดย 2 บริษัท คือ “ไทยน้ำทิพย์” ได้สิทธิ์ในพื้นที่ภาคเหนือ อีสาน กลาง และ บมจ.หาดทิพย์ หรือ HTC ของตระกูล “รัตตกุล” เป็นผู้รับสิทธิ์ในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้
Brand Collaboration หรือความร่วมมือด้านแบรนด์ ถือเป็นส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้ในกลยุทธ์การตลาดสมัยใหม่ เพราะสามารถช่วยขยายตลาด เพิ่มการรับรู้แบรนด์ และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ นั่นเป็นเหตุผลให้ “สุกี้ตี๋น้อย” แบรนด์บุฟเฟต์ขวัญใจมหาชน ต่อสัญญาบริการเครื่องดื่ม “โคคา-โคล่า” (Coca-Cola) เสิร์ฟความสดชื่นและอร่อยไม่อั้น กว่า 80 สาขาทั่วประเทศ
ภารกิจ “ความยั่งยืน” กลายเป็นสิ่งที่ทุกภาคส่วนลุกขึ้นมาลงมือปฏิบัติกันอย่างจริง ๆ โดยเฉพาะองค์กรธุรกิจ “โคคา-โคล่า” เป็นแบรนด์เครื่องดื่มระดับโลก ที่มีผลิตภัณฑ์หลากหลายตอบสนองผู้บริโภค เมื่อย่อตลาดมายังประเทศไทย ภาพการเป็น “ผู้นำตลาดน้ำอัดลม” ยังคงแข็งแกร่ง ยืนหนึ่งมีนวัตกรรมในการพัฒนาสินค้าเพื่อตอบทุกไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค
กลุ่มธุรกิจโคคา-โคล่า ในประเทศไทย อันประกอบไปด้วย บริษัท ไทยน้ำทิพย์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท โคคา-โคล่า (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ แทรชลัคกี้ เดินหน้าต่อยอดแคมเปญ “ “โค้ก” ชวนแยก แลกลุ้นโชค กับ Trash Lucky” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ให้ยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งกว่าที่เคย ขยายความร่วมมือสู่พันธมิตรรายใหม่ เหนียวแน่นกับพันธมิตรรายเดิม …
กว่า 138 ปี กับการเดินทางของ “โคคา-โคล่า” บนเส้นทางสายธุรกิจจนสามารถขยายตลาดมาแล้วกว่า 200 ประเทศทั่วโลก หัวใจสำคัญของความสำเร็จคือการปรับเปลี่ยนแผนงานตามบริบทสภาพแวดล้อม และเทรนด์โลก ภายใต้แนวทางความยั่งยืนแบบองค์รวม ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การดูแลปกป้องสังคม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจมายาวนาน
หลังจากที่ทั้งแฟนๆ ของ “โคคา-โคล่า” และแฟนๆ ของวินรอคอยกันมายาวนานด้วยความตื่นเต้น วันนี้ได้เวลาแล้วที่ “โคคา-โคล่า” และสมาชิกใหม่ในครอบครัวอย่าง “วิน-เมธวิน” จะเปิดตัวภาพยนตร์ออนไลน์อบอุ่นหัวใจจากแคมเปญ “สูตรสำเร็จมื้อพิเศษ” ออกมาอย่างเป็นทางการ โดยผู้ชมสามารถรับชมได้ผ่านช่องทางที่เป็นทางการของ “โคคา-โคล่า” และทางอินสตาแกรมที่หน้าโปรไฟล์ของวิน-เมธวิน โดยทุกคนสามารถรับชมและสัมผัสกับสายสัมพันธ์อันอบอุ่นที่เกิดขึ้นเมื่อคนที่คุณรักมารวมตัวเพื่อรับประทานอาหารร่วมกัน และอาหารมื้อนี้ยิ่งสดชื่น อร่อยซ่าขึ้นอีกเมื่อมี “โคคา-โคล่า” มาช่วยเติมเต็มรสชาติ
บริษัท โคคา-โคล่า (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศแต่งตั้ง “วิกเตอร์ หว่อง” เป็นผู้จัดการทั่วไป บริษัท โคคา-โคล่า (ประเทศไทย) จำกัด และรองประธานฝ่ายธุรกิจแฟรนไชส์ประจำประเทศไทย เมียนมา และลาว เดอะ โคคา-โคล่า คัมปะนี คุณวิกเตอร์ จะเข้ามาดูแลภาพรวมพร้อมกำหนดทิศทางกลยุทธ์การเติบโตทางธุรกิจให้กับ “โคคา-โคล่า” ทั้งในประเทศไทย เมียนมา และลาว
ทุกวันนี้ “พลาสติก” เป็นผลิตภัณฑ์ที่ถูกใช้งานกันอย่างแพร่หลาย เพราะช่วยให้ชีวิตสะดวกสบายกว่าเดิม แต่ด้วยการกำจัดที่ไม่ถูกวิธี ทำให้พลาสติกกลายเป็นขยะที่ย่อยสลายยาก และสร้างผลกระทบรุนแรงกับโลกขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้หลายธุรกิจหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อมและดำเนินธุรกิจตามหลัก “เศรษฐกิจหมุนเวียน” (Circular Economy) อย่างจริงจังมากขึ้น เช่นเดียวกับ “โคคา-โคล่า” ได้เริ่มเปลี่ยนขวดสีเขียวอันเป็นเอกลักษณ์ของ “สไปรท์” (Sprite) มาเป็นขวดพลาสติกแบบใสที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
การออกแพคเกจจิ้งรุ่นพิเศษเป็น Limited Edition ของ “โคคา–โคลา” (Coca-Cola) เป็นหนึ่งในกลยุทธ์สร้างประสบกาณ์ความน่าตื่นเต้น แปลกใหม่ และสร้างสีสันให้กับผู้บริโภค อย่างล่าสุด “โคคา–โคลา ประเทศญี่ปุ่น” เปิดตัวขวดโค้กอะลูมิเนียมดีไซน์พิเศษ เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 1 ปีของการเปิดสวนสนุก “Super Nintendo World” ตั้งอยู่ใน Universal Studios โอซาก้า เพื่อเอาใจแฟนคลับ Super Mario และเหล่านักสะสม ที่ชื่นชอบการเก็บสะสมแพคเกจจิ้งโค้กคอลเลคชั่นพิเศษ บนขวดโค้กรุ่นพิเศษล่าสุดนี้ มี …
Coca-Cola เปิดตัวเครื่องดื่มใหม่ในชื่อ “Byte” แต่ความน่าสนใจก็คือ มันยังไม่สามารถซื้อหากันได้บนโลกแห่งความเป็นจริง เพราะยุคนี้ต้องเปิดตัวบน Metaverse ก่อนนั่นเอง
ถึงแม้ “Coco-Cola” (โคคา–โคลา) หรือ “โค้ก” เป็น Iconic Brand ระดับโลก แต่หนึ่งในโจทย์ใหญ่ที่แบรนด์น้ำอัดลมระดับโลกแบรนด์นี้กำลังเจออยู่คือ การปรับให้แบรนด์ Modernize และสร้างประสบการณ์ดิจิทัล ผ่านเทคโนโลยีใหม่ เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ เหตุผลที่ “Coca-Cola” ต้องทรานส์ฟอร์มให้แบรนด์ทันสมัย ผสานกับโลกดิจิทัล และให้ความสำคัญกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ เพราะคนรุ่นใหม่เป็น Core Target ของตลาดเครื่องดื่มอัดลม แต่ด้วยความที่ทุกวันนี้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากมาย ทำให้เกิดสงครามแย่งชิงพื้นที่กระเพาะ (Share of Stomach) และคนรุ่นใหม่หันไปบริโภคเครื่องดื่มประเภทอื่นแทนน้ำอัดลม …
นอกจากพัฒนาขวดบรรจุภัณฑ์แบบใหม่ที่มาจาก Plant-Based 100% ได้สำเร็จแล้ว ล่าสุด Coca-Cola ก้าวไปอีกขั้น ด้วยการเปิดตัวขวดน้ำอัดลมแบบใหม่ที่ “ไร้ฉลาก” หวังช่วยให้กระบวนการรีไซเคิลทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ตลาดน้ำอัดลมเป็นตลาดที่แข่งขันกันอย่างเข้มข้นต่อเนื่องมาทุกปี ทั้งการแข่งขันกับผู้เล่นที่อยู่ในตลาดเดียวกัน ไปจนถึงการแข่งขันกับเครื่องดื่มนานาชนิดที่เข้ามาเป็นตัวแปรแย่งชิงผู้บริโภคให้เปลี่ยนใจหันไปดื่มเครื่องดื่มใหม่ ๆ
‘กลุ่มธุรกิจโคคา-โคล่า ในประเทศไทย’ ระเบิดแคมเปญระดับโลก ‘เปิดจังหวะซ่าในตัวคุณ’ (Coca-Cola…Turn Up Your Rhythm) ที่จะมามอบความอร่อยซ่าพร้อมปลุกความสดชื่นไปกับจังหวะดนตรี โดยผนึก ‘JOOX’ แอปมิวสิคคอมมูนิตี้อันดับ 1 เดินหน้าระเบิดความมันส์ระดับเอเชีย งัดจุดแข็งสองแบรนด์ ร่วมสร้างช่วงเวลาแห่งความสดชื่น ด้วยประสบการณ์ทางดนตรีที่เหนือระดับในประเทศไทย ‘โค้ก และ JOOX’ จัดเต็ม! มิกซ์จังหวะซ่าให้สนุกซ่าแบบสองต่อ เพียงดื่มโค้กแล้วสแกน QR Code บนฉลากข้างขวด รับฟรีทันที JOOX VIP 1 …
เมื่อปีที่แล้ว มีการจัดอันดับขององค์กรไม่แสวงกำไรชื่อ Break Free From Plastic พบว่า แบรนด์น้ำอัดลมอย่าง โคคา-โคลา (Coca-Cola) เป็นแบรนด์ที่สร้างผลกระทบด้านพลาสติกให้กับโลกมากที่สุด (ตามมาด้วย Pepsi และ Nestle) โดยมีรายงานว่า ในหนึ่งปี Coca-Cola ใช้พลาสติกราว 3 ล้านตันในการผลิตขวดบรรจุภัณฑ์ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่สามารถนำกลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลได้
หลังจากประกาศนโยบายเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มแบรนด์ “สไปร์ท” เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2019 ให้เป็นขวดพลาสติกใส เพื่อทำให้เกิดกระบวนการรีไซเคิลได้ง่ายขึ้น วันนี้กลุ่มธุรกิจโคคา-โคล่า ในประเทศไทย อันประกอบไปด้วย บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท โคคา-โคล่า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว สไปรท์ ลุคใหม่ เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์จากขวดพลาสติกสีเขียวเป็น พลาสติกใสเพื่อให้สามารถนำขวด ‘สไปรท์’ ไปรีไซเคิลหลังการบริโภคได้ง่ายขึ้น
น้ำกับกระดาษเคยเป็นสิ่งที่อยู่ร่วมกันไม่ได้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเทคโนโลยีจะทำให้สองสิ่งนี้ใกล้ได้มาอยู่ด้วยกันแล้ว เมื่อ Coca-Cola ได้เปิดตัวขวดบรรจุน้ำอัดลม (รุ่นโปรโตไทป์) ที่ทำจากกระดาษ แล้ว โดยขวดนี้ยังไม่มีการใช้งานจริง แต่ก็ทำให้ Commitment ที่ Coca-Cola เคยให้ไว้ว่าจะทำให้โลกนี้ไม่มีขยะ หรือ a World Without Waste เข้าใกล้ความเป็นจริงมากขึ้นอีกนิด
Coca-Cola หรือที่ผู้บริโภคในประเทศไทยเรียกกันติดปากว่า “โค้ก” เป็นบริษัทเครื่องดื่มประเทศ Soft Drink ยักษ์ใหญ่ของโลก แต่สินค้าเครื่องดื่มที่โค้กไม่เคยทำก็คือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างไรก็ตาม เมื่อสถานการณ์การแข่งขันเปลี่ยนแปลงไป “โค้ก” กำลังแหวกประเพณีของตัวเอง ด้วยการเข้าสู่ตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา หลังจากมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วในญี่ปุ่น
“น้ำอัดลม” ไม่ว่าจะเป็นโคล่า หรือน้ำสีรสพื้นฐานกลายเป็น Mainstream Product ไปแล้ว ในขณะที่ทุกวันไลฟ์สไตล์ รสนิยม หรือความชอบของผู้บริโภคซับซ้อนขึ้น เปลี่ยนแปลงเร็ว และเป็นยุคที่ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น เพราะฉะนั้นทำอย่างไรที่ “น้ำอัดลม” แม้จะเป็น Soft Drink ที่ทุกคนทั่วโลกคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี และหาซื้อง่าย มีทุกหนแห่ง ยังคงเป็นเครื่องดื่มแรกๆ ที่เวลาอยากดื่มเครื่องดื่มที่ช่วยเพิ่มความสดชื่น ผู้บริโภคจะเลือกซื้อ นี่จึงเป็น “โจทย์ใหญ่” ของตลาดน้ำอัดลม ซึ่งมี 2 แบรนด์หลักที่ Dominate ตลาดทั่วโลก …
เพื่อรักษาจุดยืนขององค์กรในฐานะเป็นบริษัทผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มครบวงจร (Total Beverage Company) “โคคา–โคลา” (Coco-Cola) ต้องสร้างการเติบโตของ Business Portfolio ที่ประกอบด้วย 4 กลุ่มหลักคือ – กลุ่มเครื่องดื่มอัดลม (Sparkling Soft Drinks) ปัจจุบันทำรายได้ให้กับกลุ่มโคคา-โคลามากกว่า 50% – กลุ่มเครื่องดื่มน้ำผลไม้ และเครื่องดื่มจากพืช เช่น ธัญพืชต่างๆ – กลุ่มน้ำดื่ม และเครื่องดื่มประเภท Hydration – กลุ่มชา …
“สูตรสำเร็จ” ทางการตลาด บ้างเป็นกลยุทธ์เก่านำมาใช้ใหม่ไม่ได้ แต่บางกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จล้นหลาม โดนใจผู้บริโภค ทำไมแบรนด์จะไม่เลือกหยิบมาเป็น “อาวุธลับ” มัดใจกลุ่มเป้าหมาย
เป็นที่รู้กันดีว่า สงครามเครื่องดื่มในญี่ปุ่นดุเดือดสุดๆ เพราะผู้บริโภคมีทางเลือกเยอะมว๊ากกกกกก ดังนั้นที่สุดของการเอาใจลูกค้า Coca-Cola จึงเปิดตัวน้ำดำสายพันธุ์ใหม่ให้ชาวอาทิตย์อุทัยได้ชิมก่อนใครในโลกอีกแล้วกับ “Coca-Cola Strawberry” โดยหวังว่าจะเข้ากับบรรยากาศในช่วงฤดูหนาวของญี่ปุ่นที่มักจะเต็มไปด้วยเค้กเฉลิมฉลองก้อนโตที่ตกแต่งด้วยสตอเบอรี่หวานฉ่ำนั่นเอง
แม้ปัจจุบันตลาดน้ำดำจะเป็นตลาดที่มีมูลค่าใหญ่สุด แต่ด้วยไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่มีทางเลือกใหม่ๆ และสภาพเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัวต่อเนื่อง นั่นจึงทำให้แบรนด์น้ำดำทั้งหลายต้องขยับปรับทัพตัวเองตลอดเวลา สำหรับ “โค้ก” แม้ในปัจจุบันจะครองความเป็นผู้นำตลาดน้ำดำ โดยมีส่วนแบ่งการตลาดกว่า 50% ของมูลค่าตลาดรวมน้ำดำประมาณ 35,000 ล้านบาท แต่ก็ไม่ประมาท และมุ่งฟังเสียงผู้บริโภคอยู่ตลอดเวลา เพราะโค้กเชื่อว่าสิ่งนี้จะช่วยให้ “เข้าใจ” และล่วงรู้ “อินไซต์” ผู้บริโภคได้อย่างแม่นยำ เพื่อนำมาพัฒนาแคมเปญสื่อสารการตลาดที่ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปในแต่ละช่วงเวลา
นับเป็นการสร้างจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญให้กับอุตสาหกรรมเครื่องดื่มไม่มีแอลกอลฮอล์ หลังจากที่ “Coca-Cola” พร้อมพันธมิตรด้านบรรจุขวดในยุโรป “Coca-Cola HBC” และ “Coca-Cola European” ได้เผยถึงแผนการลงทุนพัฒนาเทคโนโลยี “KeelClip” กระดาษแข็ง ที่จะนำมาใช้สำหรับบรรจุภัณฑ์ “โค้กแบบกระป๋อง” แทนการใช้พลาสติกฟิล์มหดที่ไม่สามารถนำเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลได้
นับเป็นการร่วมมือกันครั้งแรกในรอบ 19 ปี ระหว่าง “โคคา-โคล่า” (Coca Cola) ผู้นำเครื่องดื่มน้ำอัดลมที่ครองใจผู้บริโภคมายาวนาน ผู้นำตลาดน้ำอัดลม ที่มีมูลค่ารวม 5 หมื่นล้านบาทในปีที่ผ่านมา อ้างอิงจากรายงานดัชนีค้าปลีกของบริษัท เดอะ นีลเส็น คอมปะนี (ประเทศไทย) จำกัด และ “เดอะ พิซซ่า คอมปะนี” (The Pizza Company) เชนร้านพิซซ่าที่ใหญ่ที่สุดในไทย
โคคา-โคล่า ประกาศเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ใหม่ “สไปรท์” โดยหันมาใช้ขวดพลาสติกแบบใสแทนขวดสีเขียวในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเพื่อให้สอดคล้องกับเทรนด์ของโลก ที่พยายามผลักดันการตามเก็บและรีไซเคิลขวดพลาสติกพีอีที (Circular Economy) หลังดำเนินการไปแล้วในหลายประเทศแถบยุโรป
วงการเครื่องดื่มในละแวกบ้านเราต้องสะเทือนอีกครั้ง หลังจากที่ ‘โค้ก’ ได้เปิดตัวเครื่องดื่มชูกำลังภายใต้แบรนด์ของตัวเองอย่าง ‘Coca-Cola Energy’ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา และรุกทำการตลาดอย่างหนักในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น สหราชอาณาจักร สเปน ฮังการี หรือประเทศในยุโรปตะวันตกอื่นๆ รวมถึงแถวเอเชียแปซิฟิก อย่าง ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย
ปัญหามลพิษขยะพลาสติกที่ปนเปื้อนอยู่ในสิ่งแวดล้อมโลกทุกวันนี้ดูเหมือนจะอาศัยพลังของใครเพียงฝ่ายเดียวไม่ได้เสียแล้ว เราเลยได้เห็นโฆษณาสุดน่ารักจาก Coca-Cola ที่ส่ง “พลังเต่าทอง – พลังมด” มาช่วยกอบกู้โลกใบนี้ร่วมกันกับมนุษย์ด้วย
