ถึงแม้ “Coco-Cola” (โคคา–โคลา) หรือ “โค้ก” เป็น Iconic Brand ระดับโลก แต่หนึ่งในโจทย์ใหญ่ที่แบรนด์น้ำอัดลมระดับโลกแบรนด์นี้กำลังเจออยู่คือ การปรับให้แบรนด์ Modernize และสร้างประสบการณ์ดิจิทัล ผ่านเทคโนโลยีใหม่ เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคคนรุ่นใหม่
เหตุผลที่ “Coca-Cola” ต้องทรานส์ฟอร์มให้แบรนด์ทันสมัย ผสานกับโลกดิจิทัล และให้ความสำคัญกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ เพราะคนรุ่นใหม่เป็น Core Target ของตลาดเครื่องดื่มอัดลม แต่ด้วยความที่ทุกวันนี้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากมาย ทำให้เกิดสงครามแย่งชิงพื้นที่กระเพาะ (Share of Stomach) และคนรุ่นใหม่หันไปบริโภคเครื่องดื่มประเภทอื่นแทนน้ำอัดลม อีกทั้งไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคกลุ่มนี้ ใช้ชีวิตอยู่ในโลกดิจิทัล เพราะฉะนั้น Coca-Cola จึงต้องพยายามเชื่อมต่อกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ในปัจจุบัน เพื่อทำให้ผู้บริโภคกลุ่มนี้ ยังคงมองว่าโค้กเป็นแบรนด์สำหรับเขา
นี่จึงเป็นที่มาของการพัฒนาแพลตฟอร์มนวัตกรรมใหม่ ชื่อว่า “Coca-Cola Creations” ต่อยอดจากแนวคิดและความเชื่อของแบรนด์ Coca-Cola “Real Magic” ที่จะสร้างความร่วมมือกับบุคลากรชั้นนำจากหลากหลายวงการ ไม่ว่าจะเป็นศิลปิน, ครีเอเตอร์, ช่างภาพ, เกมเมอร์, นักวาดภาพประกอบ, แพลตฟอร์มออนไลน์ ไปจนถึงพันธมิตรด้านอื่น ๆ มากมาย และเชื่อมโลกแห่งความเป็นจริงและโลกเสมือนเข้าด้วยกัน
Coca-Cola เปิดตัวแพลตฟอร์ม Coca-Cola Creation เพื่อนำเสนอนวัตกรรมใหม่, การตลาดใหม่, ความคิดสร้างสรรค์, แพ็คเกจจิ้งใหม่, เทคโนโลยี, การสร้างความร่วมมือ และการเชื่อมโยงทางวัฒนธรรม
Coca-Cola Starlight โปรดักต์แรกของแพลตฟอร์ม Coca-Cola Creations
Real Magic แนวคิดใหม่ของแบรนด์ Coca-Cola ทั่วโลก
“เมื่อปีที่แล้วการเปิดตัวแนวคิดของแบรนด์ “Real Magic” เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่สำหรับ Coca-Cola เพราะแนวคิดดังกล่าว ไม่ใช่แค่การเฉลิมฉลอง Brand Values ของเรา แต่คือการเชื่อมต่อระหว่างแบรนด์ Coca-Cola เข้ากับวัฒนธรรม โดยเฉพาะเกม, ดนตรี, กีฬา” Oana Vlad ผู้อำนวยการแบรนด์ Coca-Cola กล่าวในงานเปิดตัว Coca-Cola Creations
ดังนั้นเมื่อแพลตฟอร์ม Coca-Cola Creations เป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดของแบรนด์ บนแพลตฟอร์มนี้จึงครอบคลุมทั้งการนำเสนอสินค้านวัตกรรมใหม่, การตลาดรูปแบบใหม่, ความคิดสร้างสรรค์, การออกแบบแพ็คเกจจิ้งใหม่, เทคโนโลยี, การสร้างความร่วมมือ และการเชื่อมโยงทางวัฒนธรรม เพื่อสร้าง Immersive Digital Experience ที่เชื่อมต่อกับโลกจริง (Physical World)
Oana Vlad ผู้อำนวยการแบรนด์ Coca-Cola
อย่างล่าสุดได้เปิดตัว “Coca-Cola Starlight” เป็นสินค้า Limited Edition ตัวแรกของแพลตฟอร์ม Coca-Cola Creations ที่ได้แรงบันดาลใจจากอวกาศ นำมาต่อยอดสู่การพัฒนา “Coca-Cola Starlight” ดีไซน์แพ็คเกจจิ้งใหม่ รสชาติใหม่ และวิธีการนำเสนอใหม่ เพื่อชวนให้ผู้บริโภคย้อนนึกถึงการดูดวงดาวรอบกองไฟ ที่ให้ความรู้สึกเหมือนเดินทางสู่อวกาศ
ประกอบกับในอดีต Coca-Cola ก็มีเรื่องราวที่เชื่อมต่อกับอวกาศ นั่นคือในปี 1985 “Coca-Cola” จับมือกับ “NASA” ส่งเครื่องดื่มโค้กไปให้นักบินอวกาศที่กำลังปฏิบัติหน้าที่บนอวกาศ โดยจุดเริ่มต้นของโปรเจคนี้ มาจากนักวิจัยของ Coca-Cola มีไอเดียอยากพัฒนาเครื่องดื่มอัดลมให้กับนักบิวอวกาศ ได้มีทางเลือกในการดื่มมากขึ้น จึงพัฒนานวัตกรรมบรรจุภัณฑ์สำหรับดื่มได้ในสภาวะไร้น้ำหนัก
นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ Coca-Cola สำหรับให้นักบินอวกาศดื่มในขณะอยู่ในสภาวะไร้น้ำหนักบนอวกาศ
ขณะที่กลยุทธ์การตลาดของ “Coca-Cola Starlight” ที่จะผลักดันให้สินค้านี้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของคนรุ่นใหม่ จึงต้องเชื่อมต่อโลกที่ผู้บริโภคกลุ่มนี้ใช้ชีวิตอยู่ เช่น ดนตรี, เกม, แฟชั่น
อย่างการจับมือกับ “Ava Max” นักร้อง-นักแต่งเพลงอเมริกัน ร่วมกันโปรโมท Coca-Cola Starlight พร้อมทั้งนำเทคโนโลยี AR มาสร้างประสบการณ์แบบ “Immersive Digital Experience” เพียงแค่ผู้บริโภคซื้อ Coca-Cola Starlight จากนั้นสแกน QR Code ที่กระป๋อง หรือขวด เพื่อชมคอนเสิร์ตในรูปแบบ Augmented Reality โดยจะมี Ava Max แบบโฮโลแกรมปรากฏขึ้น แสดงเพลงฮิตของศิลปินสาว รวมทั้งทำ Collaboration กับแบรนด์แฟชั่น Streetwear เช่น Staple Pigeon, Private Policy และ Bearbrick เพื่อทำคอลเลคชั่นร่วมกัน
Coca-Cola เตรียมวางจำหน่าย “Coca-Cola Starlight” ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์นี้ที่สหรัฐอเมริกาก่อน และอีก 2 เดือนจากนี้ จะเปิดตัวในยุโรป, เอเชีย เช่น จีน, เกาหลี, สิงคโปร์ โดยกระจายสินค้าครอบคลุมทุกช่องทางการขาย ส่วนการทำตลาดในประเทศไทย ต้องรอติดตามกันว่าจะเข้ามาวางจำหน่ายเมื่อไร แต่เชื่อว่าเมื่อเป็น Global Platform ย่อมไม่ธรรมดาแน่นอน!
Ava Max นักร้องและนักแต่งเพลงจับมือกับ Coca-Cola ร่วมโปรโมท Coca-Cola Starlight