HomeBrand Move !!Tim Cook เผย Apple ควบกิจการเพราะต้องการ “นวัตกรรม” ไม่ใช่ (สกัด) คู่แข่ง

Tim Cook เผย Apple ควบกิจการเพราะต้องการ “นวัตกรรม” ไม่ใช่ (สกัด) คู่แข่ง

แชร์ :

ท่ามกลางดราม่าของบริษัทเทคโนโลยีบ้านใกล้เรือนเคียงอย่าง Facebook หรือ Amazon ที่หลายคนเชื่อว่าการควบรวมกิจการที่ผ่านมา บางครั้งอาจเกิดขึ้นเพราะตั้งใจสะกัดคู่แข่งไม่ให้เติบโต แต่สำหรับ Apple งานนี้ซีอีโอรอดพ้นข้อหาไปได้ด้วยดี หลัง Tim Cook ออกมาให้สัมภาษณ์กับ CNBC ด้วยประโยคสวย ๆ ว่า การควบรวมกิจการที่ผ่านมานั้น “Apple buys innovation, not competitors” 

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

โดยหลักฐานที่ทำให้ Apple รอดพ้นได้ด้วยดีก็คือ ข้อมูลจาก CB Insight ที่เปิดเผยว่า ในช่วงปี 2010 – 2019 มีสตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์ถึง 635 รายที่ถูกควบกิจการไป และในจำนวนนี้พบว่า Apple เป็นบริษัทที่มีการควบกิจการเหล่าสตาร์ทอัพ AI มากที่สุดถึง 20 บริษัท ยกตัวอย่างเช่น Novauris Technologies – Voysis และในเวลาต่อมา เทคโนโลยีของบริษัทเหล่านั้นก็ถูกนำไปใช้พัฒนาระบบ Speech Recognition ให้กับ Siri

เช่นเดียวกับการควบกิจการสตาร์ทอัพด้าน AI อย่าง Perceotio – RealFace ที่ถูกนำไปใช้พัฒนาเทคโนโลยีในการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าของ Apple

ไม่เฉพาะสตาร์ทอัพด้าน AI แต่การควบกิจการของ Apple ยังเกิดขึ้นกับบริษัทนักพัฒนาอื่น ๆ เช่น บริษัท Workflow ผู้พัฒนา Tools รายหนึ่งที่ปัจจุบันเครื่องมือนั้นได้กลายเป็นแอป Shortcuts บน iPhone ไปแล้ว หรือการควบกิจการบริษัท Texture ผู้ให้บริการแมกกาซีนดิจิทัลแบบ Subscription ที่กลายไปเป็น Apple News+ เรียบร้อย รวมถึงบริษัท FaceShift ที่กลายร่างเป็น Animoji ในเวลาต่อมาด้วย

โดย Tim Cook เผยด้วยว่า ในปี 2019 ที่ผ่านมานั้น บริษัทมีการควบกิจการสตาร์ทอัพเล็ก ๆ เหล่านี้แทบจะทุก 2 สัปดาห์เลยทีเดียว ซึ่งการควบกิจการนี้เกิดขึ้นในงานที่ Apple มองว่ามีความท้าทายจริง ๆ ทำให้ผู้ถือหุ้นของ Apple ไม่เคยตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการควบกิจการต่าง ๆ เหล่านี้เลย

ขณะที่บริษัทเทคโนโลยีรายอื่น ๆ เช่น Facebook หรือ Amazon กลับไม่สามารถเอาตัวรอดได้เหมือน Apple โดยดราม่าที่ Facebook เผชิญก็คือ การมีข้อมูลภายในหลุดออกมาว่า Mark Zuckerberg ตัดสินใจซื้อ Instagram เพราะว่าต้องการสะกัดกั้นการเติบโตของคู่แข่งรายนี้ เช่นเดียวกับ Amazon ที่ CNBC รายงานว่ามีการซื้อกิจการของ Quidsi แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ดูแลเว็บไซต์ diapers.com และ Soap.com เป็นเงิน 500 ล้านเหรียญ จากนั้นก็ปิดตัว Quidsi ในอีก 7 ปีให้หลัง ซึ่งหลายคนมองว่าทำให้คู่แข่งของ Amazon ลดลงไปนั่นเอง

Source

Source

Source


แชร์ :

You may also like