Amazon Go

จากต้นแบบของ Amazon Go ที่สหรัฐอเมริกา ตอนนี้ Lawson ร้านสะดวกซื้อในญี่ปุ่นได้ทดลองบริการ Lawson Go กับเขาแล้วเช่นกัน โดยผู้ใช้งานเพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชันลงในสมาร์ทโฟน และใส่ข้อมูลบัตรเครดิตให้เรียบร้อย เท่านี้ก็พร้อมช้อปในร้าน Lawson แบบไม่ต้องต่อคิวจ่ายเงินกันแล้ว

ภาพที่ปรากฏชัดเจนมากขึ้นในธุรกิจค้าปลีก ร้านอาหาร และคาเฟ่ คือ การพัฒนาไปสู่ยุคโมเดล “O2O” (Online to Offline – Offline to Online) เต็มรูปแบบ อย่างล่าสุด “Starbucks” (สตาร์บัคส์) จับมือ “Amazon Go” (อเมซอน โก) พัฒนาโมเดลร้าน “Starbucks Pickup with Amazon Go” นำฟีเจอร์สั่งสินค้าล่วงหน้าของแอปฯ Starbucks …

เรียกว่าเป็นสถานการณ์ที่น่าสนใจทีเดียว กับความเปลี่ยนแปลงของโลกค้าปลีกที่เราได้เห็นการล่มสลายของธุรกิจจำนวนมากในสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเป็น ค่าย J.C. Penney หรือ Neiman Marcus Group ที่ยื่นขอฟื้นฟูกิจการ แต่ในโลกออนไลน์ เรากลับเห็นว่า ยักษ์ใหญ่แห่งวงการอีคอมเมิร์ซอย่าง แอมะซอน (Amazon) กำลังมีแผนจะสร้างห้างสรรพสินค้าตัวจริงเสียงจริงขึ้นในรัฐ “โอไฮโอและแคลิฟอร์เนีย” 

ไม่ใช่แค่ “Amazon Go” ธุรกิจร้านสะดวกซื้อที่ Amazon ใช้เป็นพื้นที่โชว์นวัตกรรมของทางค่ายชนิดที่วงการค้าปลีกปรับตัวกันแทบไม่ทัน เพราะวันนี้ “ร้านทำผม” ก็กลายเป็นเป้าหมายต่อไปของ Amazon แล้วเช่นกัน กับการเปิดตัว Amazon Salon ร้านซาลอนแห่งใหม่บนพื้นที่ขนาด 1,500 ตารางฟุตในกรุงลอนดอน ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Augmented Reality (AR) ให้ลูกค้าสามารถเปลี่ยนสีผม (แบบเสมือนจริง) ได้ตามใจชอบ

จากที่เคยพัฒนา Amazon Go ร้านสะดวกซื้ออัจฉริยะที่ไม่ต้องต่อคิวจ่ายเงิน แค่หยิบของจากชั้นวางแล้วก็เดินออกจากร้านได้เลยนั้น ล่าสุด การบุกธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตของ Amazon กำลังเผยให้เห็นอีกหนึ่งนวัตกรรมแล้ว นั่นคือ “Dash Carts” หรือรถเข็นอัจฉริยะ ที่มาพร้อมกล้องดิจิทัล, เซนเซอร์ และหน้าจอที่สามารถแสดงผลได้ว่า นักช้อปแต่ละหยิบอะไรใส่ตะกร้ามาบ้าง และแน่นอน แค่มี Dash Carts คุณก็ไม่ต้องต่อคิวจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์แคชเชียร์เช่นกัน

ช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมา กระแสของการเปิดร้านค้าแบบไร้พนักงาน (Smart Unmanned Store) อาจเป็นสิ่งที่หลายแบรนด์พยายามไล่ตามเพื่อสร้างภาพแห่งความไฮเทค อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องยอมรับก็คือ ร้านค้าแบบไร้พนักงาน (แคชเชียร์) ที่เปิดทำการกันนั้น บางแบรนด์ที่เราเห็นกันจนชินตาเน้นไปที่การขายอาหาร หรือเครื่องดื่ม ซึ่งทำให้ร้านค้าเหล่านั้นต้องมีพนักงานตัวเป็น ๆ เดินขวักไขว่เพื่อจัดสินค้าภายในร้าน ไม่ได้ไร้พนักงานแบบ 100% อย่างที่ผู้บริโภคคาดหวังว่าจะได้เห็น

สำหรับหลายคนที่มีคำถามว่า การซื้อกิจการ Whole Foods ของ Amazon แถมด้วยการริเริ่มร้านค้าไร้แคชเชียร์อย่าง Amazon Go ขึ้นมานั้นจะนำ Amazon ไปสู่อะไร คำตอบที่น่าจะเห็นชัดขึ้นอาจเป็นข้อนี้ เมื่อมีรายงานข่าวจาก Bloomberg อ้างอิงแหล่งข่าวใกล้ชิดภายใน Amazon ว่าบริษัทมีแผนจะขยายเทคโนโลยี Go นี้ให้ใหญ่มากขึ้นระดับที่ให้บริการได้ใน “ซูเปอร์มาร์เก็ต” กันเลยทีเดียว

  ชื่อชั้นของร้านค้าปลีกยุคดิจิทัล Amazon Go กับคอนเซ็ปต์ Grab-and-Go หรือก็คือการไม่มีแคชเชียร์ แค่หยิบสินค้าแล้วเดินออกจากร้านได้เลยถึงคราวต้องปรับตัวให้หันมามองภาพรวมมากขึ้น หลังถูกผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกาตำหนิว่า ร้านค้าในลักษณะนี้ทำให้เกิดการแบ่งแยกผู้บริโภคกลุ่มที่ไม่มีบัญชีธนาคารออกจากระบบ เนื่องจากไม่สามารถตัดบัตรเครดิตเพื่อชำระเงินได้

  หากคุณคิดว่าร้านค้าปลีกทั่วไปได้ตายไปแล้ว และขอโบกมือลาไม่ทำธุรกิจนี้ต่อ คุณคิดผิดไปถนัดเลยทีเดียว เห็นได้จากประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา ที่แม้จะมีบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Amazon ตั้งตระหง่าน ทว่า ข้อมูลปี 2017 จาก Internet Retailer พบว่า มีเพียง 4.35 แสนล้านดอลลาร์ที่เป็นการซื้อขายผ่านออนไลน์ หรือคิดเป็น 13% จากมูลค่าตลาดค้าปลีกทั้งหมดที่ 3.49 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งจากตัวเลขนี้ ชี้ว่า e-commerce ยังไม่สามารถเข้ามาทดแทนร้านค้าปลีกได้ในอนาคตอันใกล้อย่างแน่นอน

ปี 2018 มีการปรับเปลี่ยน เปลี่ยนแปลง และการก้าวหน้าของเทคโนโลยีเพื่อการซื้อขายมากมาย ส่งผลให้ในปี 2019 นี้ พฤติกรรมหลายอย่างของผู้บริโภครวมทั้งการทำตลาดทั่วโลกจะมีการปรับตาม และเพื่อให้แบรนด์รู้ทันถึงสิ่งต่างๆ ที่จะทำให้โลกแห่งการช้อปก้าวไปข้างหน้าเพื่อให้เตรียมรับได้ทัน วันนี้เรามีการคาดการณ์ล่วงหน้าถึงแนวโน้มบางอย่างมาเล่าให้ฟัง ลองมาดูกันว่าความเปลี่ยนแปลงประเด็นใดบ้าง ที่จะมีบทบาทสำคัญในวงการค้าปลีกและอุตสาหกรรมช้อปปิ้งในปี 2019

เป็นประจำทุกปีที่ CAT หรือ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) จัดงาน CAT Network Showcase ปีนี้ มาในธีม Thailand X Step – The Next Extreme ก้าวข้ามขีดจำกัดของโลกดิจิทัล สู่อนาคตของประเทศไทย หัวข้อสัมมนาหนึ่งที่น่าสนใจ คือ The Real Digital Marketing ที่ …

3 เดือนแล้วสำหรับการทดลองล่าสุดของ Amazon กับร้าน Amazon Go ร้านขายของที่ไม่มีแคชเชียร์ เริ่มเข้าสู่ช่วงที่บริษัทกำลังเรียนรู้ว่าลูกค้าที่แท้จริงคือใครและการปรับตามความคิดเห็นที่ได้รับจากพวกเขา

“Amazon Go” ซึ่งเป็น “ร้านค้าไร้แคชเชียร์” ถูกโฆษณามานาน ในแผนแรก Amazon ตั้งใจจะเปิดร้านค้าแห่งนี้ช่วงปี 2016 แต่ก็ถูกเลื่อนแล้วเลื่อนอีกจนกระทั่งได้เปิดจริงในเดือนมกราคมปี 2018 ขั้นตอนการทำงานในร้านดังกล่าวนักช้อปแค่เปิดแอปพลิเคชั่น “Amazon Go” ในมือถือ แล้วเดินหยิบๆสินค้าลงกระเป๋า (ไม่ต้องมีตะกร้าเพราะไม่ต้องไปแคชเชียร์)  การคิดเงินก็จะเกิดขึ้นอัตโนมัติ  และลบออกเมื่อมีการวางคืนกลับไป  สุดท้ายเมื่อเดินผ่านออกมา ก็จะเกิดการตัดเงินออนไลน์ทาง mobile payment ผ่านแอปฯ โดยอัตโนมัติ

เมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว ธุรกิจค้าปลีกถูกแบ่งเป็นรูปแบบ “E-Commerce” กับ “Brick-and-mortar” (หน้าร้าน ตั้งอยู่ตามทำเลต่างๆ) อย่างชัดเจน แต่ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ และนับจากนี้เป็นต้นไป ค้าปลีกทั้งสองแอเรียกำลังถูกผสมผสาน (Integrate) เป็นเนื้อเดียวกัน โดยมี “เทคโนโลยี” เป็นตัวเชื่อมต่อ เพื่อสร้างสิ่งที่เรียกว่า “Seamless Shopping Experience” ให้กับผู้บริโภค