ก้าวเข้าสู่ปีที่ 7 อย่างสง่างาม สำหรับรายการ “ดวลเพลงชิงทุน” ทางช่องวัน31 รายการที่มอบโอกาส มอบเงินทุนให้คนสู้ชีวิตทั่วประเทศไทยตอกย้ำความเป็นที่สุดของรายการแข่งขันร้องเพลง ด้วยเรตติ้งสูงสุดตั้งแต่รายการออกอากาศมาโดยตลอด ล่าสุดรายการ “ดวลเพลงชิงทุน” สร้างเรตติ้งทั่วประเทศ 6.88 สูงที่สุดตั้งแต่ออกอากาศมาตลอด 7 ปี โดยกลุ่มคนดูต่างจังหวัด ที่อาศัยอยู่นอกเขตเทศบาลเมือง รับชมสูงที่สุด คิดเป็นเรตติ้ง 7.73 และ กลุ่มคนเมือง (กรุงเทพฯ และ หัวเมือง) รับชมรองลงมา ที่เรตติ้ง 5.49 …
เดินหน้าธุรกิจบันเทิงทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์เต็มที่ สำหรับกลุ่มเดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ หรือ ONEE ล่าสุด คุณตี้ ระฟ้า ดำรงชัยธรรม (ทายาทอากู๋ ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม) ประธานเจ้าหน้าที่การตลาดกลุ่ม ONEE พาอาณาจักร “เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์” บุกตลาดออนไลน์ OTT ด้วยการสร้างแอปพลิเคชั่น oneD ให้บริการบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น
จากจุดเริ่มต้น บริษัท เอ็กแซ็กท์ จำกัด บริษัทโปรดักชั่นที่ก่อตั้งร่วมกับ GMM Grammy เมื่อ 30 ปีก่อน วันนี้ คุณบอย ถกลเกียรติ วีรวรรณ ก้าวขึ้นมานำทัพ “เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์” หรือ ONEE บริษัทบันเทิงมหาชน ที่เพิ่งเข้าจดทะเบียนใน SET เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2564 ปัจจุบันมาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 25,717 ล้านบาท เป็นอันดับ 4 …
บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ONEE (วันอี) ของหัวเรือใหญ่ “บอย ถกลเกียรติ วีรวรรณ” และจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เปิดเทรดวันแรก (5 พ.ย.2564) ราคาขยับขึ้น 10 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 17.6% จากราคา IPO 8.50 บาท …
ภายใต้การนำทัพ “เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์” ของ “บอย ถกลเกียรติ วีรวรรณ” ได้พาธุรกิจและทีวีดิจิทัล ช่องวัน ทำกำไร 3 ปีซ้อนกับบทพิสูจน์ “ทีวีไม่ตาย” หลังปรับโครงสร้างดึง “จีเอ็มเอ็ม แชนแนล โฮลดิ้ง” เข้ามาอยู่ในโฮลดิ้ง ก็ได้ฤกษ์เตรียมตัวเข้าตลาดหุ้น ยื่นขาย IPO 496.25 ล้านหุ้น พร้อมเปิดรายชื่อผู้ถือหุ้นเจ้าของธุรกิจที่มีรายได้ 4,875 ล้านบาท กำไรสุทธิ 657 ล้านบาท …
หลังประกาศความร่วมมือเป็นพันธมิตรไปเมื่อเดือนมกราคม ระหว่าง “จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่” และ “โรจูคิส” เพื่อพัฒนาช่องทางขายใหม่ Media Commerce สินค้าสุขภาพและความงาม ความเคลื่อนไหวล่าสุด แกรมมี่ ประกาศเข้าซื้อหุ้น KISS 9.99% มูลค่า 539 ล้านบาท
กลุ่มเดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ นำทัพโดย คุณบอย ถกลเกียรติ และกลุ่มปราสาททองโอสถ เป็นผู้เข้าซื้อกิจการ “จีเอ็มเอ็ม แชนแนล โฮลดิ้ง” เจ้าของช่อง GMM 25 แทนทายาท “สิริวัฒนภักดี” เจ้าของอาณาจักรไทยเบฟ ที่เคยถือหุ้นอยู่สัดส่วน 50%
“จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่” ประกาศผลดำเนินงานปี 2562 โชว์กำไรสุทธิ 342 ล้านบาท กำไรต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 หลังยุคทีวีดิจิทัล
จากเหตุการณ์โศกนาฏกรรมโคราช จนมีเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 30 ราย และบาดเจ็บกว่า 50 ราย ในช่วงที่เกิดเหตุระหว่างวันที่ 8-9 ก.พ.2563 สังคมมีข้อสังเกตถึงการทำงานของ “สื่อมวลชน” จากการรายงานสดของสถานีโทรทัศน์และสื่อออนไลน์ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ
ถึงแม้ว่าจะได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมายในโลกออนไลน์ ในเหตุความรุนแรง #กราดยิงโคราช โดยงานนี้มีสถานีโทรทัศน์และสื่อออนไลน์จำนวนหนึ่งที่สร้างความรู้สึกว่าทำหน้าที่เกินกว่าเหตุ จนขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางคอมเมนต์ในเชิงลบ “เรตติ้ง” ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ที่ในวงการมีเดียใช้เป็นตัวเลขอ้างอิงความนิยม กลับบ่งบอกความจริงอีกด้าน!
ถึงแม้ว่าในตอนนี้สถานการณ์ #กราดยิงโคราช จะสงบลงและเข้าสู่ขั้นตอนการฟื้นฟูจิตใจและทรัพย์สิน นอกเหนือจากเรื่องมาตรการรักษษความปลอดภัยและคัดกรองบุคลากรของหน่วยงานราชการแล้ว สิ่งหนึ่งที่ต้องเป็นบทเรียนและกำหนดมาตรฐานอย่างเข้มงวดไม่แพ้กัน ก็คือ “การนำเสนอข่าว” ของสื่อมวลชน ที่ในระยะหลังเมื่อเกิดเหตุวิกฤติบทบาทของสื่อสารมวลชนกลับกลายเป็นได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในแง่ลบอยู่บ่อยครั้ง และในกรณีนี้ “ช่องวัน 31” เป็นหนึ่งในสถานโทรทัศน์ที่ได้รับคอมเมนต์ในเชิงลบ
การแข่งขันของธุรกิจทีวีดิจิทัล ชัยชนะวัดกันที่ “เรตติ้ง” ว่าใครจะสามารถทำได้มากกว่ากัน เพราะแบรนด์สินค้าหรือเอเจนซี่โฆษณา ใช้เป็นเกณฑ์ในการเลือกซื้อเวลาโฆษณา แต่การจะได้มาซึ่งเรตติ้ง คงต้องกลับมาดูกันที่พื้นฐานสำคัญของการทำธุรกิจทีวี จะต้องเริ่มต้นจากมี “คอนเทนต์” คุณภาพ ซึ่งต้องมีองค์ประกอบสำคัญหลายส่วน หนึ่งในนั้น คือ ผู้แสดงนำ หากเป็นคอนเทนต์ประเภทละคร หรือ พิธีกร-ผู้ดำเนินรายการ หากเป็นรายการวาไรตี้ และ ผู้ประกาศ หากเป็นรายการประเภทข่าว เพราะพวกเขาเหล่านั้น มีบทบาทสำคัญต่อการ “ดึงดูดและตรึง” ผู้ชมไว้ที่หน้าจอทีวี
หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของการทำธุรกิจทีวีดิจิทัลของ ช่อง One31 คือการพยายามสร้างรายการโทรทัศน์ (Content) ประเภทต่างๆให้ดัง เพื่อดึงคนดูให้อยู่หมัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ละคร” จะต้องมี Big Hit อย่างน้อยสัก 1 เรื่อง เพื่อโกยเรตติ้งสูงๆ แซงหน้าช่องอื่นให้ได้
ธุรกิจทีวีดิจิทัลช่วงหลายปีที่ผ่านมาออกอาการร่อแร่ เพราะเม็ดเงินโฆษณาที่หดหาย ลูกค้ารายหลักๆ ลดงบประมาณการใช้เงิน หันไปเทและให้น้ำหนักกับสื่อดิจิทัลมากขึ้น เม็ดเงินมีจำกัดแถมวงการทีวีไทยมีจำนวนช่องมากหน้าหลายตา มาแชร์เค้กก้อนที่เล็กลง แต่เม็ดเงินลงทุนในช่องดิจิทัลทีวีกลับถูกใส่ลงไปอย่างมหาศาล ตัวเลขทางการเงินจึงไม่บาลานซ์กันระหว่างรายรับกับรายจ่าย หลายๆ ช่องจึงยังขาดทุน ไม่สามารถเก็บดอกเก็บผลจากเมล็ดพันธุ์ทางธุรกิจที่หว่านลงไปได้ และดูท่าว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นนี้ไปอีกหลายปี หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
