จากที่มีบริษัทจำนวนมากในสหรัฐอเมริกาเริ่มประกาศเลย์ออฟพนักงานออกมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ถึงคราวยักษ์ใหญ่แห่งวงการอีคอมเมิร์ซอย่าง Amazon ในการเลย์ออฟพนักงานบ้างแล้ว โดยคาดว่าจะมีพนักงานที่ถูกปลดในครั้งนี้ราว 10,000 ตำแหน่งเลยทีเดียว
การเลย์ออฟพนักงานของ Amazon มีขึ้นหลัง Andy Jassy ซีอีโอของ Amazon ออกมาคาดการณ์ว่า ยอดขายจากเทศกาลช้อปส่งท้ายปีรอบนี้อาจเติบโตน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนกลับไปสู่ยุคก่อนหน้าที่จะเกิดโรคระบาด และลดการช้อปสินค้าออนไลน์ลง รวมถึงมีความกังวลเรื่องเศรษฐกิจภายในประเทศทำให้การจับจ่ายใช้สอยชะลอตัว
ขณะที่รายงานข่าวจาก Bloomberg อ้างว่ามีการรัดเข็มขัดอย่างหนักเกิดขึ้นภายใน Amazon ในช่วง 2 – 3 เดือนที่ผ่านมานี้ด้วย โดยสิ่งที่ Amazon ทำมีตั้งแต่การเลื่อนการเปิดคลังสินค้าใหม่ การหยุดจ้างงาน (เริ่มตั้งแต่ส่วนค้าปลีกไปจนถึงทุกแผนกของบริษัท) ไปจนถึงธุรกิจที่ไม่ทำกำไร เช่น หุ่นยนต์ส่งของ บริการ Telehealth ฯลฯ
ทั้งนี้ สื่อตะวันตกคาดว่า พนักงานที่จะถูกปลดเป็นส่วนงานที่ดูแลตลาดลำโพงอัจฉริยะ Echo ส่วนงานค้าปลีก และฝ่ายทรัพยากรบุคคล เป็นหลัก โดยสาเหตุที่แผนกลำโพงอัจฉริยะติดโผมาด้วยนั้นเป็นเพราะมีรายงานว่า มันไม่ได้เป็นสินค้าที่ต้องมีของชาวอเมริกันอีกต่อไป (แม้จะเคยเป็นสินค้าขายดีในช่วงหลายปีก่อนก็ตาม) โดยตอนนี้ ลำโพงอัจฉริยะบางตัวถูกเก็บไว้ในตู้เก็บของไปแล้วเรียบร้อย แทนที่ควรจะอยู่ใจกลางของบ้านและคอยรับฟังคำสั่งต่าง ๆ
ข้อมูลจาก Amazon ระบุว่า ในเดือนกันยายน บริษัทมีการจ้างพนักงาน 1.54 ล้านคน โดยส่วนใหญ่เป็นพนักงานแบบรายชั่วโมงที่ทำหน้าที่แพ็กสินค้าในโกดัง และพนักงานใน Whole Foods ขณะที่พนักงานในสำนักงานใหญ่ หรือตามแคมปัสต่าง ๆ พบว่ายังไม่มีการเปลี่ยนแปลง – เลย์ออฟแต่อย่างใด