เพลงที่เด็กร้องตามได้ สู่การ Collab กับแบรนด์
หากเคสด้านบนคือตัวอย่างของการนำเพลง Baby Shark Dance ไปใช้ในระดับภูมิภาค ในประเทศไทยเองก็มีหลายแบรนด์ที่นำ Baby Shark Dance มาใช้เช่นกัน โดยเคสที่น่าสนใจคือกรณีของแบรนด์สาหร่ายอบกรอบมาชิตะ ที่ Collab กับ Baby Shark โดยมีลายลิขสิทธิ์ของบรรดาปลาฉลามอยู่บนซองขนม นอกจากนั้นยังจัดแคมเปญประกวดเต้นเพลง Baby Shark Dance อีกด้วย
อีกแบรนด์ที่มีการดึง Baby Shark มาทำตลาดเจาะกลุ่มเด็กได้อย่างน่าสนใจก็คือ GQ กับการเปิดตัวหน้ากากอนามัยลาย Baby Shark ที่เด็ก ๆ คุ้นเคย ซึ่งการ Collab กับทั้งสองแบรนด์นี้มีรายงานว่าสามารถสร้างยอดขายได้สูงกว่า 500,000 ชิ้นเลยทีเดียว
โอกาสเจาะตลาดที่มากกว่า
นั่นทำให้เราเห็นสินค้าของ Baby Shark ในรูปแบบต่าง ๆ มากกว่าเดิม เช่น รองเท้าผ้าใบสำหรับเด็ก, กล่องอาหาร, ถ้วย ช้อนสำหรับเด็ก, ร่ม-ชุดกันฝน, อุปกรณ์การเรียน, สบู่อาบน้ำ, ยาสีฟัน, ขนม, ไอศกรีม, นม หรือแม้แต่แบรนด์สก็อตต์ (Scott) ที่เปิดตัวกัมมี่รสใหม่ Blackcurrant ก็ใช้คาแรคเตอร์ของ Baby Shark ด้วยเช่นกัน
ทั้งหมดนี้ สะท้อนให้เห็นว่า Pinkfong Baby Shark ถือเป็น บริษัทขายแฟรนไชส์ลิขสิทธิ์ที่ประสบความสำเร็จละน่าจับตามอง โดย Pinkfong Baby Shark ถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่น่าสนใจ ที่จะทำให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างก้าวกระโดด
เติบโตแบบฉุดไม่อยู่ กับ Baby Shark’s Big Show!
ในปี 2021 หลังจากที่ Baby Shark ได้เข้าสู่ตลาด อเมริกาอย่างเป็นทางการ Baby Shark’s Big Show! ซึ่งเป็นแอนิเมชั่นสำหรับเด็ก ที่เกิดจากความร่วมมือระหว่าง บริษัท Pinkfong และ Nickalodeon ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น ซีรีส์ดังกล่าวมีทั้งสิ้น 26 ตอน ซึ่งแต่ละตอนมีความยาวประมาณ 30 นาที มากไปกว่านั้น Pinkfong Baby Shark ได้ตอกย้ำความสำเร็จด้วยการวางแผนที่จะผลิตแอนิเมชั่นตอนยาวร่วมกับ Paramouth+ ซึ่งมีกำหนดการฉายในปี 2023 โดยในปีดังกล่าวยังจะมีการปล่อย Baby Shark’s Big Show! ซีซั่น 2 อีกด้วย
จะเห็นได้ว่า คาแรคเตอร์ของ Baby Shark มีการพัฒนาด้านคอนเทนต์ตลอดเวลา เพื่อรักษากลุ่มเป้าหมายเดิม และเข้าถึงกลุ้มเป้าหมายใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง
หากเอ่ยชื่อถึง “พิงค์ฟองเบบี้ชาร์ค” (Pinkfong Baby Shark) ออกไป ณ ตอนนี้ เชื่อว่าไม่มีเด็กคนไหนไม่รู้จัก และอาจไม่เฉพาะเด็ก เพราะผู้ใหญ่จำนวนไม่น้อยก็ฟังเพลงนี้กันจนติดหู และร้องตามได้ดีไม่แพ้กัน
แม้จะดูเหมือนพวกเขาอยู่กับเรามานาน แต่ในความเป็นจริงแล้ววีดีโอของ Pinkfong Baby Shark เพิ่งถูกอัปโหลดขึ้น YouTube เมื่อปี 2015 หรือเมื่อ 7 ปีที่ผ่านมานี้เอง และเป็นไวรัลอย่างรวดเร็วในเกาหลีใต้ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย ก่อนจะขยายไปทุกประเทศทั่วโลก ความฮอตฮิตดังกล่าว ส่งผลให้ Baby Shark Dance ถูกนำไปผลิตในภาษาต่าง ๆ มากถึง 20 ภาษา และเผยแพร่ใน 244 ประเทศ
กระแสนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนี้ ทำให้ Baby Shark Dance ซึ่งเป็นวิดีโอสุดโด่งดังจาก Pinkfong Baby Shark ได้รับการบันทึกชื่อในทำเนียบกินเนสเวิลด์เรคคอร์ด ในฐานะคลิปวิดีโอคลิปแรกบน YouTube ที่มียอดรับชมทะลุ 10,000 ล้านวิว เมื่อเดือนมกราคม 2022 ที่ผ่านมาด้วย (อ้างอิงจาก https://www.guinnessworldrecords.com/news/2022/1/baby-shark-becomes-first-youtube-video-to-reach-10-billion-views-689527)
น่าสนใจว่า อะไรทำให้ Baby Shark Dance ก้าวมาถึงจุดนี้ เราเลยอยากขอพาท่านผู้อ่านมาไล่เรียงความสำเร็จของพวกเขา โดยเริ่มต้นจากจุดกำเนิดของพวกเขาเมื่อปี 2015 กันก่อน
Baby Shark Dance เพลงโด่งดังที่มาจาก บริษัท Global Entertainment
จุดกำเนิด Baby Shark Dance เป็นผลงานของ The Pinkfong Company บริษัทบันเทิงระดับโลกที่มีสำนั
Baby Shark x Shopee จากเพลงยอดฮิต ถูกนำมาต่อยอดสู่มหกรรมอีคอมเมิร์ซ
การกลายเป็นไวรัลของ Pinkfong Baby Shark ทำให้มีการติดต่อเพื่อนำทำนองเพลงของ Baby Shark Dance ไปต่อยอดในมหกรรมช้อปปิ้งออนไลน์ของแพลตฟอร์ม “ช้อปปี้” (Shopee) อีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และไต้หวัน และมีการดึงนักฟุตบอลคนดัง อย่างคริสเตียนโน โรนัลโด (Cristiano Ronaldo), ณเดชน์-ญาญ่า และเฉินหลง ร่วมเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ในแคมเปญดังกล่าว โดยผลสำเร็จของแคมเปญยังเคยถูกสื่อตะวันตกนำไปพาดหัวว่า การใช้เซเลปคนดังร่วมกับเพลง Pinkfong Baby Shark นั้น ทำให้ Shopee มียอดสั่งซื้อในเทศกาล 9.9 เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าเลยทีเดียว (อ้างอิงจาก https://www.businessinsider.com.au/cristiano-ronaldo-baby-shark-advertisement-helped-shopee-triple-sales-2019-11)
สำหรับแบรนด์ต่าง ๆ ที่สนใจอยากร่วมงานกับ Baby Shark สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
บริษัท ฮูปป์ จำกัด ในฐานะผู้ถือลิขสิทธิ์อย่างเป็นทางการในประเทศไทย
(โทร. 092-652-6623 หรือ E-mail : all@hooop.io)