HomeFeatured15 กลยุทธ์การตลาด ผ่าวิกฤติเมื่อแบรนด์เจอ “ทางตัน”

15 กลยุทธ์การตลาด ผ่าวิกฤติเมื่อแบรนด์เจอ “ทางตัน”

แชร์ :

strategic mkt

การพัฒนาแคมเปญการตลาดให้โดนใจกลุ่มเป้าหมายว่ายากแล้ว แต่ถ้าคุณเป็นนักวางแผนกลยุทธ์แล้วล่ะก็คุณย่อมรู้ดีว่านอกเหนือจากการออกแคมเปญการตลาดโดนๆ แล้วการพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาดก็ยังมีปัจจัยอื่นที่ต้องคำนึงถึงมากมายร้อยแปดพันเก้า ในบางช่วงคุณอาจรู้สึกว่าคิดอะไรก็เจอทางตันไปเสียหมด ถ้าคุณและแบรนด์กำลังประสบปัญหาที่ว่า  Brand Buffet ก็มี 15 กลยุทธ์ทางการตลาดที่จะช่วยจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ให้แบรนด์กลับมาโลดแล่นอีกครั้งมาแนะนำดังนี้

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

1. หาพันธมิตร

การหาพันธมิตรทางการตลาดจะช่วยให้การออกแคมเปญการตลาดประสบความสำเร็จมากขึ้น การสร้างพันธมิตรนั้นมีต้นทุนไม่สูงและเมื่อคุณร่วมมือกับพันธมิตรคุณจะสามารถสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายได้ดีขึ้นเห็นผลสำเร็จรวดเร็วมากขึ้นและยังเป็นวิธีการที่ดีในการเจาะตลาดลูกค้ากลุ่มใหม่ ตัวอย่างเช่นแคมเปญที่เว็บไซต์เช่าหนังสือ Half.com เคยใช้ก่อนที่จะถูกอีเบย์ซื้อกิจการไปโดย Half.com ได้ให้เมืองเล็กๆที่มีชื่อว่า Halfway เปลี่ยนชื่อเมืองเมืองเป็น Half.com เป็นเวลา 1 ปีแลกกับเงิน 100,000 ดอลลาร์และคอมพิวเตอร์ 20 ตัว หรือการที่แบรนด์รองเท้ากีฬา Converse ร่วมมือกับ Guitar Center ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายเครื่องดนตรีที่ใหญ่ที่สุดในโลกเปิดโครงการ Converse Rubber Tracks  เปิดโอกาสให้ศิลปินหน้าใหม่ ได้เข้าร่วมบันทึกเสียงในสตูดิโอสุดทันสมัยและเผยแพร่ผลงานผ่านทาง Youtube

 

2.  ใช้ข้อมูลที่สร้างโดยผู้บริโภค

จากการสำรวจคนกลุ่ม millennial (คนที่เกิดในปี ค.ศ. 1980-1996) จำนวน 839 คนพบว่าพวกเขาใช้เวลากว่า 5.4 ชั่วโมงในแต่ละวันไปกับข้อมูลข่าวสารที่ได้รับจากเพื่อน ซึ่งคิดเป็น 30% ของเวลาที่ใช้ไปกับการรับสารจากสื่อทุกชนิดและคิดเป็น 33% ของเวลาที่ใช้ไปกับการรับสารผ่าน Traditional media (ป้ายโฆษณา, วิทยุ, โทรทัศน์) ผลการสำรวจยังบ่งชี้ว่าข้อมูลข่าวสารที่ได้รับจากเพื่อนนั้นมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้ามากกว่าข้อมูลที่ได้รับจากสื่ออื่นๆ ถึง 20%

 

3. ร่วมมือกับบรรดา Influencer

Influencer หรือผู้นำเทรนด์ ผู้ที่มีอิทธิพลต่อความคิดของคนอื่นๆ การจับมือกับบรรดา Influencer ระดับต้นๆ ในวงการเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่จะช่วยให้คุณสร้าง brand awareness ในลูกค้ากลุ่มใหม่ บริษัท Lowe’s ซึ่งเป็นเครือร้านค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน ได้ให้บรรดา Influencer ที่เป็นดีไซเนอร์ชั้นนำและเหล่าคุณแม่บล็อกเกอร์ใช้บัญชีอินสตราแกรมของ Lowe’s ในบางเวลาเพื่อแชร์เรื่องราวที่จะเป็นแรงบันดาลใจในการตกแต่งบ้าน ซึ่งกลยุทธ์นี้ช่วยให้ Lowe’s เข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ได้เป็นอย่างดี

 

4. ช่วยลูกค้าแก้ปัญหา

คำกล่าวอันเป็นสัจธรรมอย่างที่เว็บไซต์ Hubspot ได้กล่าวไว้ว่า  “คุณอยู่ในธุรกิจเพราะคุณกำลังหาวิธีแก้ปัญหา” อีกหนึ่งหนทางที่คุณจะช่วยลูกค้าแก้ปัญหาได้ คือการสร้างบทความแนว how-to หยิบยื่นข้อเสนอที่จะช่วยให้ชีวิตของลูกค้าคุณดีขึ้น หรือคุณอาจมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาในชุมชน หรือคิดค้นนวัตกรรมใหม่ในการแก้ปัญหา แคมเปญสุดเจ๋งที่คุณอาจใช้เป็นต้นแบบคือแคมเปญที่ Orca Chevrolet ใช้ในบราซิลโดยการร่วมมือกับผู้ให้บริการรถยกในท้องถิ่นในการช่วยเหลือคนที่รถเสีย โดยนำรถ Chevrolet ไปให้คนที่กำลังประสบปัญหาเหล่านั้นขับไปยังจุกหมายแทนรถยนต์ของตนที่รถยกลากไปอู่ แคมเปญนี้นอกจากจะช่วยคนให้ผ่าน้นเรื่องราวแย่ๆ แล้ว ยังเป็นการเปิดโอกาสให้กลุ่มผู้ที่มีแนวโน้มจะเปลี่ยนรถใหม่ได้ทดลองขับรถ Chevrolet อีกด้วย

 

5. ให้ลูกค้ามีส่วนร่วม

ไม่ว่าคุณค่าที่คุณส่งมอบให้ลูกค้าจะอยู่ในรูปของผลิตภัณฑ์หรือบริการลูกค้าก็ต้องการที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับธุรกิจคุณหรืออย่างน้อยก็ขอให้ได้มีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าคนอื่นๆ ของคุณ ตัวอย่างเช่น แคมเปญ “Mad Men Yourself” ของสถานีโทรทัศน์ AMC เปิดโอกาสให้แฟนซีรีย์ Mad Men สามารถสร้างตัวละครในแบบที่ตนต้องการได้ผ่านทางเว็บไซต์ หรือเครือข่าย Open Forum ของบัตรเครดิต American Express ที่เปิดโอกาสให้เจ้าของกิจการ SME แบ่งปันข้อมูล ขอคำปรึกษาและให้คำแนะนำแก่กันและกันผ่านทางเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย และงานสัมมนา

 

 6. ทดลองสื่อสารผ่านช่องทางใหม่ๆ

อย่าลังเลที่จะลองใช้ช่องทางใหม่ๆ ในการโปรโมทแบรนด์ของคุณ ตัวอย่างที่โดนสุดต้องยกให้โรงแรม Fours Seasons กับแคมเปญ Pin.Pack.Go ที่ให้บุคคลทั่วไปสร้างบอร์ดบน Pinterest พร้อมระบุสาชาของโรงแรมที่จะไปพัก รูปแบบการท่องเที่ยวที่ต้องการแล้วทางโรงแรมก็จะปัก Pin แนะนำสถานที่น่าเที่ยวเจ๋งๆ บนบอร์ดของคุณ แคมเปญนี้นับได้ว่าเป็นแคมเปญแรกในวงการธุรกิจท่องเที่ยวที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าและพนักงานของธุรกิจได้ร่วมวางแผนทริปเดินทางด้วยกันผ่านทางบอร์ดของ Pinterest

 

7. ทำตามแบบแอ๊ปเปิ้ล

แอ๊ปเปิ้ลสมควรได้รับการกล่าวถึงในแง่ของการสร้างกลุ่มสาวกที่ภักดีกับแบรนด์ไปชั่วชีวิต นั้นเป็นเพราะแอ๊ปเปิ้ลสามารถสร้างแบรนด์ให้เป็น Icon หรือ สัญลักษณ์ได้ แนวความคิดของการออกแบบให้กลายเป็นสัญลักษณ์นั้น พูดง่ายๆเหมือนการสร้างลายเซ็นต์ประจำตัวของแบรนด์นั่นเอง กลยุทธ์การตลาดของแอ๊ปเปิ้ลนั้นมีหลักการใหญ่ๆ 3 ข้อคือ 1.มีอารมณ์ร่วม เพื่อเข้าใจและสนองความต้องการของลูกค้าได้เหนือคู่แข่ง 2. โฟกัส – ลืมสิ่งอื่นที่ไม่เกี่ยวกับข้อแรกไปซะ 3.นำเสนอ ต้องให้ทุกรายละเอียดเล็กๆ ที่คุณออกแบบส่งไปถึงลูกค้า เมื่อแอ๊ปเปิ้ลได้ออกโฆษณาไอพอดที่ใช้เป็นภาพเงาสีดำของผู้คนที่กำลังเต้นไปกับไอพอดที่มีสายหูฟังสีขาวโฆษณานี้ก็กลายเป็น Icon ของแอ๊ปเปิ้ลในสายตาของลูกค้าในทันทีโดยไม่จำเป็นต้องมีโลโก้ของแอ๊ปเปิ้ลในโฆษณาเลย

 

8. ใส่ความสนุกลงไปซะบ้าง

คุณอาจไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับ  Dollar Shave Club ซึ่งเป็นบริษัทจัดจำหน่ายใบมีดโกนมาก่อนจนกระทั่งมีโฆษณาตลกๆ ออกมาทางยูทูบ เช่นเดียวกับ Taco Bell และ Old Spice ที่ใช้แคมเปญการตลาดที่สนุกสนานมาเรียกความสนใจได้เสมอ ทางด้าน Caterpillar ก็ได้ออกไวรัลวิดีโอที่ชื่อว่า “Built for It” โดยให้รถยนต์ทั้ง 5 ชนิดที่เป็นผลิตภัณฑ์ของ Caterpillar ร่วมกันเล่นเกมต่อไม้ Jenga

 

 9. ให้พนักงานมีส่วนร่วม

ทำให้พนักงานในบริษัทเป็นผู้สนับสนุนแบรนด์ของบริษัทคุณ กลยุทธ์นี้ได้ถูกใช้ในการโปรโมทไวรัลวิดีโอที่ชื่อ “Built for It” ของ Caterpillar โดยเนื้อหาของวิดีโอที่มุ่งสร้างความจงรักภักดีต่อแบรนด์นี้ได้กระตุ้นความภักดีต่อบริษัทในหมู่พนักงานให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง และพนักงานก็เป็นผู้แชร์วิดีโอนี้ให้กับเพื่อนๆ และคนในครอบครัว

 

 10. ทำอะไรแผลงๆ สักนิด

คุณไม่จำเป็นต้องอยู่ในกรอบตลอดเวลา บางครั้งคุณจำเป็นต้องคิดอะไรแผลงๆ นอกกรอบบ้าง  ตัวอย่างที่โดนที่สุดต้องยกให้แคมเปญโปรโมทสถานีวิทยุเพลงร็อค FM 96.3 ในเมือง  Glasgow ประเทศ Scotland  ที่นำแผงวางกีตาร์เปล่าๆ ไปตั้งไว้ทั่วเมืองพร้อมกับติดป้ายว่า “กีตาร์อากาศ แจกฟรี” แคมเปญนี้เป็นวิธีการโปรโมทที่เรียกความสนใจได้เป็นอย่างดีและตรงกับความเป็นคลื่นเพลงร็อคอย่างเหมาะเจาะ มีใครบ้างล่ะที่ไม่ทำท่าดีดกีตาร์กลางอากาศเมื่อฟังเพลงร็อคสุดมันส์

 

 11. อย่าละเลยลูกค้าเก่า

การหาลูกค้าใหม่เพื่อการเติบโตทางธุรกิจเป็นสิ่งสำคัญแต่อย่าละเลยลูกค้าที่คุณมีอยู่ Belle Beth Cooper ได้เสนอวิธีการอันน่าสนใจเกี่ยวกับกลยุทธ์นี้ใน Buffer Blog วิธีการนี้จะเน้นรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าเก่าๆ ซึ่งรวมถึงการทำให้ลูกค้ารู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง ในสมาชิกคลับ VIP การมอบสิทธิพิเศษต่างๆ ให้ลูกค้ารู้สึกเหมือนตนเป็นคนสำคัญ เมื่อลูกค้ารู้สึกประทับใจและผูกพันกับแบรนด์ของคุณเขาก็จะชักนำเพื่อนๆ ของเขาให้มาชื่นชอบแบรนด์ของคุณด้วย

 

12. ใช้ Big Data ในการกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

ปัจจุบัน Big Data หรือชุดข้อมูลขนาดใหญ่ที่มีความซับซ้อนกำลังเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการช่วยธุรกิจค้าปลีกระบุกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โรงแรม Red Roof Inn ใช้ข้อมูลการยกเลิกเที่ยวในการส่งข้อความโฆษณาโรงแรมไปยังนักท่องเที่ยวตกเครื่องที่กำลังลำบากกับการหาที่พัก เครือข่ายร้านพิซซ่าก็ใช้ Big Data ส่งคูปองส่วนลดไปให้กับลูกค้าที่ต้องทนหิวอยู่ที่บ้านเพราะกำลังประสบกับภาวะอากาศเลวร้ายหรือขาดแคลนไฟฟ้า และในอีกไม่นาน Big Data จะสามารถพยากรณ์เทรนด์การจับจ่ายของผู้บริโภคได้ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถติดต่อกับลูกค้าได้ก่อนที่ลูกค้าจะต้องค้นหาผลิตภัณฑ์ หรือบริการเอง

 

13. สร้าง buzz จากสิ่งของ

คุณสามารถจัดแคมเปญการตลาดแบบ Offline ให้เป็นที่พูดถึงกันแบบปากต่อปากโดยการโปรโมทผ่านสิ่งของได้ เช่นการเพ้นท์อาคาร แต่ตัวอย่างสุดเยี่ยมคือ จักรยานให้เช่า Citi Bike ของธนาคาร Citi Bank ที่ใช้สีน้ำเงินและติดโลโก้ธนาคารรอบคันซึ่งดึงดูดสายตาของชาวเมืองได้เป็นอย่างดี หรือการที่สวนสัตว์โคเปนเฮเกนวาร์ปรถบัสให้ดูเหมือนว่าถูกงูเหลือมรัดอยู่

 

14. หวนรำลึกความหลัง

ผลการวิจัยที่ตีพิมพ์Journal of Consumer Research พบว่าคนที่ถูกถามคำถามให้นึกถึงความหลังจะยินดีจ่ายเงินจำนวนมากกว่าคนที่ถูกถามเกี่ยวกับอนาคตหรืความทรงจำใหม่ๆ สำหรับสินค้าแบบเดียวกัน ซึ่งก็สอดคล้องกับการทดลองที่พบว่าคนยินดีที่จะจ่ายเงินมากขึ้นถ้าถูกกระตุ้นให้นึกถึงวันแสนสุขในอดีต ซึ่งอาจเป็นเหตุผลที่แบรนด์ Coca-Cola, Calvin Klein และ Internet Explorer ต่างผุดแคมเปญในการพาคนยุค millennial ย้อนอดีตไปยังปี 90s

 

15. เล่าเรื่องแบบ Cross-Media Story

การเล่าเรื่องเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การตลาดที่ทรงประสิทธิภาพ แต่หากคุณอยากรู้ว่าจะเพิ่มความทันสมัยให้กลยุทธ์นี้ได้อย่างไร ลองดูโฆษณาที่ชือว่า  Axe’s “Susan Glenn” ของ Axe ซึ่งใช้วิธีการเล่าเรื่องแบบ Cross-Media Story โดยใช้ช่องทางที่หลากหลายในการโฆษณาทั้งภาพยนตร์ความยาว 60 วินาที ป้าย interactive billboard ที่จัตุรัสไทม์สแควร์ และแก๊กใน meme ที่ไม่มีการติดแบรนด์ โดยไม่ใช่เป็นเพียงแค่การนำเรื่องเดิมมาสื่อสารผ่านช่องทางใหม่แต่เรื่องราวที่สื่อสารผ่านแต่ละช่องทางยังแตกต่างกันออกไป

 

ข้อคิดส่งท้าย

การตกอยู่ในภาวะอับจนหนทางในการคิดหากลยุทธ์ทางการตลาดอาจทำให้คุณยิ่งรู้สึกสับสนและส่งผลให้ธุรกิจของคุณชะงักงันได้ คุณจำเป็นต้องคิดในเชิงกลยุทธ์ในทุกสิ่งที่คุณทำและสร้างวัฒนธรรมที่กลยุทธ์เป็น “หัวใจ” สำคัญขององค์กรให้เกิดขึ้นในธุรกิจของคุณ

 

อีกหนึ่งช่องทางรับข่าวสารผ่าน LINE ไม่ตกหล่นทุกข่าวสำคัญ

  เพิ่มเพื่อนรัวๆ  ที่ ID :   @brandbuffet

เพิ่มเพื่อน

 

เรียบเรียง : Belle W.
source

photo by  freerangestock


แชร์ :

You may also like