ปี 2566 ตลาดงานกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดย “นักการตลาด” คือ หนึ่งในสายงานที่เนื้อหอมที่สุด เป็นที่หมายตาขององค์กรทุกขนาด ที่กำลังโหมลุยงานโดยเฉพาะฝ่ายขาย การตลาด และโฆษณาประชาสัมพันธ์ เพื่อช่วงชิงโอกาสในการขายสินค้าและบริการ หวังพลิกธุรกิจให้ฟื้นตัวกลับมาเร็วที่สุด รวมถึงเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่คาดเดาได้ยากขึ้น ดังนั้น นักการตลาดยุคใหม่จึงต้องเสริมทักษะใหม่เพิ่มเติมโดยเฉพาะด้านดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง
“ภคศุภ เพ็ชรดี” ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง บริษัทดิจิมัสเกตเทียส์ จำกัด ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งเอเจนซี่แถวหน้าของเมืองไทย กล่าวว่า ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นักการตลาดติดอันดับท็อป 5 อาชีพที่ตลาดงานต้องการสูงสุดมาตลอด และตอนนี้ก็จำเป็นต้องมีทักษะด้านการทำดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งเพิ่มเติม เพื่อเป็นแต้มต่อสร้างโอกาสการหางานใหม่ ๆ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้น โดยทักษะจำเป็นที่ตลาดมีความต้องการสูง คือ การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) ความรู้ความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับลูกค้า (Customer Insight) การนำเสนอภาพข้อมูล (Data Visualization) และการวางแผนการตลาดที่วัดผลได้ (Performance Marketing)
“2566 ปีแห่งความเนื้อหอมของนักการตลาด เพราะเป็นที่ต้องการของทั้งเอเจนซี่ด้านการตลาด และองค์กรที่ต้องการสร้างทีมการตลาดภายในเอง ซึ่งแต่ละแบบมีจุดแข็งและจุดอ่อนต่างกัน โดยทีมการตลาดองค์กรมีจุดแข็งคือ มีความรู้ความเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง (Insight) และรู้ประเด็นภายในเป็นอย่างดี แต่มีจุดอ่อนคือ องค์กรจะมีต้นทุนเพิ่มสูงมากเพื่อสร้างทีมให้เท่ากับการทำงานของเอเจนซี่ ส่วนเอเจนซี่การตลาดมีจุดแข็งคือ มีทีมงานที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในหลายธุรกิจ สามารถชี้ให้เห็นปัญหาจากมุมคนนอกและสะท้อนความต้องการของผู้บริโภคได้ดีกว่า อีกทั้งช่วยให้องค์กรคุมค่าใช้จ่ายได้และช่วยลดภาระงานในองค์กร แต่มีจุดอ่อน คือ อาจมีความเข้าใจประเด็นเฉพาะเจาะจงภายในองค์กรน้อยกว่าคนในองค์กรเอง ดังนั้น หากสามารถทำงานร่วมกันโดยเอาจุดแข็งของแต่ละฝ่ายมาเสริมกันก็จะสร้างผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้า”
แม้ว่าช่วงที่ผ่านมา องค์กรหลายแห่งหันมาสร้างทีมการตลาดภายในเอง แต่ “ภคศุภ” เชื่อมั่นว่า เอเจนซี่การตลาดยังสามารถอยู่รอดและเติบโตต่อไปได้ หากสามารถสร้างความแตกต่างให้ตัวเอง เพื่อให้ลูกค้าไว้วางใจและเชื่อมั่นที่จะเลือกใช้บริการในยุคที่มาร์เก็ตติ้ง เอเจนซี่ ถือเป็นตลาดน่านน้ำสีแดงเข้ม (Dark-red Ocean) ที่มีเอเจนซี่ขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ ที่จดทะเบียนเป็นบริษัทมีมากกว่า 6,000 บริษัท และมีการแข่งขันกันสูงมากทั้งในแง่การหาลูกค้าใหม่และรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้ให้นานที่สุด
“เอเจนซี่ต้องรู้และเชี่ยวชาญในสิ่งที่เราทำอยู่มากกว่าลูกค้า ต้องเป็นที่ปรึกษาในการวางกลยุทธ์ต่าง ๆ และสร้างตัวตนในการเป็นผู้เชี่ยวชาญในแขนงต่าง ๆ ของการตลาดในระดับที่คนอื่นไม่สามารถทดแทนได้ เช่น Performance Marketing, กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ (Brand Strategy) การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า (Customer Experience) เพื่อสร้างจุดเด่นและตอกย้ำความเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้น ๆ ของตัวเอง นอกจากนี้ อาจพัฒนาหรือลงทุนต่อยอดด้านเทคโนโลยีของตัวเอง เพื่อสร้างความแตกต่างจากเอเจนซี่เจ้าอื่น และเป็นการเปิดโอกาสทางธุรกิจเพิ่มเติมด้วย”
สำหรับการปรับตัวของ “ดิจิมัสเกตเทียส์” ภคศุภกล่าวว่า บริษัทยังรักษาจุดแข็งเดิมคือ การเป็นดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง เอเจนซี่ ที่ให้บริการแบบวัดผลได้จริง ภายใต้งบประมาณที่เหมาะสม และสร้างประโยชน์สูงสุดให้แก่ลูกค้า และที่ผ่านมา ได้เพิ่มบริการอื่น ๆ เพื่อสามารถให้บริการการตลาดแบบครบวงจรแก่ลูกค้าได้ เช่น การวางแผนกลยุทธ์และการสื่อสารแบรนด์, การผลิตคอนเทนต์สร้างสรรค์, การพัฒนาเว็บไซต์, การวางแผนดิจิทัลมีเดีย, การวิเคราะห์ผลงาน, การบริหารจัดการ Influencer และ KOL เป็นต้น