YDM ประเทศไทย เผยภาพรวมการใช้ Gen AI ของธุรกิจไทย พบการเติบโตในกลุ่มธุรกิจประกันภัย-สถาบันการเงิน-ค้าปลีก พร้อมเปิดกรณีศึกษา ใช้ Gen AI เพิ่มประสิทธิภาพการทำ Digital Marketing แบบ Full Funnel ได้ดีขึ้น และสามารถสร้างประสบการณ์แบบ Personalized ที่นำไปสู่การเพิ่มยอดขายได้จริง
การมาถึงของ Gen AI กำลังทำให้วงการ Digital Marketing น่าจับตาขึ้นอีกขั้น เห็นได้จากกรณีศึกษาที่ค่าย YDM Thailand ได้นำมาเปิดเผย ถึงการสร้างชิ้นงานโฆษณา การผลิตข้อความโฆษณา และกลยุทธ์ในการใช้ KOL หลักร้อยคน เพื่อให้ได้งานที่ตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โดยคุณธนพล ทรัพย์สมบูรณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วายดีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด (YDM Thailand) กล่าวถึงการนำ Gen AI มาใช้ในมุมของ YDM Thailand ว่า Gen AI ไม่เพียงเพิ่มประสิทธิภาพให้กับคนทำงานได้อย่างมาก แต่ยังทำให้นักการตลาดมีเวลาเพิ่มขึ้น และนำเวลาเหล่านั้น ไปสร้างมูลค่าเพิ่มอื่น ๆ ให้กับองค์กร และบริษัทของลูกค้าได้อีกต่อ
“การมาถึงของ AI ในยุคนี้ ผมมองว่าเปรียบเทียบได้กับตอนที่โลกเริ่มมีอินเทอร์เน็ต และในที่สุด Gen AI จะกระทบทุกธุรกิจ ซึ่งอาจเป็นเวลาอีกไม่กี่ปีหลังจากนี้” โดยคุณธนพลกล่าวต่อไปว่า การที่ Gen AI เข้ามา Disrupt ได้แรงขนาดนี้ ส่วนหนึ่งเพราะกระทบกับกลยุทธ์ธุรกิจ 3 ข้อ นั่นคือ Economy of Scope, Economy of scale และ Economy of speed โดย AI สามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้กับทั้ง 3 หัวข้อนี้พร้อม ๆ กัน พร้อมยกตัวอย่าง ธุรกิจ Digital Marketing ที่ตอนนี้ คนหนึ่งคนทำงานได้มากขึ้น กว้างขึ้น เร็วขึ้น
“ยกตัวอย่างเช่น การทำโปรโมชัน เราแค่ตั้งโจทย์ว่า จะเซ็ทโปรโมชันอย่างไรให้ได้กำไรสูงสุด ถ้าเป็นเมื่อก่อน เราต้องใช้ซอฟต์แวร์หลายตัว ใช้คนหลายคน และใช้เวลาเป็นสัปดาห์ แต่ตอนนี้ แค่ให้ข้อมูลในอดีตกับ AI กดคลิกเดียว ก็ได้คำตอบออกมาแล้ว และไม่ใช่คำตอบเดียวด้วย”
“หรืออย่างงานโฆษณาก็เช่นกัน ทุกวันนี้ สิ่งที่ลูกค้าใช้มากที่สุดก็คือ KOL แคมเปญหนึ่งอาจต้องใช้ 50 – 100 คน และทำงานให้จบในหนึ่งเดือน ซึ่งเอเจนซี่ต้องทำสตอรี่บอร์ดให้เขาด้วย ตอนนี้เราสามารถใช้ Gen AI ช่วยทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้จริงแล้ว”
เปิดกรณีศึกษา ส่งเมสเสจแบบเฉพาะเจาะจง และปิดการขายได้
ด้านคุณณั
จุดเริ่มต้นของกระบวนการดังกล่าวมาจากการที่แบรนด์ได้เก็บข้อมูลลูกค้าอย่างถูกต้องบน Customer Data Platform (CDP) ซึ่งทำให้แบรนด์มีข้อมูลเชิงพฤติกรรมของลูกค้าอย่างละเอียด
“เมื่อเราใช้ CDP เก็บข้อมูลเชิงพฤติกรรมของลูกค้าแต่ละรายแล้ว จะทำให้แบรนด์เข้าใจว่า ลูกค้ามีความสนใจ Product ตัวไหน Engage กับ Message อะไร จากนั้น ทีมจะทำการแบ่งลูกค้าเป็น Segment ย่อย ๆ ตามบริบทของลูกค้าเพื่อทำการสื่อสารแบบอัตโนมัติ ผลที่ได้คือ Conversion Rate ในการปิดการขายออนไลน์จากไม่ถึง 1% ขึ้นไปเกือบ 30% นั่นหมายถึงประสิทธิภาพที่มากขึ้นกว่า 30 เท่า”
ในจุดนี้คุณณัฐพลชี้ด้วยว่า เป็นเทรนด์ของลูกค้าในปัจจุบันที่ต้องการเมสเสจที่ตรงใจ ตรงกับไลฟ์สไตล์ หรือความต้องการที่มากขึ้น การส่งข้อความแบบ Personalized นี้จึงได้รับผลตอบรับที่ดี
3 ความท้าทาย การตลาดแบบ Personalized
กระนั้น การทำ Personalization ระดับนี้ไม่ได้มีแต่ข้อดีเพียงด้านเดียว ความท้าทายของมันก็มีเช่นกัน โดยคุณณัฐพลระบุว่า สิ่งที่แบรนด์ต้องทำความเข้าใจคือขนาดของกลุ่มเป้าหมายที่เจาะจงจะมีขนาดที่เล็กลงมาก ๆ จากหลักหมื่น หลักแสน เหลือเพียงแค่ประมาณ 400 – 500 คน
ประการที่สองคือ การทำการตลาดแบบ Personalized นี้ต้องรอ Signal จาก User ก่อน เพื่อให้เกิดการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ และข้อสุดท้าย หากแบรนด์ไม่ได้มีการจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ และไม่มี AI ช่วยให้การ Scale up ปริมาณชิ้นงาน สิ่งเหล่านี้แทบจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย
ทั้งนี้ ในมุมของผู้บริหาร YDM กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ธุรกิจไทยที่ให้ความสนใจใช้งาน Gen AI สูงสุดในตอนนี้คือ ประกันภัย สถาบันการเงิน และค้าปลีก ส่วน FMCG ยังคงมีอุปสรรคใหญ่ เนื่องจากหลายแบรนด์ไม่มีฐานข้อมูลลูกค้าเป็นของตัวเอง
ส่วนใครที่กังวลว่า Gen AI จะเข้ามาแทนที่มนุษย์นั้น ในมุมของคุณณัฐพลมองว่า งานที่กล่าวมา ยังมีมนุษย์อยู่เบื้องหลังในฐานะผู้ใช้ AI ให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่สิ่งที่มนุษย์จะได้มากขึ้นจากการมาถึงของ AI คือการได้เวลากลับคืนมา และนำเวลาเหล่านั้นไปสร้าง Value อื่น ๆ เพิ่มเติม