หลังจากที่นำเสนอ คู่วิวาห์ของวู้ดดี้ มิลินทจินดา (คลิกอ่าน) ก็เป็นไปตามอย่างที่คาดการณ์ไว้ นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน)บริษัทครีเอทีฟ อีเว้นท์ เปิดเผยถึงการเปิดบริษัทร่วมทุนกับวู้ดดี้เวิลด์ ภายใต้การบริหารของวู้ดดี้- วุฒิธร มิลินทจินดา ว่า “อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ (Index Creative Village)เดินเกมส์รุกทางการตลาด จับมือกับพันธมิตรใหม่กับ วู้ดดี้-วุฒิธร มิลินทจินดา ด้วยการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน ภายใต้ชื่อ บริษัท บิ๊กอีเว้นท์ จำกัด โดยนำความแกร่งทางด้านธุรกิจอีเว้นท์ ด้วยประสบการณ์กว่า 23ปีสร้างสรรค์ผลงานครีเอทีฟจนเป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผนวกกับความแกร่งทางด้านธุรกิจบันเทิง ที่มีความจี๊ดจ๊าด กับไอเดียที่ใหม่ สด อยู่ในกระแสตลอดเวลา และลีลาที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของวู๊ดดี้
โดยมีกลยุทธ์ดำเนินธูรกิจ 3 รูปแบบคือ 1. Big content Big formatสร้างสรรค์ผลิตรายการทีวีคุณภาพและมีมาตรฐานระดับสากลโดยคนไทยที่มีความหลากหลายด้วยเนื้อหาและรูปแบบพัฒนายกระดับรายการทีวีไทยสู่สากล 2. Big Platform สร้างสรรค์งานในรูปแบบหลากหลายในแบบฉบับของ “บิ๊กอีเว้นท์” ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ความกล้าความบ้าและความเป็นมืออาชีพโดยเป็นการดึงเอางานหรือสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นของไทยสร้างสรรค์ให้เป็นงานระดับสากลและ 3. Big Creative Thinkingการรับจัดงานและให้บริการจัดกิจกรรมทางการตลาดตามความต้องการของลูกค้าที่ต้องการความแปลกใหม่ไม่ธรรมดาและหวือหวาแบบเฉพาะตัว ซึ่งทั้ง 3 รูปแบบบริการ รวมกับพลังในตัววู้ดดี้ เชื่อมั่นว่าจะตอกย้ำชัดถึงภาพลักษณ์ ความเหนือชั้น และการก้าวสู่งานในระดับที่เป็นสากลมากขึ้น”
นายวุฒิธร มิลินทจินดาหรือ วู้ดดี้ ประธานบริษัท บริษัท วู้ดดี้ เวิลด์ จำกัดบริษัท ผลิตรายการโทรทัศน์ รายการวู้ดดี้ เกิดมาคุยและตื่นมาคุย กล่าวว่า “จากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในด้านวงการบันเทิงจนเป็นที่ยอมรับ ในครั้งนี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญ และเป็นโอกาสที่ดีที่ได้จับมือกับ อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจก่อตั้งบริษัท บิ๊กอีเว้นท์ จำกัด ภายใต้คอนเซ็ปต์ A Big Sense of Creativity ด้วยทุนจดทะเบียน 50 : 50ซึ่งจะเป็นการแลกเปลี่ยนมันสมองระหว่างธุรกิจบันเทิง และอีเว้นท์ สร้างงานที่มีความสด แปลก และใหม่ ที่สำคัญต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน โดยเฉพาะในเรื่องของการพัฒนายกระดับรายการทีวีไทยสู่สากล โดยการสร้างสรรค์เนื้อหาและรูปแบบของรายการทีวีเพื่อขายลิขสิทธิ์ที่ผลิตขึ้นจากคนไทยให้แก่ต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนของวงการทีวีครั้งสำคัญ จากเดิมที่ทีวีไทยจะนิยมซื้อลิขสิทธิ์รายการต่างๆ ที่มาจากเมืองนอกเข้ามาฉายในประเทศไทย แต่ครั้งนี้ “บิ๊ก อีเว้นท์”จะเป็นผู้ผลิตรายการ และขายลิขสิทธิ์ให้ต่างประเทศแทน ซึ่งเป็นจุดยืนที่สร้างให้ “บิ๊ก อีเว้นท์” มีความแตกต่าง และโดดเด่นจากคนอื่นๆ รวมถึงการเพิ่มความสนุกสีสัน ให้กับงานอีเว้นท์ รวมถึงงานที่เป็น platform ในรูปแบบใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะสร้างปรากฎการณ์แปลกใหม่ให้กับวงการ และที่สำคัญจะเป็นงานที่ฉีกกฎเกณฑ์เดิมๆ แน่นอน”
“สำหรับผลประกอบการรวมในปี 2556 ของ “บิ๊ก อีเว้นท์” คาดการณ์ว่าจะมีรายได้กว่า 230ล้านบาทและเติบโตขึ้นเป็นเท่าตัวในปีต่อไป พร้อมที่สร้างทุกความฝันให้กลายจริง และรองรับความต้องการที่หลากหลายในทุกมิติ” นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน กล่าวทิ้งท้าย