“อิริค ชมิดท์” (Eric Schmidt) อดีตซีอีโอกูเกิล (Google) ให้ทัศนะคนรุ่นใหม่ อยากเติบโตแบบมืออาชีพต้องเข้ามาทำงานในออฟฟิศ พร้อมย้ำ ที่ Google เติบโตจากสตาร์ทอัพจนเป็นบริษัทมูลค่าเกือบ 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐก็เพราะการทำงานแบบนี้
การกลับเข้ามาทำงานในออฟฟิศของบริษัทเทคโนโลยีจำนวนมากกำลังเริ่มต้นแล้วในสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ดี ใช่ว่าการทำงานจะต้องคงอยู่ในรูปแบบเดิม เพราะหลาย ๆ บริษัทได้เพิ่มทางเลือกแบบไฮบริด หรือการเข้าออฟฟิศแค่บางวันให้พนักงานด้วยเพื่อลดโอกาสที่พนักงานจะหนีไปสมัครงานที่ใหม่
หนึ่งในบริษัทที่ต้องเพิ่มทางเลือกแบบไฮบริดให้กับพนักงานก็คือ Google โดยพนักงาน Google ต้องเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศอย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ความเปลี่ยนแปลงนี้ ไม่ได้ถูกใจทุกคน โดยเฉพาะ อิริค ชมิดท์ อดีตซีอีโอของ Google ที่ต้องออกโรงเตือนว่า จริง ๆ แล้ว การทำงานในออฟฟิศนั้น “มีประโยชน์ต่อการเติบโตในอนาคตมากกว่า” และเขายังบอกด้วยว่า สิ่งที่ทำให้ Google เติบโตจากสตาร์ทอัพจนกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่า 1.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐได้อย่างทุกวันนี้ก็คือ “การทำงานในออฟฟิศ” นั่นเอง
ความเป็นมืออาชีพเกิดได้ยากบนโลกเวอร์ชวล?
นอกจากบรรยากาศของการคุยงานบนโต๊ะกาแฟของคนทำงาน หรือการพบปะกันที่ทำให้รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตา – ใกล้ชิดกันมากขึ้นแล้ว สิ่งที่อิริค ชมิดท์ให้คุณค่าอาจเป็นเรื่องของการทำงานแบบมืออาชีพ ซึ่งเขามองว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องปลูกฝังให้กับพนักงานรุ่นใหม่ แต่ทักษะข้อนี้ ค่อนข้างสร้างได้ยาก หากเป็นการทำงานบนโลกเวอร์ชวล
อิริค ชมิดท์ยังได้ยกตัวอย่างการทำงานแบบมืออาชีพที่พนักงานรุ่นใหม่ควรต้องเรียนรู้ เช่น มารยาทในการเข้าร่วมประชุม, ทักษะในการนำเสนองาน, ทักษะด้านการบริหารจัดการ, ทักษะในการเจรจาต่อรอง ฯลฯ โดยจะเห็นว่า เป็นเรื่องจำเป็นต่อการเติบโตในอนาคตทั้งสิ้น ซึ่งเขามองว่า บรรยากาศในออฟฟิศเอื้อต่อการพัฒนาทักษะเหล่านี้ ไม่ใช่การนั่งทำงานผ่านวิดีโอคอลล์บนโซฟาที่บ้าน
“ถ้าพนักงานรุ่นใหม่พลาดโอกาสในการพัฒนาสิ่งสำคัญเหล่านี้ เพราะว่าเขาอยากนั่งทำงานบนโซฟาที่บ้าน ผมก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าเขาจะไปพัฒนาทักษะเหล่านี้ได้ที่ไหน”
เขายังบอกด้วยว่า แม้เราจะมีเครื่องมือมากมายเพื่อให้ทำงานร่วมกันได้บนโลกออนไลน์ แต่เครื่องมือเหล่านั้น ไม่สามารถเทียบเคียงกับการมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานในองค์กรจริง ๆ ได้เลย
อย่างไรก็ดี ไม่เฉพาะ Google แต่ Meta (Facebook เดิม) และ Apple ต่างก็มีนโยบายการทำงานแบบไฮบริดออกมาเช่นกัน โดยส่วนใหญ่ก็คือการเข้าไปทำงานที่ออฟฟิศ 3 วันต่อสัปดาห์ ซึ่งสอดคล้องกับผลวิจัยของการ์ทเนอร์ที่พบว่า หากต้องการรักษาพนักงาน “สายไอที” เอาไว้ ต้องปรับการทำงานไปสู่การทำงานแบบยืดหยุ่น เช่น อาจให้พนักงานตัดสินใจได้เองว่าจะเข้าออฟฟิศเมื่อไร หรือไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศทุกวันนั่นเอง
- การ์ทเนอร์ชี้ “พนักงานไอที” เสี่ยงลาออกสูงสุด หากบริษัทให้กลับเข้า “ออฟฟิศ” – Brand Buffet
- สำรวจพบพนักงานออฟฟิศ อยากเดินทางมาทำงานอาทิตย์ละ 3 วัน “อังคาร-พุธ-พฤหัส” – Brand Buffet
เพราะสิ่งที่การ์ทเนอร์พบก็คือ พนักงานในสายเทคโนโลยีมีแนวโน้มจะลาออกจากงานที่ทำอยู่มากกว่าพนักงานสายอื่น ๆ หากบริษัทไม่มีการปรับนโยบายการทำงาน หรือบังคับให้พนักงานกลับมาทำงานในออฟฟิศทุกวันเหมือนที่เคยเกิดขึ้นก่อนยุค Covid-19