หลังจาก Google ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1 ที่พบว่ารายได้จากธุรกิจโฆษณายังคงเติบโตแม้จะมีการชะลอตัวในเดือนมีนาคมไปบ้างนั้น อีกหนึ่งบริษัทที่วงการโฆษณาจับตาอย่าง Facebook ก็ออกมาประกาศผลประกอบการไตรมาส 1 แล้วเช่นกัน ซึ่งแน่นอนว่า Facebook ก็ไม่ทำให้หลายคนผิดหวัง
โดยผลประกอบการไตรมาสนี้ของ Facebook มีรายได้รวม 1.77 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว 17% ไม่เพียงเท่านั้น ยอดผู้ใช้งาน Monthly Average User ของ Facebook ยังเติบโตขึ้น 10% จาก 2,380 ล้านคน เป็น 2,600 ล้านคนด้วย ซึ่งหลังการแถลงผลประกอบการจบลง หุ้นของ Facebook มีการปรับตัวขึ้น 10% ด้วย
นอกจากนั้น หมวดรายได้อื่น ๆ ของบริษัทก็พบว่ามีการเติบโตที่น่าสนใจเช่นกัน กับรายได้ที่เพิ่มขึ้นเป็น 297 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือมากกว่าไตรมาสเดียวกันของปี 2019 ถึง 80% โดยหลัก ๆ มาจากยอดขายอุปกรณ์ VR อย่าง Oculus และอุปกรณ์สำหรับทำ VDO Conference อย่าง Portal นั่นเอง (ตอนนี้สินค้าทั้งสองชนิดไม่มีจำหน่ายแล้วทั้งบนเว็บไซต์ของ Facebook และเว็บไซต์ของ Best Buy)
Facebook ยังพบว่าในแต่ละวันมีผู้ใช้งาน 800 ล้านคนให้ความสนใจบริการ Live Stream ทั้งบน Facebook และ Instagram ด้วย ซึ่ง Mark Zuckerberg ซีอีโอ Facebook ให้ความเห็นว่า มาจากการที่ประชาชนต้องกักตัวอยู่ในบ้าน ทำให้กิจกรรมที่สามารถจัดได้นั้นต้องย้ายตัวเองมาอยู่บนโลกออนไลน์แทนนั่นเอง
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงินของ Facebook อย่าง David Wehner แสดงความกังวลก็คือ ตลาดมีความไม่แน่นอนสูง และ Facebook กำลังจับตาดูแนวโน้มการปรับตัวนี้ว่าจะเป็นอย่างไรอยู่ โดยเฉพาะการถอนโฆษณาของธุรกิจขนาดต่าง ๆ บนแพลตฟอร์ม ซึ่งทำให้ราคาโฆษณามีการปรับตัวลดลงในช่วง 3 สัปดาห์สุดท้ายของไตรมาส 1
ความไม่แน่นอนนี้ยังทำให้ Facebook ไม่มีการประมาณการรายได้ของไตรมาส 2 ออกมา หากแต่เป็นการเล่าภาพโดยย่อของการลงโฆษณาในเดือนเมษายนออกมาแทน
“เราพบว่ายังมีการลงโฆษณาอย่างต่อเนื่องใน 3 สัปดาห์แรกของเดือนเมษายน แต่เป็นการเติบโตแบบ Flat ซึ่งภาพรวมในเดือนเมษายนสะท้อนถึงความอ่อนแอของธุรกิจลูกค้าในประเทศที่เป็นผู้ใช้บริการหลักของ Facebook เนื่องจากหลายประเทศอยู่ในระหว่างการประกาศล็อกดาวน์พื้นที่”
ส่วน Mark Zuckerberg ออกโรงเตือนว่า สภาพเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 นี้อาจอยู่กับเราไปอีกหลายเดือน ซึ่งทำให้ Facebook บอกว่าตัดสินใจลงทุนในระบบต่อเนื่อง เพื่อรองรับการกลับมาของตลาด
Mark Zuckerberg ยังได้กล่าวถึงสถานะทางการเงินของบริษัทว่ามีความแข็งแกร่งจากตัวเลขเงินสดในมือ 60,290 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งทำให้บริษัทสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ รวมถึงการเข้าไปลงทุนใน Jio ซึ่งเป็นเบอร์ใหญ่ด้านผู้ให้บริการโทรคมนาคมของตลาดอินเดียได้ โดยแผนของ Facebook ในตลาดอินเดีย คือการดึงผู้ประกอบการขนาดเล็กที่มีนับล้านรายเข้าสู่โลกออนไลน์ ซึ่งจะนำไปสู่การทำธุรกรรมซื้อขายออนไลน์ผ่าน WhatsApp ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Facebook ในที่สุดนั่นเอง
ความท้าทายของธุรกิจโฆษณาอยู่ที่ไตรมาส 2
อย่างไรก็ดี ในมุมของ Debra Aho Williamson นักวิเคราะห์จาก eMarketer เผยว่า ความท้าทายที่แท้จริงของ Facebook อยู่ที่ไตรมาส 2 เห็นได้จากการที่ Facebook ออกมาเปิดเผยตัวเลขการลงโฆษณา 3 สัปดาห์แรกของเดือนเมษายนที่ไม่เติบโตเท่าที่ควร
นอกจากนั้นบริษัทยังมีการรัดเข็มขัดด้วยตัวเลขประมาณการรายจ่ายทั้งปีที่ปรับลดลงมาอยู่ระหว่าง 14,000 – 16,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จากเดิมที่เคยวางไว้ 17,000 – 19,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เช่นเดียวกับ Google ที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าจะชะลอการรับพนักงานใหม่ออกไปนั่นเอง
ขณะที่นักวิเคราะห์อีกส่วนหนึ่งมองการเปิดตัวบริการ Messenger Room ในทางบวก เนื่องจากเชื่อว่าแพลตฟอร์มจะสามารถสร้าง Engagement จากผู้ใช้งานได้อย่างต่อเนื่องจากบริการนี้