การตลาดที่ผ่านมาเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าและเปิดช่องทางการสื่อสาร เพื่อที่จะส่งสารไปสู่กลุ่มคนที่ถูกต้อง แต่ด้วยเทคโนโลยีที่เข้ามาเขย่าสิ่งเดิมๆ ให้สั่นคลอน อินเตอร์เน็ตและวิธีการตลาด ที่เคยได้ผลได้เปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิง การสร้างสรรค์แคมเปญที่เร็วและเต็มไปด้วยพลังครีเอทีฟ ศิลปะของการเข้าถึงลูกค้าได้เพิ่มมิติใหม่ๆ และช่วยสร้างชีวิตชีวาให้กับธุรกิจ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า
นักการตลาดในวันนี้ถูกคาดหวังอย่างยิ่ง ซึ่งนั่นหมายถึง นักการตลาดจะต้องเข้าใจวิธีที่จะเข้าถึงข้อมูลของลูกค้า และวางแผนที่เด็ดพอ ที่จะเข้าไปสร้างแรงบันดาลใจหรือเรื่องราวที่เข้าไปกระแทกใจลูกค้า จนอดรนทนไม่ไหวต้องซื้อสินค้า ความท้าทายที่ว่ามานี่ เป็นที่มาของ การตลาดเชิงประสบการณ์ ที่ต้องเพอร์เฟค จนเกิดแนวคิดเรื่อง 4Ps ซึ่งไม่ใช่แค่ Product – Price -Place – Promotion แบบดั้งเดิม แต่กลายเป็น
Power of Data (พลังของข้อมูล)
ทุกคนมีข้อมูล แต่มีบริษัทเพียงแค่หยิบมือเท่านั้นที่สามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปต่อยอดธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้ ในความเป็นจริง หลายองค์กรมีข้อมูลล้นเกินแต่ไม่สามารถจัดการที่ถูกต้องกับข้อมูลเหล่านั้นได้ แม้ว่าข้อมูลเหล่านั้นจะเป็นสินทรัพย์ที่มูลค่าสูงมากก็ตาม ธุรกิจที่ขายประสบการณ์ต้องอาศัยข้อมูลจำนวนมากจากหลายแหล่ง เพื่อที่จะควานหา insight ได้ถูกต้อง เพื่อตัดสินใจเลือกช่องทางและเลือกกลุ่มเป้าหมาย แถมมันยังช่วยให้เกิด P ตัวถัดไปอีกด้วย
Personalization (ลักษณะเฉพาะตัว)
แคมเปญการตลาดต้องมุ่งไปสู่ความเป็นลักษณะเฉพาะตัวที่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าด้วยข้อความที่มีความน่าสนใจและเกี่ยวข้องกับพวกเขามากที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น การส่งสารนั้นควรขยายไปสู่ช่องทางของการสื่อสารทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์แบบไหนก็ตาม ในจังหวะและโอกาสที่เหมาะสม การตลาดแบบ Omi-channel มีพื้นฐานมาจากความจริงที่ลูกค้ามีปฏิกิริยาหลายรูปแบบกับแบรนด์ ไม่ว่าจะเกิดจากการซื้อของออนไลน์ การเดินห้างสรรพสินค้า เลื่อนจอโทรศัพท์ ดูทีวี หรือแม้กระทั่งการรีบเดินผ่านสนามบินไปขึ้นเครื่องบิน Touch point ทุกจุด ไม่ว่าจะเป็น social media, โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน และโลกออนไลน์ ไม่ว่าอะไรก็ตามควรถูกนำมาพิจารณาสำหรับการสร้างสารที่จะส่งให้ลูกค้า พลังของข้อมูลให้เราได้ความสามารถในการจัดแต่งคอนเทนท์ให้เหมาะกับความสนใจของลูกค้าที่จะเพิ่ม engagement จนไปถึงรายได้และผลตอบแทนการลงทุนของแบรนด์ในที่สุด
Phygital (Physical + Digital)
โลกของเรากำลังเปลี่ยนไปจากสิ่งที่จับต้องได้มาเป็นดิจิทัลมากขึ้นเรื่อยๆ ธุรกิจที่ขายประสบการณ์ควรนำทั้งสองสิ่งมารวมเข้าด้วยกันเพื่อการทำการตลาดที่ดีขึ้น ข้อมูลไม่ได้อยู่บนดิจิทัลทั้งหมด และก็ไม่ได้อยู่ในช่องทางแบบดั้งเดิมทั้งหมด จะเห็นได้ว่าบริษัทที่สร้างตำนาน หรือบริษัทที่ประสบความสำเร็จทั้งหลายในยุคนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นบริษัทที่รวบรวมข้อมูลมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดจากทุกแหล่ง
Platform
P ตัวสุดท้ายคือ แพลทฟอร์ม การเลือกแพลทฟอร์มให้ถูกต้องช่วยคุณจัดการกับโลกที่มีสีสันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาได้ คุณต้องพิจารณาว่า แพลทฟอร์มของคุณเหมาะกับการใช้ AI มาช่วย หรือมันยังเป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคตอยู่ แพลทฟอร์มที่ถูกต้องจะช่วยจัดการองค์กรของคุณได้อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นข้อมูล การทำงานอัตโนมัติ การวัดผลการทำงาน การใช้งาน และสิ่งสำคัญที่สุดคืออาวุธของนักการตลาดในการมีส่วนร่วมกับลูกค้า ตั้งแต่ติดต่อกันครั้งแรกจนไปถึงการขาย
การตลาดในอนาคต(Future of Marketing) จะอยู่ในมือของ 4Ps ใหม่นี้เป็นแน่แท้ และ ธรรมชาติของธุรกิจที่ขายประสบการณ์ก็จะเดินหน้าขยายตัวต่อไป การทำงานของนักการตลาดอาจจะต้องพึ่งพาแพลตฟอร์มที่สามารถเติมเต็มและมีประโยชน์หลายอย่าง รวมทั้งช่วยให้เกิดความคิดสร้างสรรค์กับนักการตลาด
เอาละ…วันนี้คุณต้องถามตัวเองแล้วละว่า คุณรู้จัก และคิดกลยุทธ์ของคุณให้สอดคล้อง หรือว่ารองรับ 4Ps ในยุคแห่งอนาคตนี้ หรือยัง???