ปฏิเสธไม่ได้ว่า ปัจจุบัน ประเทศไทยกำลังเผชิญความท้าทายในหลาย ๆ ด้าน และหนึ่งในความท้าทายครั้งใหญ่ ก็คือการเปลี่ยนแปลงด้านโครงสร้างประชากร หรือ Demographic Change ที่ระบุว่า ภายในปี 2583 มากถึง 1 ใน 3 ของประชากรไทยจะเป็นผู้สูงวัย และนั่นจะทำให้ประเทศเรายกระดับเข้าสู่การเป็น Super-aged Society อย่างเป็นทางการ
ทั้งนี้ หากสถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ไม่เพียงกระทบต่อภาคธุรกิจที่จะขาดแคลนแรงงาน แต่ยังมีความท้าทายอื่น ๆ ตามมาอีกมากมาย ทั้งในส่วนของการบริโภค การจับจ่ายใช้สอย การออม การรักษาพยาบาล ฯลฯ ซึ่งหากปล่อยให้สถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไป สังคมไทยอาจ “อ่อนแอ” ลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และนั่นทำให้ “AIS ACADEMY” เจ้าของสโลแกน “ภารกิจคิดเผื่อ” ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งบนเวทีสัมมนา AIS ACADEMY for THAIs at LIFE FEST 40+ พร้อมพันธมิตรจากหลากหลายวงการ ภายใต้ความพยายามครั้งใหม่ในการช่วยให้สังคมไทย “รู้เท่าทัน” และก้าวข้ามความท้าทายเหล่านี้ได้อย่างแข็งแรง โดยคุณกานติมา เลอเลิศยุติธรรม รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจองค์กร เอไอเอส กล่าวถึงภารกิจครั้งนี้ว่า
“เราเชื่อในพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 เรื่องของการสอนคนให้จับปลา มากกว่าเอาปลาไปให้เขา เพราะฉะนั้นนี่ก็เป็นอีกหนึ่งกระบวนการที่เราเดินตามแนวพระราชดำรัสว่า จะทำอย่างไรให้คนไทยเกิดความตระหนักรู้ ทำอย่างไรให้เขาเกิดความตื่นตัว และเตรียมพร้อมตัวเองสำหรับอนาคต เพราะเมื่อใดก็ตามที่สังคมไม่มีศักยภาพ แล้วหยุดโต ในฐานะองค์กรเราก็เติบโตต่อไปไม่ได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่า ภารกิจของ AIS ACADEMY for THAIs at LIFE FEST 40+ เป็นการช่วยบริษัททางอ้อม นั่นคือ ทำให้สังคมไทยเติบโตอย่างแข็งแรงนั่นเอง”
“ที่สำคัญ ความสำเร็จของงานวันนี้ไม่ใช่เรื่องจำนวนคนที่เข้าร่วมงาน แต่เป็นเรื่องของการตระหนักรู้ ถ้าผู้ร่วมงานกลับไปแล้วมีความเข้าใจเรื่องออมเงินมากขึ้น รักษาสุขภาพมากขึ้น หรือตระหนักเรื่องการหลอกลวงออนไลน์มากขึ้น จึงจะถือว่าเราประสบความสำเร็จค่ะ” คุณกานติมากล่าว
การตระหนักรู้ต้องเกิด “ทุกช่วงวัย”
แม้ในชื่องานจะระบุว่า LIFE FEST 40+ แต่หากพิจารณาจากความเป็นจริง ความท้าทายที่กล่าวไว้ข้างต้นนั้น สามารถส่งผลได้กับทุกช่วงวัย และคนที่เตรียมตัวเท่านั้นจึงจะเป็นคนที่มีโอกาสเติบโตได้อย่างยั่งยืน นั่นจึงทำให้ภายในงาน AIS ACADEMY for THAIs at LIFE FEST 40+ มีกิจกรรมที่ครอบคลุมทุกช่วงอายุ เช่น โครงการ JUMP Thailand Hackathon 2025 สำหรับนำเสนอไอเดียนวัตกรรมเพื่อผู้สูงอายุและคนพิการ ที่ในปีนี้มีผู้ให้ความสนใจอย่างคับคั่งถึง 295 ทีม จาก 55 สถาบันชั้นนำจากทั่วประเทศ และสามารถนำเสนอออกมาเป็น 10 ไอเดียต้นแบบที่โดดเด่น มีศักยภาพในการนำไปใช้จริง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมิติของการยกระดับคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุและคนพิการ โดยทีมที่ชนะเลิศคือทีม Teletubbies จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กับผลงานนวัตกรรมที่ประยุกต์การใช้ระบบ IoT ในการช่วยให้ผู้สูงอายุทำงานด้านประมงได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
“เราพบว่าคนรุ่นใหม่มีไอเดียมากมาย แต่เขาไม่มีที่ปล่อยของ เลยอาจทำได้แค่ในมหาวิทยาลัย แต่ในโปรเจ็ค JUMP Thailand Hackathon 2025 ทีมงานจากเอไอเอสสามารถเป็นพี่เลี้ยงให้พวกเขาได้ และทำให้ผลงานต้นแบบของน้อง ๆ พัฒนาได้มากยิ่งขึ้น จนสามารถนำไปสร้างเป็นอาชีพ หรือสินค้าต้นแบบได้จริง” คุณกานติมากล่าว
ไม่เพียงเท่านั้น ผลงานของโครงการ JUMP Thailand Hackathon 2025 ที่คนรุ่นใหม่พัฒนาขึ้นนี้ ทางเอไอเอสและกระทรวงพัฒนาสังคมฯ ยังสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดเพื่อส่งมอบให้กับประชาชนจริงได้ใช้งานร่วมด้วย
นอกจากนั้นยังมีในส่วนของเวทีสัมมนา “ภารกิจคิดเผื่อ “Real Case มือถือเปลี่ยนชีวิต” ที่รวมเหล่าอินฟลูเอนเซอร์แถวหน้าของไทยมาถ่ายทอดประสบการณ์จริงของการใช้งานดิจิทัล ที่สามารถต่อยอดเป็นรายได้ใหม่ – ใช้ขยายธุรกิจ หรือแม้แต่การพลิกเกษตรท้องถิ่นให้ก้าวสู่ตลาดยุคใหม่ทั้งในระดับประเทศและระดับสากลก็ทำได้เช่นกัน
“สิ่งสำคัญคือ เทคโนโลยีเหล่านี้อยู่ใกล้ตัวเรามากมายเต็มไปหมด แต่เราสามารถหยิบจับมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้จริงมากแค่ไหน นั่นคือสิ่งที่ AIS Academy for Thais ตั้งใจทำ เราอยากให้คนไทยตระหนักในความสำคัญของเทคโนโลยี และนำความรู้เหล่านี้ไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด” คุณกานติมากล่าวปิดท้าย
แม้เวทีดังกล่าวได้ปิดฉากลงไปเรียบร้อย แต่เชื่อว่าแรงบันดาลใจ และไอเดียที่ผู้จัดงานทุกภาคส่วนร่วมกันนำเสนอตลอด 3 วันของ AIS ACADEMY for THAIs at LIFE FEST 40+ อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นครั้งใหม่ของใครบางคน ภายใต้ความหวังที่ว่า ความตระหนักรู้และไอเดียเหล่านั้นจะสามารถขับเคลื่อนสังคมไทยให้ก้าวทันโลก ลดความเหลื่อมล้ำ และยกระดับคุณภาพชีวิตให้แข็งแรง มั่นคง และยั่งยืนอย่างแท้จริง







