พาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ เปิดรายงาน State of GenAI 2025 พบปริมาณทราฟฟิกของการใช้ GenAI ในปี 2567 เพิ่มขึ้นถึง 890% โดยมีแรงขับเคลื่อนสำคัญจากการใช้งาน Generative AI Tools ในระดับองค์กร พร้อมเปิดรายชื่อแอปพลิเคชัน AI ที่มีการใช้งานมากที่สุดในประเทศไทย 3 อันดับแรก ได้แก่ Grammarly (36.56%), Microsoft PowerApps (30.99%) และ OpenAI ChatGPT (23.41%)
สำหรับจุดที่น่าสนใจจากรายงาน State of GenAI 2025 พบว่ามีดังนี้
- การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของการใช้งาน GenAI : ทราฟฟิกของ GenAI เพิ่มขึ้นมากกว่า 890% ในปี 2567 โดยหลังจากการเปิดตัว DeepSeek-R1 ในเดือนมกราคม 2568 ทำให้เกิดทราฟฟิกที่เกี่ยวข้องกับ DeepSeek พุ่งขึ้นถึง 1,800% ภายในระยะเวลาเพียงสองเดือน
- ปัญหาข้อมูลรั่วไหลเพิ่มขึ้น : เกิดเหตุการณ์ด้านการป้องกันข้อมูลสูญหาย (Data Loss Prevention) ที่เกี่ยวข้องกับ GenAI เพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่า โดยปัจจุบันคิดเป็น 14% ของเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยทางข้อมูลทั้งหมด
- Shadow AI กลายเป็นความเสี่ยงหลัก : การใช้ GenAI โดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่ได้รับการรับรองในองค์กร ซึ่งเรียกว่า “Shadow AI” ได้สร้างจุดบอดให้กับฝ่ายไอที และทีมดูแลความปลอดภัย ทำให้การควบคุมการรั่วไหลของข้อมูลที่สำคัญทำได้ยากยิ่งขึ้น
- โครงสร้างพื้นฐานสำคัญและภาครัฐกำลังเผชิญกับความเสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้น :โมเดล AI ที่มีความเสี่ยงสูงหลายตัว ยังคงมีช่องโหว่ต่อการถูกโจมตีแบบ Jailbreak ซึ่งอาจนำไปสู่การสร้างเนื้อหาที่ไม่ปลอดภัย เช่น เนื้อหาที่ไม่เหมาะสม หรือคำแนะนำที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมผิดกฎหมาย
- ข้อมูลเชิงลึกในอุตสาหกรรม : อุตสาหกรรมเทคโนโลยี (Technology) และการผลิต (Manufacturing) เพียงสองกลุ่มนี้ คิดเป็นสัดส่วน 39% ของธุรกรรมการเขียนโค้ดด้วย AI ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงอย่างมีนัยสำคัญต่ออุตสาหกรรมที่ต้องพึ่งพาทรัพย์สินทางปัญญา
*รายงาน State of GenAI 2025 มีการวิเคราะห์จากทราฟฟิกของลูกค้าระดับองค์กรทั่วโลกจำนวน 7,051 ราย
เปิด 3 แอป AI ใช้งานมากสุดในไทย
ทั้งนี้ รายงานดังกล่าวยังระบุด้วยว่า แอปพลิเคชัน AI ที่มีการใช้งานมากที่สุดในประเทศไทย 3 อันดับแรก ได้แก่ Grammarly (36.56%) ตามมาด้วย Microsoft PowerApps (30.99%) และ OpenAI ChatGPT (23.41%)
แม้ว่าการเติบโตของ AI จะให้ประโยชน์ด้านประสิทธิภาพการทำงานอย่างมีนัยสำคัญ แต่ในอีกด้าน รายงานฉบับนี้พบว่า องค์กรต้องบริหารจัดการแอปพลิเคชัน GenAI ถึง 66 รายการ ภายในระบบของตนเอง ซึ่งในจำนวนนั้น 10% ถูกจัดอยู่ในประเภทความเสี่ยงสูง และการใช้งานที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ทำให้องค์กรยากจะบริหารจัดการความปลอดภัยได้อย่างเหมาะสม
ทอม สกัลลี ผู้อำนวยการและหัวหน้าสถาปนิกฝั่งภาครัฐและอุตสาหกรรมสำคัญ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นของพาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ กล่าวว่า “การนำ AI มาใช้งาน สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญทั้งในภาคธุรกิจและภาครัฐ แต่รายงานฉบับนี้ก็พบด้วยว่า พื้นที่เสี่ยงต่อการโจมตีกำลังขยายตัว โดยเฉพาะจากการใช้งานแอปพลิเคชัน GenAI ที่มีความเสี่ยงสูงต่อโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ
องค์กรต้องสร้างสมดุลระหว่างนวัตกรรมกับการกำกับดูแลที่เข้มงวด โดยควรนำสถาปัตยกรรมความปลอดภัยที่ออกแบบมาเพื่อการรองรับความเสี่ยงเฉพาะของ AI มาควบคุม ทั้งจาก Shadow AI, การรั่วไหลของข้อมูล ไปจนถึงภัยคุกคามที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นจาก Agentic AI (ระบบ AI ที่คิดและทำได้เอง) เพื่อให้มั่นใจได้ว่า องค์กรจะได้รับประโยชน์จาก AI อย่างเต็มที่โดยไม่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ความเชื่อมั่นของประชาชน หรือความต่อเนื่องในการปฏิบัติงาน”