ทรูวิชั่นส์ เดินเกมใหม่ จับมือ 5 แอปดัง “iQIYI, WeTV, MAX, VIU และ NETFLIX” ประกาศเป็น Home of Entertainment พร้อมเปิดกว้างด้านคอนเทนต์ ยินดีคุยทุกฝ่าย
การออกมาเปิดเผยภาพของการแข่งขันในอุตสาหกรรมสตรีมมิ่งไทยปี 2568 มีขึ้นผ่านคุณองอาจ ประภากมล หัวหน้าสายงานทรูวิชั่นส์ และมีเดีย บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น ที่บอกว่า วันนี้ TrueVisions NOW พร้อมแล้วที่จะเป็น Home of Entertainment สำหรับทุกไลฟ์สไตล์ของคนไทย โดยมีจุดแข็ง นั่นคือประสบการณ์อันยาวนานในอุตสาหกรรม และความเข้าใจพฤติกรรมผู้ชม
นอกจากนั้น ทางบริษัทยังคงตอกย้ำความเป็น King of Sports ด้วยลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด อาทิ F1, MotoGP, NFL, NBA, เทนนิสวิมเบิลดันยูเอสโอเพ่น, แบดมินตัน, กอล์ฟไรเดอร์คัพ, ดิโอเพ่น, วอลเลย์บอล, สนุกเกอร์ ฯลฯ
ส่วนฟุตบอล ก็มีลีกดังอย่าง ลาลีกา, บุนเดสลีกา, ซาอุดิลีก, ยูฟ่าแชมเปียนส์ ลีก, ยูโรปา ลีก, คอนเฟอเรนซ์ ลีก, ฟุตซอลไทยลีก ฯลฯ หรือในด้านความบันเทิง ก็มีคอนเทนท์จากทั่วทุกมุมโลก ทั้งซีรีส์ หนัง วาไรตี้ สารคดี อนิเมะ จากไทย จีน เกาหลี ญี่ปุ่น อเมริกา และยุโรป รองรับทั้งออริจินัลซาวด์แทร็กและพากย์ไทย
จับมือ 5 แอปดัง – ผุด “ออริจินัลซีรีส์” เรื่องแรก
คุณองอาจกล่าวถึงความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในปี 2568 กับทรูวิชั่นส์ นาว (TrueVisions NOW) ด้วยว่า มีตั้งแต่การจับมือกับพันธมิตรชั้นนำระดับโลก ทั้ง IQIYI, WeTV, MAX, VIU และ NETFLIX เพื่อให้ผู้ชมสามารถรับชมคอนเทนต์ที่ชื่นชอบได้ครบจบในแอปเดียว และในอนาคตก็จะยังมีแอปพันธมิตรที่ตามมาเพิ่มความบันเทิงอีกมากมาย
นอกจากนี้ยังมีการผลิตคอนเทนต์ออริจินัลซีรีส์ครั้งแรกของทรูวิชั่นส์ นาวในชื่อเรื่อง “Jet Lag (เจ๊ทแหลก)” โดยเป็นความร่วมมือกับ Be On Cloud พร้อมแสดงความมั่นใจว่า TrueVisions NOW จะเป็นบริการที่สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคไทยได้ดีที่สุดในยุคนี้
เจาะกลยุทธ์ทรูวิชั่นส์ นาว ผ่าน 4 แพกเกจ
สำหรับฐานสมาชิกแอปพลิเคชันททรูวิชั่นส์ นาว (TrueVisons NOW) ในปัจจุบัน คุณองอาจเผยว่าอยู่ที่ประมาณ 1.3 ล้านราย โดยมี 4 แพกเกจให้เลือกตามพฤติกรรม – ความสนใจของผู้ใช้งาน ดังนี้
- TrueVisions NOW POP เน้นกลุ่มที่สนใจคอนเทนต์ไทย และกีฬาไทย ในราคา 119 บาทต่อเดือน
- TrueVisions NOW PLUS ราคา 249 บาทต่อเดือน เน้นเจาะกลุ่มคอซีรีส์ ไทย-จีน-เกาหลี-ญี่ปุ่น อีกทั้งยังสามารถชมสดกีฬาดัง F1, ฟุตบอลลีก และถ้วยยุโรปชั้นนำได้ด้วย
- TrueVisions NOW PRIME ราคา 449 บาทต่อเดือน รองรับภาพยนตร์ วาไรตี้ สารคดี ซีรีส์ และกีฬา เช่น MOTO GP, NBA, NFL รวมถึงอนิเมะจากแอป IQIYI และ We TV
- TrueVisions NOW MAX แพกเกจตัวใหญ่สุดราคา 2,155 บาทต่อเดือน ที่สามารถรับชมได้ทุกความบันเทิง รวมถึงแอปพาร์ทเนอร์ชื่อดัง IQIYI, We TV, MAX, VIU และ NETFLIX
อย่างไรก็ดี ในแง่รายได้ที่ปีก่อนหน้าเคยทำได้กว่า 6,000 ล้านบาทนั้น ในปีนี้คุณองอาจยอมรับว่า รายได้อาจลดลง
“ต้องพูดอย่างนี้ รายได้อาจตก ผมไม่ปฏิเสธ มันเป็นไปได้อยู่แล้ว แต่ตกเท่าไหร่ ผมยังบอกไม่ได้ แต่คิดว่าคงหายไปไม่เยอะหรอก”
“ผมจะเล่าให้ฟังนิดหน่อย คนที่ดูแต่ EPL น่ะ เขาไปซื้อแพกเกจอื่นนานแล้ว เขาไม่มาจ่าย 2,155 บาท เพื่อดู EPL หรอก ลูกค้าเราที่ยังเป็นแพลตตินั่มอยู่เพราะว่า นอกจาก EPL แล้วเขามีอย่างอื่นที่ตอบโจทย์ด้วย ซึ่งแปลว่าเรานำความสุขความบันเทิงอย่างอื่นมาให้เขาได้ด้วย”
“วันนี้เราจึงโฟกัสเรื่องความครบ และอยู่ที่เราที่เดียว เช่น มังกรหยก ผมเชื่อว่าหลายคนอยากซื้อ แต่เราก็คว้ามาได้”
รายได้สตรีมมิ่งยกให้ Netflix เบอร์หนึ่ง
คุณองอาจยังได้เผยถึงรายได้ของผู้เล่นในอุตสาหกรรมสตรีมมิ่งไทยในปัจจุบันด้วยว่า เบอร์หนึ่งคือ Netflix ส่วนทรูวิชั่นส์ นาวเป็นเบอร์สอง ซึ่งการเดินเกมของทรูวิชั่นส์ นาวหลังจากนี้ มีทั้งการเพิ่ม – ซื้อ ตลอดจนผลิตคอนเทนต์ออริจินัลที่ตอบโจทย์สมาชิกให้มากที่สุด
“Netflix ไม่ได้ซื้อทุกรายการของไทยนะ แต่เขาจะซื้อในสิ่งที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานเขา ทรูวิชั่น นาว ก็เช่นกัน และเรายังทำออริจินอล ในคาแรคเตอร์ที่ตอบโจทย์สมาชิกทรูวิชั่น”
ส่วนการไม่มีสัญญา EPL ในมือแล้วนั้น คุณองอาจให้ความเห็นว่า
“การทำธุรกิจไม่มีอะไรยั่งยืนตลอด อันนี้อาจเป็นโอกาสก็ได้ เงินที่จ่ายให้ EPL มันก็คือลูกค้ากลุ่มเดียว แต่ผมอาจเอาเงินนี้ไปซื้อคอนเทนต์ที่ทำให้ได้ลูกค้ากลุ่มใหญ่ขึ้น และอาจสร้างรายได้มากกว่าลูกค้ากลุ่ม EPL ก็ได้”
“เราทำธุรกิจนี้มา 20 กว่าปี ถ้าเป็นน้ำขวด เรารู้ว่าน้ำขวดนี้ เราขายได้เท่าไร และผมจ่ายได้เท่าไร ถ้าเกินกว่านี้ ผมรู้ว่ามันขายไม่ได้ แต่ถ้าอยู่ดี ๆ มีคน Offer สองเท่าครึ่ง แล้วได้ไป เราก็รู้ว่ามันไม่ง่าย ก็ขอให้เขาโชคดี”