HomeMediaสรุป 6 เทรนด์ความคิดสร้างสรรค์ ปี 2025 โลกโฆษณายุคหน้าใช้วิทยาศาสตร์-ศิลปะ สื่อสารมัดใจผู้คน

สรุป 6 เทรนด์ความคิดสร้างสรรค์ ปี 2025 โลกโฆษณายุคหน้าใช้วิทยาศาสตร์-ศิลปะ สื่อสารมัดใจผู้คน

แชร์ :

Communication and Advertising

ในโลกยุคดิจิทัลทุกวันนี้ ทำให้ความคิดสร้างสรรค์และเทคโนโลยีเชื่อมโยงและมีบทบาทในวงการโฆษณาอย่างแยกไม่ออก การจัดการ DAAT DAY 2024 จึงมาในธีม “Advolution – Reimaging Advertising, Clashing Art and Science” เจาะลึกการผสมผสานระหว่างศิลปะและเทคโนโลยีในโลกโฆษณายุคหน้า เพื่อสร้างวิธีการสื่อสารใหม่ๆ เข้าถึงผู้บริโภค

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

ก่อนถึงวันงาน  DAAT DAY 2024 ในวันพุธที่ 30 ตุลาคม 2567 ไบเทค บางนา สมาคมโฆษณาดิจิทัล (ประเทศไทย) เปิดเวที Warm up ในหัวข้อ Advolution with Art 2025 เทรนด์ศิลปะและความคิดสร้างสรรค์ในปี 2025 

โดย คุณฐิติพันธ์ ทับทอง Head of Creative – Brilliant & Million และคุณอัยพัชร วรรคาวิสันต์  Chief Executive Officer – Digitory  สรุป 6 เทรนด์ดังนี้

1. Snackable Content

รูปแบบ Short-Form Video ยังเป็นเทรนด์ที่มาแรงต่อไป เพราะเป็น Snackable Content หรือคอนเทนต์ย่อยง่าย เป็นวิดีโอสั้น กระชับ จบเร็ว และต้องผลิตเป็นแนวตั้งเพื่อดูบนมือถือ  เห็นได้จาก “ยูทูบ” ที่เป็นวิดีโอคอนเทนต์ยาว ก็ต้องปรับตัวเพิ่มคอนเทนต์วิดีโอสั้นผ่าน Shorts เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคยุคนี้ชอบดูอะไรแบบย่อยง่าย ดูไวไถฟีดไว โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ จะดูคอนเทนต์ How To ต่างๆ ด้วยการเสิร์ชผ่านวิดีโอ TikTok  จึงเป็นสิ่งที่แบรนด์ต่างๆ ต้องปรับตัวสร้างสรรค์งานคอนเทนต์สั้นและย่อยง่ายด้วย

2. Influencer Marketing 

รูปแบบ User-Generated Content เกิดขึ้นมานานแล้วและยังคงอยู่ จากการเติบโตของผู้ใช้งานแพลตฟอร์มออนไลน์  ทำให้เทรนด์ Influencer Marketing ยังคงเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยม แต่ในยุคนี้ต้องมีการพัฒนาขึ้นอีก เห็นได้จากการรีวิวสินค้าต่างๆ ผู้บริโภคดูออกว่าเป็นคอนเทนต์จ้าง เพราะถ่ายสวยงาม ติดแฮชแท็กครบ เพราะการทำคอนเทนต์ Real แบรนด์มักไม่ชอบ

ความน่าสนใจของเทรนด์ Influencer Marketing ในยุคนี้มีกรณีศึกษาจากประเทศเกาหลีใต้ แบรนด์เครื่องสำอาง ROM&ND  ที่ใช้ Influencer Marketing  ด้วยการให้บิวตี้ บล็อกเกอร์รีวิวสินค้า แต่มีบล็อกเกอร์คนหนึ่งที่ชื่นชอบแบรนด์และรีวิวละเอียดแบบตั้งใจและใช้จริง สุดท้ายแบรนด์ติดต่ออินฟลูเอนเซอร์คนนี้ มาทำ Collab เพื่อผลิตสินค้าลิปสติกรุ่นของอินฟลูเอนเซอร์  วางขายทั้งหน้าร้านและออนไลน์ และเป็นสินค้า Sold Out  อย่างรวดเร็ว เห็นได้ว่าเป็นการทำ Influencer Marketing ที่มากกว่าการรีวิวสินค้าเพื่อสร้างภาพลักษณ์  แต่แบรนด์ได้ฐานผู้ติดตามอินฟลูเอนเซอร์มาเป็นลูกค้าด้วย

3. Personalized Marketing Campaign  

การทำ Personalized กับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะเป็นสิ่งที่มีมานานแล้ว แต่ที่ผ่านมาไม่ค่อยได้ผลมากนัก เพราะไม่มีการเก็บดาต้า หรือวิเคราะห์ดาต้าไม่ได้  ทำให้ไม่สามารถบอกได้ว่าลูกค้ามีพฤติกรรมอย่างไร  แคมเปญ  Personalized จึงไม่ประสบความสำเร็จ

กรณีศึกษา Personalized Marketing แคมเปญที่ประสบความสำเร็จจากการใช้ดาต้า คือ Spotify Wrapped ในช่วงส่งท้ายปี ซึ่งเป็นการรวบรวมสถิติการฟังเพลงของผู้ใช้งานแต่ละคนตลอดทั้งปี ว่าฟังเพลงแนวไหน จากศิลปินคนใดมากที่สุด โดยสรุปเป็น 10 อันดับเพลงฮิตประจำปีในรูปแบบภาพหลากสี มีฟีเจอร์ให้ผู้ใช้งานเลือกภาพสีที่ชอบนำไปโพสต์แชร์ในโซเชียลมีเดีย

4. AI in Pop Culture 

เทรนด์ AI ยังคงมาแรงต่อไป โดยเป็นการใช้ AI in Pop Culture ทั้งวิธีคิดและกระบวนการทำงานด้านความคิดสร้างสรรค์  ที่เข้ามาช่วยลดเวลาและกระบวนการทำงาน การสร้างการผลิตคอนเทนต์ สร้างภาพจากสตอรี่บอร์ด ใช้เทคนิคทำภาพและวิดีโอต่างๆ แบบ 3 มิติ ที่มีความสมจริงมากขึ้น จนกลายเป็นวัฒนธรรมการทำงาน เป็นการใช้ AI เพิ่มมูลค่าให้สินค้าและบริการ และช่วยเหลือสังคม เป็นเรื่องของศิลปะในการใช้ AI  แต่ต้องให้ความสำคัญต้องในการทำ AI Ethics & Literacy ด้วย

5. Phygital arts in Brand Activation 

ในยุค NFT ถือเป็นสิ่งที่ช่วยผลักดันศิลปินรุ่นใหม่เข้าสู่ตลาดแมส โปรดักชัน มากขึ้น แต่ยังเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้  สุดท้ายพฤติกรรมของผู้คนก็ต้องการจับต้องสินค้า จึงกลายเป็นเทรนด์ Phygital (Physical + Digital)  การผสมผสานของสินทรัพย์ดิจิทัล มาสู่สินค้าที่สามารถจับต้องได้  จากการใช้ลิขสิทธิ์ของ NFT มาต่อยอด Collab กับแบรนด์ต่างๆ ผลิตเป็นสินค้าสินค้าจำหน่าย

6. Tech-Driven Engagement 

จากทั้ง AI และ Phygital ที่จะเป็นเทรนด์มากขึ้นในปี 2025  ก็คือ Tech-Driven Engagement เป็นนำเทคโนโลยีและมาร์เก็ตติ้งมาใช้งานให้เป็นหนึ่งเดียว ในการสร้างงานสื่อสารโฆษณามากขึ้น เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายตรงกลุ่มและแม่นยำ ในยุคที่โลกเปลี่ยนเร็ว และแบรนด์ต้องปรับตัวตามให้ทัน

โฆษณายุคหน้าใช้วิทยาศาสตร์-ศิลปะ สื่อสารมัดใจผู้คน

คุณภารุจ ดาวราย นายกสมาคมโฆษณาดิจิทัล (ประเทศไทย) กล่าวว่าในโลกทุกวันนี้ ความคิดสร้างสรรค์และเทคโนโลยีเชื่อมโยงกันอย่างแยกไม่ออก “โลกโฆษณา” จึงเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ด้วยการผสมผสานกันของด้านความรู้สึกที่ทรงพลังแต่อธิบายไม่ได้ด้วยหลักเหตุผล กับความแม่นยำของข้อมูลที่ทำงานร่วมกันกับความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ที่เป็นด้านของเหตุและผล

ในงาน DAAT DAY 2024  จึงใช้ธีม “Advolution – Reimaging Advertising, Clashing Art and Science”  เป็นการผสมผสานของศิลปะและวิทยาศาสตร์ในโลกโฆษณายุคหน้า เรื่องราวที่โดนใจทำให้เรารู้สึก (emotional) ทำงานร่วมกันกับเทคโนโลยีและบิ๊กดาต้า เพื่อเปลี่ยนแปลงโลกโฆษณาในยุคหน้า มัดใจและเชื่อมใจกับผู้คนได้ดียิ่งขึ้น

ยุคนี้โลกของโฆษณาเปลี่ยนไป  เพราะพฤติกรรมของผู้คนในอดีตใช้เวลาเสพสื่อเหมือนๆ กัน การดู “ทีวี” นั่งดูคอนเทนต์ฟรีพร้อมๆ กัน โดยแลกกับการดูโฆษณาจากผู้สนับสนุนรายการ  หากไม่อยากดูก็เปลี่ยนช่องได้

ดังนั้นการดูโฆษณาในอดีตเป็นสิ่งที่ผู้ชมรับรู้ แลกกับการดูคอนเทนต์ฟรี จึงต้องมีโฆษณาแทรกเข้ามา เพื่อหวังขายของให้คนดู  ถือเป็นการลงโฆษณาแบบมีกาลเทศะ กำหนดเวลาชัดเจนในช่วงเบรกรายการ ผู้ชมรู้เงื่อนไขนี้และไม่ได้รู้สึกแย่เมื่อเห็นโฆษณา

แต่ปัจจุบันคนมีพฤติกรรมเสพสื่อหลากหลาย การดูคอนเทนต์ฟรีบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เมื่อเห็นโฆษณา Pre-Roll ก่อน หรือโฆษณาที่แทรกระหว่างดูคอนเทนต์ คนกลับรู้สึกว่าไม่ถูกกาลเทศะ เพราะบริบทของสังคมเปลี่ยนไป เป็นยุคนี้ของสงครามแย่งความสนใจ (attention) ของผู้คน ทำให้โฆษณาแทรกได้ทุกที่

คนโฆษณาจึงต้องกลับมามองเกมใหม่ การใช้กาลเทศะในการยิงโฆษณาเพื่อให้ผู้บริโภคสนใจ ต้องนำวิทยาศาสตร์และดาต้ามาใช้ประโยชน์ เพื่อทำให้โฆษณาแสดงในเวลาที่ถูกจังหวะ ไม่เช่นนั้นงานโฆษณาที่เป็นศิลปะที่ดีไม่สามารถตอบโจทย์ความสนใจผู้คนได้ เพราะโฆษณาไปโผล่ในจังหวะไม่ถูกกาลเทศะ ทำให้ผู้ชมไม่พอใจได้

“โฆษณาที่เราทำหากปราศจากวิทยาศาสตร์ ที่จะทำให้เจอคนที่ใช่ในจังหวะ เวลา และอารมณ์ที่ถูกต้อง แม้จะทำโฆษณาดีแค่ไหน แต่เจอแบบไม่ถูกกาลเทศะ ผิดที่ ผิดแพลตฟอร์ม ก็จะไม่เกิดผล”  

ติดตามพวกเราได้ที่ LINE


แชร์ :

You may also like