HomeDigitalส่องฟีเจอร์ใหม่ Virtual Try-On ดันประสบการณ์ชอปปิงบน Google ด้วย AI

ส่องฟีเจอร์ใหม่ Virtual Try-On ดันประสบการณ์ชอปปิงบน Google ด้วย AI

แชร์ :

Google เผยสถิติการใช้ AI ในธุรกิจโฆษณารับปี 2024 โดยระบุว่า 80% ของผู้ลงโฆษณาบน Google ได้ใช้โซลูชัน AI อย่างน้อยหนึ่งรายการมาเพิ่มประสิทธิภาพในการโฆษณาแล้ว พร้อมเปิดฟีเจอร์ใหม่ Virtual Try-on โชว์การสวมใส่สินค้าจริงผ่านโมเดลออนไลน์ โดยจะเริ่มในสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศแรกก่อนจะขยายไปยังภูมิภาคอื่น ๆ

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

ฟีเจอร์ดังกล่าวเปิดตัวขึ้นมาในวันที่วงการโฆษณาออนไลน์มีการนำ AI เข้ามาช่วยงานในหลากหลายด้าน โดยจากการเปิดเผยของ Shashi Cooker รองประธานฝ่าย Search ads ของ Google experiences และ Jeff Harrell ผู้อำนวยการอาวุโสของ Google Shopping พบว่า มีสถิติที่น่าสนใจหลายประการเกี่ยวกับการใช้ AI รวมถึงฟีเจอร์ Virtual Try-On เช่น

  • ภาพผลิตภัณฑ์ที่ใช้ฟีเจอร์ Virtual Try-On ได้รับการดูมากกว่าภาพอื่น ๆ ถึง 60% และผู้ใช้มีการคลิกไปยังเว็บไซต์ของร้านค้ามากขึ้นเมื่อดูผลิตภัณฑ์ที่ใช้ฟีเจอร์นี้
  • ความต้องการข้อมูลแบรนด์: มากกว่า 40% ของคำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับการชอปปิงบน Google กล่าวถึงแบรนด์หรือร้านค้า ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้ใช้สนใจที่จะหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแบรนด์
  • การดูข้อมูลแบรนด์: ผู้ใช้ทำการดูข้อมูลแบรนด์บน Google มากกว่า 1 พันล้านครั้งต่อวัน

เปิดเครื่องมือใหม่ ดัน AI ช่วยงานโฆษณา

ผู้บริหาร Google มองว่าสถิติเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จและการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการปรับปรุงประสบการณ์การโฆษณาและการชอปปิงบน Google อย่างมีประสิทธิภาพ และมองว่าฟีเจอร์ด้าน AI ช่วยให้ผู้ค้าสามารถเชื่อมต่อกับลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ฟีเจอร์ Virtual Try-on ได้นำ AI ในการสร้างประสบการณ์การลองสินค้าเสมือนจริง เช่น การลองเสื้อผ้าแบบเสมือนบนโมเดลจริง และการแสดงผลสินค้าแบบ 360 องศา ช่วยให้ผู้ใช้มีความมั่นใจในการเลือกซื้อสินค้า โดยฟีเจอร์ดังกล่าวจะเปิดเวอร์ชันเบต้าในสหรัฐอเมริกาก่อนเป็นแห่งแรก และคาดว่าจะเริ่มให้ใช้งานในภูมิภาคอื่น ๆ ในอนาคตอันใกล้

Product Studio

อีกหนึ่งเครื่องมือที่น่าสนใจก็คือ Product Studio ที่มาพร้อมฟีเจอร์ช่วยแบรนด์สร้างภาพผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับสไตล์ของแบรนด์ได้ง่ายขึ้น โดยการอัปโหลดภาพผลิตภัณฑ์และคำอธิบาย แล้ว AI จะสร้างภาพใหม่ที่เหมาะสม รวมถึงสามารถสร้างวิดีโอจากภาพนิ่งได้ด้วย เช่น ในภาพคือกระเป๋าที่ถูกสร้างฉากหลังให้ใหม่ (เปิดให้บริการแล้วในแคนาดา อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา โดยจะขยายไปยังอินเดียและญี่ปุ่นในเร็ว ๆ นี้)

ข้อมูลภายในของ Google ที่ทำการสำรวจกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ฟีเจอร์ดังกล่าวพบว่า 80% ของร้านค้ามองว่าเป็นฟีเจอร์ที่มีประสิทธิภาพ (กลุ่มตัวอย่าง 149 ราย – สำรวจในเดือนเมษายน 2024) นอกจากนั้น 1 ใน 3 ของภาพที่ถูกสร้างขึ้น มีการดาวน์โหลด หรือเซฟไปด้วย

AI ในการโฆษณา

Google ใช้เทคโนโลยี AI ในการสร้างประสบการณ์โฆษณาแบบใหม่ที่เป็นแบบโต้ตอบ โดยจะมีการใช้ AI ในการสร้างโฆษณาที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้มากขึ้น เช่น โฆษณาใน AI Overviews ที่จะรวมโฆษณาเข้ากับคำตอบจาก AI ช่วยให้ผู้ใช้สามารถดำเนินการได้ทันทีจากผลการค้นหา

Performance Max Campaigns

สำหรับแคมเปญ Performance Max เป็นการใช้ AI เพื่อสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพสูง ทั้งข้อความและภาพ โดยให้ผู้ลงโฆษณาสามารถกำหนดแนวทางการสร้างสรรค์โฆษณาให้ตรงกับแบรนด์ของตนเอง

Visual Brand Profile

โปรไฟล์แบรนด์แบบใหม่ที่จะแสดงผลในผลการค้นหา โดยจะมีทั้งภาพสินค้า วิดีโอ และรีวิวจากลูกค้า นอกจากนั้นยังมีการนำ Generative AI ช่วยสร้างเนื้อหาโฆษณาแบบใหม่ที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้มากขึ้น และช่วยให้ผู้ลงโฆษณาสามารถสร้างเนื้อหาที่มีความหลากหลายและมีคุณภาพสูงขึ้น โดยผู้บริหาร Google มองว่า ฟีเจอร์เหล่านี้ช่วยให้การโฆษณาบน Google มีประสิทธิภาพ และช่วยให้แบรนด์สามารถเชื่อมต่อกับผู้ใช้ได้อย่างลึกซึ้งนั่นเอง


แชร์ :

You may also like