HomeBrand Move !!‘สุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์’ ผู้พลิกกำไรให้ ‘ช่อง 3’ แจ้งลาออกทุกตำแหน่ง มีผล 3 พ.ย.66

‘สุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์’ ผู้พลิกกำไรให้ ‘ช่อง 3’ แจ้งลาออกทุกตำแหน่ง มีผล 3 พ.ย.66

แชร์ :

บมจ. บีอีซี เวิลด์ ผู้บริหาร “ช่อง 3” แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า คุณสุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์ ได้ขอลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัทและผู้บริหารของบริษัท และบริษัทในเครือทั้งหมด โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายน 2566

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

โดยก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2566 กลุ่มบีอีซี  มีหนังสือประกาศในองค์กร เรื่องคุณสุรินทร์  มีความจำเป็นที่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง กรรมการผู้อำนวยการ สายธุรกิจโทรทัศน์ ในช่วงเวลานี้ได้ จึงมีคำสั่งแต่งตั้งให้คุณฉัตรชัย เทียมทอง ที่ปรึกษากรรมการบริหาร  มารักษาการและปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง กรรมการผู้อำนวยการ สายธุรกิจโทรทัศน์ แทนคุณสุรินทร์ ตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง

สำหรับ คุณสุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์ ถือเป็นผู้บริหาร “ลูกหม้อ” ช่อง 3 ทำงานมาตั้งแต่ปี 2547  ในยุคทีวีดิจิทัล คุณสุรินทร์ ได้ลาออกจากช่อง 3 ในปี 2560 เพื่อรับตำแหน่ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ PPTV

จากนั้นในปี 2563 คุณสุรินทร์ ได้คืนถิ่นเดิมกลับมาบริหารช่อง 3 อีกครั้ง หลังจากคุณอริยะ พนมยงค์ ลาออกตำแหน่ง  President กลุ่มบีอีซี

การกลับมาบริหารช่อง 3 อีกครั้ง ภารกิจสำคัญคือทำให้ ช่อง 3 กลับมาฟื้นตัว หลังต้องเผชิญปัญหา “ขาดทุน” มาตั้งแต่ปี 2561 จากภาวะซบเซาของธุรกิจทีวีดิจิทัล ต่อด้วยสถานการณ์โควิด-19

หลังจากคัมแบ็ค ช่อง 3 คุณสุรินทร์ ประกาศวิชั่นใหม่ทรานส์ฟอร์ม ช่อง 3 ไม่ได้เป็นแค่ “ทีวี” อีกต่อไป แต่เป็นผู้ผลิตคอนเทนต์รายใหญ่ทุกแพลตฟอร์ม ด้วยกลยุทธ์ Single Content Multiple Platform กับโอกาสสร้างรายได้จากทุกช่องทาง

เป็นจังหวะเดียวกับการคืนจอของนักเล่าข่าวชื่อดัง “คุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา” ทำหน้าที่ผู้ประกาศข่าว 2 รายการ คือ เรื่องเล่าเช้านี้ และ เรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2564 เรียกเรตติ้งช่อง 3 กลับมาคึกคักอีกครั้ง และจังหวะการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมโฆษณาหลังจบโควิด

ตลอดช่วง 3 ปี ของการบริหารช่อง 3 เห็นการฟื้นตัวของรายได้ต่อเนื่อง หลังขาดทุนในปี 2561-2563  โดยเริ่มกลับมาทำกำไรตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2563 ถึงปัจจุบัน

ย้อนดูรายได้กลุ่มบีอีซี (ช่อง3)

ปี 2563  รายได้ 5,908 ล้านบาท ขาดทุน 214 ล้านบาท

ปี 2564  รายได้ 5,728 ล้านบาท กำไร 761 ล้านบาท

ปี 2565  รายได้ 5,151 ล้านบาท กำไร 607 ล้านบาท

ปี 2566 (6 เดือน) รายได้ 2,219 ล้านบาท กำไร 78 ล้านบาท

อ่านเพิ่มเติม


แชร์ :

You may also like