HomeBrand Move !!พลิกตำราร้านยำ After Yum กับการใช้ “ดาต้า” บริหารธุรกิจและมัดใจลูกค้าให้ประสบความสำเร็จ

พลิกตำราร้านยำ After Yum กับการใช้ “ดาต้า” บริหารธุรกิจและมัดใจลูกค้าให้ประสบความสำเร็จ

เบื้องหลังการใช้ DATA ของร้านอาฟเตอร์ยำ ในการบริหารธุรกิจและมัดใจลูกค้า

แชร์ :

ในขณะที่ธุรกิจร้านอาหารส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับรสชาติเป็นกลยุทธ์มัดใจลูกค้าเพื่อให้เกิดการพูดถึงปากต่อปากและกลับมากินซ้ำอย่างต่อเนื่อง แต่มีร้านอาหารแบรนด์หนึ่งที่คิดแตกต่าง นอกจากการใส่ใจในรสชาติความอร่อยแล้ว ยังให้ความสำคัญกับ “ข้อมูล” หรือ “ดาต้า” อย่างมาก เพราะมองว่าดาต้าเป็นเครื่องมือสำคัญที่ไม่เพียงจะช่วยให้แบรนด์เข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าอย่างลึกซึ้ง แต่ยังทำให้แบรนด์สามารถต่อยอดครีเอทผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้แตกต่างและตรงใจลูกค้ามากขึ้น

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

แบรนด์ที่ว่านั้นคือ “อาฟเตอร์ยำ” (After Yum) ร้านยำเล็กๆ จากเมืองพัทยาที่แจ้งเกิดแบรนด์ด้วยการสร้างปรากฎการณ์คนต่อแถวรอคิวยาวหลังจากเปิดร้านได้ไม่นาน และถึงวันนี้จะมีร้านยำสารพัดแบรนด์แข่งกันเปิดใหม่จำนวนมาก แต่ผู้คนจำนวนมากยังหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย ทั้งยังแตกไลน์มาสู่เมนูและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่โดนใจลูกค้าอย่างต่อเนื่อง Brand Buffet จึงพามาคุยกับ คุณแต๋ง-กฤษฏิ์กุล ชุมแก้ว หนึ่งในผู้ก่อตั้งร้าน After Yum ถึงวิธีคิดและการนำดาต้ามาใช้ในธุรกิจจนประสบความสำเร็จ

ใช้ประสบการณ์ ผสาน “ดาต้า” สร้างแบรนด์-เมนูให้แตกต่างมัดใจคน  

เส้นทางธุรกิจร้าน After Yum อาจจะมีจุดเริ่มต้นแตกต่างจากหลายๆ แบรนด์ที่ส่วนใหญ่จะมาจากความหลงใหลและฝันอยากเปิดร้านอาหาร แต่ After Yum เกิดจากความไม่ตั้งใจของสองเพื่อนซี้คือ คุณแต๋งและคุณดิว-ดุจดิว ธีระวัฒน์ บุตรตะยา ที่นั่งกินข้าวด้วยกันทุกวัน จนวันหนึ่งคุณแต๋งก็ชวนคุณดิวเปิดร้านยำเล่นๆ คุณดิวก็ตอบตกลงทันที ด้วยความคิดแค่ว่าจะได้นั่งกินข้าวกันทุกวัน ร้าน After Yum แห่งแรก จึงเกิดขึ้นในปี 2561 ในปั้มคาลเท็กซ์ ที่พัทยากลาง

แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีประสบการณ์ด้านการทำร้านอาหารมาก่อน โดยคุณแต๋งทำงานด้านโรงแรม ส่วนคุณดิวเป็นเน็ตไอดอล แต่ปรากฎว่า After Yum กลับได้รับความนิยมอย่างมาก จนเกิดปรากฏการณ์คนมาต่อคิวรอเป็นชั่วโมง ซึ่งคุณแต๋งมองว่า หัวใจสำคัญที่ทำให้ After Yum โดนใจลูกค้าท่ามกลางร้านยำที่มีอยู่จำนวนมาก ไม่ใช่แค่คุณภาพวัตถุดิบและรสชาติน้ำยำที่แซ่บถูกปากเท่านั้น ทว่ายังมาจากการนำเอาประสบการณ์ในธุรกิจโรงแรม รวมถึงการเก็บข้อมูลมาปรับใช้ในการสร้างแบรนด์ให้แตกต่างจนกลายเป็นร้านยำที่ครองใจนักชิมและเป็นหนึ่งผู้นำเทรนด์ร้านยำที่น่าจับตามองคนหนึ่ง

“ทุกเมนูเริ่มจากจริตที่เราอยากกิน เช่น ส่วนตัวชอบหอม ยำจึงมีแต่หอม แต่ขณะเดียวกันแต๋งเป็นคนบ้าเก็บข้อมูลมาก ไม่ใช่แค่เก็บจำนวนลูกค้า และความชอบแต่ละคนชอบ จะเก็บทุกข้อมูลไว้เป็นระบบ ตั้งแต่ราคาสินค้า จำนวนวัตถุดิบที่เข้ามาแต่ละวัน เพราะข้อมูลเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญของการทำร้านอาหารที่ขาดไม่ได้ ไม่เพียงแต่ใช้วิเคราะห์ต้นทุนต่อจาน และบริหารจัดการสต็อกให้มีประสิทธิภาพ ยังทำให้เราเข้าใจความต้องการลูกค้ามากขึ้น และสามารถนำมาพัฒนาต่อจนได้รสชาติที่ถูกใจคน”

ไม่หยุดเรียนรู้และพัฒนาสิ่งใหม่

เมื่อประสบความสำเร็จกับสาขาแรกแล้ว ก็ลุยขยายสาขา 2 ทันที ปัจจุบัน After Yum มีทั้งหมด 3 สาขา แต่คุณแต๋งยอมรับว่า การมีหลายสาขา ยิ่งทำให้การจะทำให้รสชาติน้ำยำทุกจานถูกใจทุกคน ไม่ใช่เรื่องง่าย และนั่นทำให้ “ข้อมูล” สำคัญมากขึ้น โดยแต่ละสาขาต้องทำ Research เป็นประจำ เพื่อเรียนรู้พฤติกรรมของผู้บริโภค และนำมาปรับให้เข้ากับความต้องการของคนในแต่ละพื้นที่

“เราต้องศึกษาผู้บริโภคทุกย่าน เพราะคนแต่ละพื้นที่ชอบไม่เหมือนกัน อย่างคนในย่านเอกมัย รามอินทราอาจจะชอบเปรี้ยวนำนิดหน่อย ขณะที่คนพัทยาจะชอบหวานนำ ส่วนคนระยองจะชอบอีกแบบ แต่ลูกค้าอยากได้รสชาติแบบไหนก็รีเควสเพิ่มได้”

นอกจากการนำดาต้ามาปรับรสชาติให้ถูกใจคนในแต่ละพื้นที่แล้ว After Yum ยังได้ขยายมาสู่ธุรกิจน้ำยำและน้ำปลาร้าบรรจุขวดด้วย ซึ่งเกิดจากการที่ลูกค้ามากินยำที่ร้านแล้วชอบรสชาติ จึงอยากให้ร้านทำน้ำยำแบบขวด เมื่อเห็นความต้องการเหล่านี้ คุณแต๋งจึงลงมือทำวิจัยลูกค้าเพิ่มเติม พอได้ข้อมูลก็เริ่มพัฒนา โดยใช้เวลากว่า 2 ปีจนลงตัว พร้อมมาตรฐานรับรอง ซึ่งปัจจุบันวางจำหน่ายในห้างชั้นนำของไทยและร้านค้าในต่างประเทศหลายแห่งทีเดียว

จากร้านยำที่เกิดจากความไม่ตั้งใจ ถึงวันนี้ After Yum ก้าวเดินมาไกลมาก แต่คุณแต๋งยังไม่คิดจะขายเป็นแฟรนไชส์หรือไปต่างประเทศตอนนี้ เพราะต้องการพัฒนาสาขาในไทยให้แข็งแรงก่อน

“เรามีการศึกษาและจดเครื่องหมายการค้าในต่างประเทศแล้ว ตอนนี้มีคนให้เลือกเยอะในหลายประเทศ แต่ก็สนใจตลาดในต่างประเทศ เพียงแต่ยังไม่พร้อม เพราะต้องเตรียมตัวเองให้พร้อมและหาคนที่เคมีเข้ากัน ถึงจะไปด้วยกันได้”

After Yum จึงนับเป็นกรณีศึกษาการใช้ดาต้ามาขับเคลื่อนธุรกิจได้อย่างน่าสนใจ ซึ่งคุณแต๋งย้ำว่า ยุคนี้เป็นโลกออนไลน์ ซึ่งทุกอย่างไปไว และแข่งขันสูงมาก ดังนั้น การทำธุรกิจในยุคนี้จึงต้องรู้จักคิดสร้างสรรค์และทำนอกกรอบ รวมทั้งไม่หยุดเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพราะจะทำให้เกิดการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับ After Yum ที่ไม่เคย Compare กับร้านยำแบรนด์อื่นเลย แต่ลองผิดลองถูกลองทำไปเรื่อยๆ เหมือนคนบ้า จนกลายเป็น DNA ของแบรนด์ที่ไม่เหมือนใคร

ชมคลิปรายการเต็ม

 


แชร์ :

You may also like