HomeBrand Move !!ธุรกิจฟื้นแล้ว! SF เดินหน้าขยายสาขา เพิ่มรีวอร์ดบัตรสมาชิก เอาใจนักเรียน-นักศึกษา ดูหนังเริ่มต้น 69 บาท

ธุรกิจฟื้นแล้ว! SF เดินหน้าขยายสาขา เพิ่มรีวอร์ดบัตรสมาชิก เอาใจนักเรียน-นักศึกษา ดูหนังเริ่มต้น 69 บาท

แชร์ :

หลังเจอผลกระทบโควิดฉุดธุรกิจโรงภาพยนตร์ SF ขาดทุน ต้องเลื่อนแผนนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไว้ก่อน แต่ปี 2566 เห็นสัญญาณการฟื้นตัวธุรกิจโรงหนังชัดเจน SF จึงเดินหน้าจัดหนักกิจกรรมการตลาดเต็มสูบ พร้อมกลับมารุกขยายสาขาอีกครั้ง  มองปี 2567 รายได้กลับมาปกติเท่ากับก่อนโควิดที่ 5,000 ล้านบาท 

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

หากจะดูว่าธุรกิจโรงหนังฟื้นตัวจากโควิดหรือยัง ก็ต้องไปดูที่ “หนัง” ฟอร์มยักษ์ที่เข้าฉายในโรงทำรายได้เป็นอย่างไร

ตัวเลขที่น่าสนใจในปี 2565  ภาพยนตร์เรื่อง Top Gun: Maverick กลายเป็นหนังที่ทำรายได้สูงสุดของ “ทอม ครูซ”  ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลอันดับ 12 ของโลกกวาดรายได้ไปกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ  ส่วนในไทยเป็นหนังที่อยู่ในโรงนาน 12 สัปดาห์ ทำรายได้ 200 ล้านบาท  อีกเรื่องคือ Avatar The Way of Water ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลอันดับ 3 ของโลก  เข้าโรงในไทยนาน 12 สัปดาห์  ทำรายได้ 800 ล้านบาท

เมื่อหนังฟอร์มยักษ์กลับมาโกยรายได้จากการฉายในโรงแบบสร้างสถิติโลกกันอีกครั้ง ก็ชัดเจนว่าธุรกิจโรงภาพยนตร์ฟื้นตัวจากโควิดที่กินเวลากว่า 3 ปีแล้วเช่นกัน

SF เดินหน้าขยายสาขาอีกครั้ง ปี 67 ธุรกิจกลับมา 100% 

คุณสุวิทย์ ทองร่มโพธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจโรงภาพยนตร์ SF กล่าวว่าปี 2566 “เรามั่นใจว่าโรงหนังฟื้นตัวแล้ว” หากเทียบกับก่อนโควิด ปี 2562 คาดว่าปีนี้รายได้ SF จะกลับมาได้ 80% คิดเป็นเงิน 3,000-4,000 ล้านบาท  โดยมียอดขายตั๋วหนังราว 13 ล้านใบ

ปัจจัยการฟื้นตัวก็มาจากหนังฟอร์มยักษ์หลายเรื่องออกฉายในปีนี้  ไม่ว่าจะเป็น Fast and Furious 10 , The Little Mermaid, Spider-Man: Across the Spider-Verse, Transformers: Rise of the Beasts ที่คาดว่าจะเป็นหนังติดอันดับทำเงินสูง

ปีนี้ SF จะใช้งบรีโนเวทโรงหนัง 2 สาขา คือ เซ็นทรัล ลาดพร้าว และเดอะมอลล์ บางแค รวมมูลค่า 150 ล้านบาท  ปัจจุบันมีสาขาอยู่ใน 28 จังหวัด รวม 66 สาขา 400 โรง

ปี 2567 จะเป็นปีที่ SF กลับมาลงทุนขยายสาขาโรงหนังในอัตราปกติอีกครั้ง หลังชะลอไปในช่วงโควิด โดยจะขยาย 5-7 สาขา รวม 40 โรง ลงทุนเฉลี่ยโรงละ 15-18 ล้านบาท หรือรวม 600-700 ล้านบาท 

ปีหน้าจะเป็นปีที่ SF กลับมาฟื้นตัว 100% มีรายได้เหมือนก่อนโควิดปี 2562 ที่ 5,000 ล้านบาท และยอดขายตั๋วหนัง 18 ล้านใบ

ปรับโฉมบัตรสมาชิก เพิ่มรีวอร์ด อัดกิจกรรมเต็มสูบ 

สำหรับไฮไลต์การทำตลาดในปีนี้ ได้ปรับโฉมใหม่บัตรสมาชิก SF+ ให้สิทธิประโยชน์มากขึ้น โดยสมาชิก SF+ สามารถแลกรับของรางวัลได้ตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่องแรกที่รับชม และอัพเกรดจำนวนภาพยนตร์ให้สะสมได้สูงสุดถึง 100 เรื่อง

นอกจากนี้ ยังได้ปรับปรุงแพ็กเกจใหม่ให้สมาชิกสมัครเพื่อรับส่วนลดได้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม Kids และ Student ดูหนังราคาเริ่มต้นเพียง 69 บาท ลูกค้ากลุ่ม General รับส่วนลดบัตรชมภาพยนตร์ 30 บาทต่อที่นั่ง และลูกค้ากลุ่ม Senior ดูหนังเริ่มต้นราคา 79 บาท

ปัจจุบัน SF มีผู้ถือบัตรสมาชิก 1.2 ล้านคน หลังจากปรับโฉมบัตรใหม่ให้รีวอร์ดมากขึ้น ตั้งเป้าหมายผู้ถือบัตรเพิ่มเป็น 3 ล้านคน  โดยมีฐานลูกค้ากลุ่มนักเรียน นักศึกษา ประมาณ 40% การให้ส่วนลดตั๋วดูหนังราคาเริ่มต้น 69 บาท จะช่วยเพิ่มสัดส่วนลูกค้ากลุ่มนี้ขยับไปที่ 50%

กลยุทธ์และกิจกรรมการตลาดดึงผู้ชมมาใช้บริการที่โรงหนัง SF ในปีนี้  จะใช้บริการ Alternative Content  เพิ่มขึ้น เพื่อสร้างรายได้นอกจากตั๋วหนัง โดยเฉพาะ Live Viewing ที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 2564  กับการถ่ายทอดสดคอนเสิร์ตของวง BTS บอยแบนด์ระดับโลก  ปีนี้จะมีต่อเนื่องทั้งคอนเสิร์ตไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะ K-Pop  รวมทั้ง Live Content อีเวนต์ กีฬา เพื่อรับชมในโรงภาพยนตร์บนจอยักษ์

กิจกรรม SF x Coke เปิดความซ่าท้าให้ลอง เอาอะไรก็ได้มาใส่ป๊อปคอร์น หลังจากปีก่อนจัดครั้งแรกที่สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ ได้รับความสนใจจากลูกค้าจำนวนมาก ปีนี้จะจัดกิจกรรมนี้ทั่วประเทศ

นอกจากนี้ได้จับมือกับพันธมิตร After Yum เปิดตัวป๊อปคอร์นรสชาติพิเศษ SF x After Yum  รสชาติแรก “ไก่ทอดซอสยำปู” หากได้รับความนิยม วางแผนต่อยอดการจำหน่ายในช่องทางอื่นๆ ต่อไป

สำหรับการขยายสาขาโรงภาพยนตร์ Zigma Cinestadium Presented by C2 จาก 8 สาขาในปีนี้ จะเพิ่มเป็น 20 สาขาในปี 2567 และโรงภาพยนตร์ The Bed Cinema by Omazz สาขาที่3 ที่เอส เอฟ เอ็กซ์ ซีเนม่า เซ็นทรัล ลาดพร้าว


แชร์ :

You may also like