HomeBrand Move !!ได้เวลาบุกตลาดอาหารเสริม “เซ็ปเป้ X หัวเฉียว” สลัดภาพสมุนไพรจีนยุคเก่า สู่ผลิตภัณฑ์ใหม่ เจาะกลุ่ม Silver Age

ได้เวลาบุกตลาดอาหารเสริม “เซ็ปเป้ X หัวเฉียว” สลัดภาพสมุนไพรจีนยุคเก่า สู่ผลิตภัณฑ์ใหม่ เจาะกลุ่ม Silver Age

แชร์ :

sappe

กลยุทธ์ “Collaboration” ยังคงได้รับความนิยม ยิ่งทุกวันนี้จะเห็นแบรนด์ในกลุ่มธุรกิจต่างๆ ผนึกกำลังกันพัฒนาสินค้าใหม่  “เซ็ปเป้” (SAPPE) หนึ่งในผู้เล่นรายหลักของตลาดฟังก์ชันนัล ดริงก์ (Functional Drink) จับมือกับ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ สถาบันที่เชี่ยวชาญด้านแพทย์แผนจีนในประเทศไทย เปิดตัวผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากสมุนไพรจีน “เซ็ปเป้ อินหยาง เอ็กซ์ หัวเฉียว” นับเป็นครั้งแรกที่แบรนด์แตกไลน์มายังกลุ่มธุรกิจอาหารเสริมหรือซับพลีเมนต์ทารีฟู้ด (Supplementary Food) ในกลุ่มสมุนไพรจีนอย่างเป็นทางการ 

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจอาหารเสริมในตลาดโลกมีมูลค่ามากกว่า 1.6 แสนล้านดอลล่าสหรัฐ มีอัตราการเติบโต 6-7 % ต่อปี ขณะที่ตลาดไทยมีมูลค่า 75,000 ล้านบาท เติบโต 5-8% มีการเติบโตต่อเนื่อง และเป็นอัตราที่สูงเมื่อเทียบกับอีกหลายกลุ่มธุรกิจ โดยกลุ่มอาหารเสริมจากสมุนไพรถือเป็นกลุ่มที่มาแรงและได้รับความนิยมทั่วโลก

คุณปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE  กล่าวว่า ปัจจุบันการผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและวิตามินทั่วโลกมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ที่เป็นแรงผลักให้ผู้คนหันมาสนใจสุขภาพ รวมถึงการที่ทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ยิ่งทำให้ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการสร้างภูมิคุ้มกันแก่ร่างกาย โดยเฉพาะความต้องการผลิตภัณฑ์ที่มาจากธรรมชาติหรือสมุนไพรก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในตลาดโลก ขณะที่ศาสตร์การแพทย์แผนจีนนับเป็นที่นิยมมายาวนานได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ

 

“ตลาดอาหารเสริมมีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในไทยที่เข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างสมบูรณ์ ขณะที่การระบาดของโควิด-19 ทำให้คนสนใจสุขภาพมากขึ้น อาหารเสริมคือส่วนสำคัญในการดูแลสุขภาพ ไม่ใช่แค่การรักษา แต่คือการป้องกันตัวเอง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงวัย หรือ Silver Age ที่มีกำลังซื้อสูง”

 

ผนึก ม.หัวเฉียวขยายพอร์ตสมุนไพร “เซ็ปเป้ อินหยาง” กับการต่อยอดสมุนไพรจีนแบบ Modernization

ดังนั้นการขยายพอร์ตผลิตภัณฑ์ใหม่ครั้งนี้เซ็ปเป้จึงเดินหน้ากลยุทธ์ “Collaboration” อีกครั้งร่วมกับมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ โดยเลือกขยายพอร์ตโฟลิโอจากเครื่องดื่มที่ถนัดมาสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีแนวโน้มเติบโตสูงทั่วโลก ในกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริมจากสมุนไพรจีนที่มีมานานนับพันปี 

การร่วมมือครั้งนี้เป็นการอาศัยความเชี่ยวชาญของ “เซ็ปเป้” ที่เป็นบริษัทชั้นนำอาหารและเครื่องดื่มที่แข็งแกร่งเรื่องการต่อยอดนวัตกรรมหลากหลายรายการ ขณะที่ ม.หัวเฉียวฯ ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของศาสตร์สมุนไพรและแพทย์แผนจีน ในการนำศาสตร์แผนจีนมาต่อยอดให้ Modernise ให้เข้าถึงลูกค้ามากขึ้น เปิดตัวสินค้าใหม่ “เซ็ปเป้ อินหยาง เอ็กซ์ หัวเฉียว” ภายใต้ Brand Concept ศาสตร์แพทย์แผนจีนโบราณสู่ยุคใหม่ มีความปลอดภัย เชื่อถือได้ มาเป็นตัวบุกเบิกกลุ่มสินค้าจากแพทย์จีนรูปแบบใหม่รายแรกในไทย  

ชูจุดเด่นคือนำสมุนไพรจีนที่เคยทานยาก มาอยู่ในรูปแบบเม็ดบรรจุซองพร้อมทานสำหรับหนึ่งวัน ทานง่าย พกพาสะดวก เพิ่มทางเลือกลูกค้า ใน 2 สูตร ได้แก่ 

-สูตรสดชื่น (กล่องแดง) เพื่อบำรุงกำลัง เติมความสดชื่นในการทำงานและใช้ชีวิตได้เต็มประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับคนนอนดึก ทำงานหนัก และพักผ่อนน้อย จำหน่ายราคากล่องละ 1,200 บาท 

-สูตรใจสงบ (กล่องน้ำเงิน) ช่วยปรับอารมณ์ ลดความเครียด ทำให้นอนหลับได้ง่ายและสบายขึ้น สูตรนี้เหมาะกับคนคิดมาก หรือมีอาการนอนหลับยาก จำหน่ายราคากล่องละ 1,600 บาท

 

sappe Supplementary Food

 

จับ 3 Insign เมื่อลูกค้าในตลาดสมุนไพรยุคใหม่ ต้องการมากกว่าการเป็นอาหารเสริม

การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ดังกล่าวเป็นการจับ Insign ของลูกค้าที่ชื่นชอบสมุนไพรจีน มักจะมีตลาดเป็นของตัวเองอยู่แล้ว และมีการรับประทานแบบดั้งเดิมมานาน นำมาพัฒนาไปยังรูปแบบเม็ดเพื่อรองรับความสะดวกสบายในการรับประทาน และพกพา ถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทายในการทำตลาด Supplementary Food ของทางเซ็ปเป้ ที่กล้าฉีกออกมาเล่นในตลาดที่ไม่ใช่ตลาดหลักที่ได้รับความนิยม อย่างคอลลาเจน วิตามินต่างๆ ทำให้เรื่องของการสื่อสารแบรนด์ คือประเด็นสำคัญที่ลูกค้าจำเป็นต้องรับรู้ และเข้าใจอย่างถูกต้อง

โดย 3 ประเด็นหลักที่ลูกค้าพิจารณาในการซื้ออาหารเสริม (สมุนไพร) จนนำไปสู่คีย์หลักที่ทางค่ายนำมาเป็นส่วนสำคัญในการทำตลาดประกอบไปด้วย

  • ความน่าเชื่อถือ (Brand Credibility) : คือปัจจัยแรกที่ลูกค้าจะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้ ดังนั้นการสื่อสารที่ตรงจุด และมีคุณภาพคือสิ่งสำคัญที่ทางค่ายให้ความสำคัญ
  • ตราสินค้า (Branding) : การมีแบรนด์ดิ้งหรือตราสินค้าที่เป็นที่รู้จักอยู่แล้ว จะเป็นการต่อยอดในตัวผลิตภัณฑ์ได้ง่าย
  • การสร้างความรู้ความเข้าใจ (Education) : ลูกค้าให้เข้าถึงได้ ข้อดีของการทำตลาดคือการมีพาร์ทเนอร์ที่เป็น ม.หัวฉียวฯ เข้ามาจะเป็นการช่วยการสร้างความรู้ความเข้าใจได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ “เซ็ปเป้” ยังเดินวางแผนในส่วนของกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่องครอบคลุมทุกมิติ เพื่อให้แบรนด์สามารถแข่งขันในตลาดได้ ได้แก่

       กลุ่มเป้าหมาย โดยจะเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายแรกต้องการตอบโจท์  ผู้สูงวัย รุ่นใหญ่ ตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป หรือ Silver Age ที่มีกำลังซื้อ และสนใจดูแลสุขภาพ นอกจากนี้ยังเพิ่มขอบเขตของกลุ่มเป้าหมายไปยังกลุ่มพนักงานบริษัท คนที่มีความเครียด หรือคนที่ต้องการผ่อนคลาย 

       ช่องทางจำหน่าย ให้เข้าถึงลูกค้าให้ได้มากที่สุด ทั้งในช่องทางร้านขายยาทั่วไป ช่องทางออนไลน์ ในมาร์เก็ตเพลสต่างๆ และของบริษัทเอง รวมถึงไปวางจำหน่ายในมหาวิทยาลัยหัวเฉียว  นอกจากนี้ยังใช้ Network ของเซ็ปเป้ ในการขยายตลาดออกไปทั้งในและต่างประเทศ รองรับเทรนด์ Supplementary Food จากธรรมชาติที่มาแรง

      กิจกรรมการตลาด โดยจะเน้นออนไลน์ above the line ในการสร้างการเข้าถึง และทำงานร่วมกับโรงพยาบาล คุณหมอ ในการสร้างการรับรู้แบบไดเร็คตรงให้ถึงลูกค้ามากขึ้น และการทำโปรโมชั่นหน้าร้าน ผ่าน PC ในการแนะนำสินค้า  โดยวางเป้าหมาย 5 ปี เซ็ปเป้จะสร้างรายได้ในสินค้ากลุ่ม Supplementary Food ได้ 500 ล้านบาท 

 

อ่านเพิ่มเติม

‘เวิร์คพอยท์’ เลิกทีวีช้อปปิ้ง! ปรับกลยุทธ์ธุรกิจ Non-Media เจาะกลุ่มแมส ชูโมเดลร่วมทุน ‘เซ็ปเป้’ ลุยอาหาร-เครื่องดื่ม ยังมีพันธมิตรอีก 2-3 ดีล


แชร์ :

You may also like