นอกจาก Disney ที่ปิดแผนก Metaverse และเลย์ออฟพนักงานราว 50 คนออกไปก่อนหน้านี้ ล่าสุดมีรายงานว่า Walmart ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกสัญชาติอเมริกันก็ตัดสินใจยกเลิกแผน Metaverse ของตนเองแล้วเช่นกัน โดยเป็นการประกาศปิด “Universe of Play” ซึ่งเป็นพื้นที่สร้างประสบการณ์ Metaverse บนแพลตฟอร์ม Roblox หลังจากเปิดพื้นที่ดังกล่าวมาได้เพียง 6 เดือนเท่านั้น
การเปิดตัว Universe of Play ของ Walmart มีขึ้นเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยบริษัทมองว่า อาจทำให้แบรนด์สามารถเข้าถึงผู้บริโภค Gen Z ได้มากขึ้น อย่างไรก็ดี เส้นทางดังกล่าวอาจไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะขนาดเจ้าของไอเดีย Metaverse อย่าง Meta หรืออดีต Facebook ที่เคยตั้งเป้าหมายว่าจะมีผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์ม 3D อย่าง Horizon World มากถึง 500,000 คนต่อเดือนให้ได้ภายในสิ้นปี 2022 แต่ในท้ายที่สุด Meta ก็ตัดสินใจเปลี่ยนเป้าหมายเหลือแค่ 280,000 คนต่อเดือนมาแล้ว
ด้าน Walmart ให้เหตุผลของการปิดตัว Metaverse ครั้งนี้ว่ามาจากความกังวลเรื่อง Privacy ของผู้ใช้งานที่เพิ่มสูงขึ้นบนแพลตฟอร์ม Roblox แม้ว่า Roblox จะมีการปรับนโยบายด้านการลงโฆษณาให้เข้มข้นขึ้นแล้วก็ตาม (โดยเฉพาะโฆษณาที่มีเป้าหมายเป็นเด็ก ๆ)
ขณะที่ ผลวิจัยจาก CI&T พบว่า 81% ของผู้ตอบแบบสอบถามไม่ให้ความสำคัญกับการซื้อสินค้า – บริการบน Metaverse และ 45% บอกว่า พวกเขายังไม่อยากขึ้นไปช้อปปิ้งบน Metaverse ด้วย
ทั้งนี้ การขึ้นไปมีตัวตนบนแพลตฟอร์มสำหรับการเล่นเกมอย่าง Roblox, Fornite, Minecraft ของแบรนด์ต่าง ๆ นั้น ส่วนหนึ่งมาจากข้อมูลที่ชี้ว่า Gen Z และ Gen Alpha ซึ่งเป็นผู้บริโภครุ่นใหม่ใช้เวลาไปกับแพลตฟอร์มเหล่านั้นมากขึ้นเรื่อย ๆ แทนที่จะอยู่บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียแบบเดิม ๆ ที่ชาว Millennial หรือ Gen Y ใช้งาน ซึ่งในอีกมุมหนึ่งอาจสะท้อนได้ว่า Metaverse สามารถเป็นสะพานให้แบรนด์สามารถเข้าถึงผู้บริโภครุ่นใหม่ได้หากแบรนด์สามารถทำผลงานบนพื้นที่เหล่านั้นได้ดีพอ
ทั้งนี้ เป็นไปได้ว่า การปิดตัวเซอร์วิส Metaverse ของ Walmart และ Disney อาจมีความกังวลเรื่องสภาพเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนร่วมด้วย ซึ่งหากตลาดมีความพร้อมมากกว่านี้ เราก็อาจได้เห็นการกลับมาของแบรนด์ต่าง ๆ บนโลก Metaverse กันอีกครั้งก็เป็นได้