HomeSponsoredตำนานบทใหม่ ‘ตรากิเลน’ การขยับตัวของแบรนด์ 132 ปี เพื่อรักษา ‘รากเหง้า’ ให้เข้ากับยุคสมัย

ตำนานบทใหม่ ‘ตรากิเลน’ การขยับตัวของแบรนด์ 132 ปี เพื่อรักษา ‘รากเหง้า’ ให้เข้ากับยุคสมัย

แชร์ :

เรื่องราว 132 ปี ที่ส่งต่อกันมาถึง 4 เจเนอเรชัน ของแบรนด์ระดับตำนานอย่าง ‘ตรากิเลน’ ​ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรที่​ดูแลสุขภาพคนไทยมาตั้งแต่ปี พ.ศ.​ 2434 หลังจาก นายแป๊ะ แซ่ลิ้ม ต้นตระกูลโอสถานุเคราะห์ และผู้ก่อตั้ง บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) ได้เดินทางจากประเทศจีนมา​เปิดร้านขายยาเล็ก ๆ ชื่อ ‘เต๊ก เฮง หยู’ ในย่านสำเพ็ง พร้อมนำความรู้ตำรับยาสมุนไพรจีนโบราณของบรรพบุรุษมาช่วยเหลือผู้คนในสังคมไทย ซึ่งมี​​ ‘ตรากิเลน’ เป็นเครื่องหมาย โดยนายแป๊ะ เป็นคนเลือกใช้สัญลักษณ์นี้ด้วยตัวเอง

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

โดยความหมายของ ตรากิเลน ที่ปรากฏอยู่บนบรรจุภัณฑ์ของสินค้า กิเลน คือสัตว์มงคลจากสวรรค์ตามตำนานของจีน ปรากฏในที่อุดมสมบูรณ์, พระอาทิตย์ คือแสงสว่างของชีวิต และคัมภีร์ที่กิเลนถืออยู่ คือความรู้ของนักปราชญ์

สำหรับตำรับยาแรกของตรากิเลนคือ ยากฤษณากลั่น เพื่อใช้รักษาโรคท้องร่วง หรือโรคอหิวาต์ ซึ่งเป็นโรคระบาดที่ทำให้ผู้คนในยุคนั้นล้มตายเป็นจำนวนมาก นายแป๊ะจึงได้ปรุงยาจากสูตรของบรรพบุรุษมาช่วยรักษาจนหายดี และครั้ง​หนึ่งยาสูตรนี้ยังได้ช่วยรักษาท้องร่วงอย่างรุนแรงให้แก่เหล่าทหารเสือป่าในระหว่างการซ้อมรบ ทำให้พระบาทสมเด็จพระมงกฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ทราบความจึงทรงแนะนำให้ทหารเสือป่าและประชาชนใช้ยากฤษณากลั่น ไว้ในหนังสือพระราชนิพนธ์กันป่วย และทรงพระราชทานนามสกุล “โอสถานุเคราะห์” มีความหมายว่า ช่วยเหลือด้วยยา ให้กับนาย แป๊ะ แซ่ลิ้ม ซึ่งสอดคล้องกับชื่อ ‘​เต๊ก เฮง หยู’ ที่แปลว่า คุณงามความดีจะทำให้คนระลึกถึงยาวนานตลอดกาล ตามปรัชญาเริ่มต้นที่ใช้ในการขับเคลื่อนองค์กร

ฟื้นภาพแบรนด์เชื่อมโยงคนรุ่นใหม่

ปัจจุบัน​ผลิตภัณฑ์ตรากิเลน​ ยังคงช่วยดูแลสุขภาพคนไทยมาอย่างต่อเนื่องจากรุ่นสู่รุ่น สร้างความแข็งแรงให้แบรนด์จากประสิทธิภาพการรักษาแบบองค์รวมที่ได้ผลจริง และเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครจากตำรับยาสูตรสมุนไพรทั้งจีนและไทยหลากหลายชนิด พร้อมทั้งยังพัฒนาตำรับยาให้ตอบโจทย์การดูแลผู้คนเพิ่มเติมไปตามยุคสมัย​ เพื่อรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ และยังตอบโจทย์รูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ได้รับความเชื่อมั่นและไว้วางใจจนกลายเป็น​เซ็ตยาสามัญที่ต้องมีติดไว้ประจำบ้านหรือพกไว้ติดตัว ไม่ว่าจะเป็นโบตัน, ยากฤษณากลั่น, ยาธาตุ ๔, อุทัยทิพย์ และทัมใจ ซึ่งแต่ละแบรนด์ต่างก็มีอายุยาวนานมาหลายสิบปี ผ่านเรื่องราวและเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ เช่น โบตันที่เริ่มเกิดขึ้นมาในยุคของการรณรงค์ให้คนไทยเลิกกินหมาก หรือทัมใจที่เป็นต้นกำเนิดหนังขายยา เป็นต้น

แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป อาจทำให้ความเชื่อมโยงระหว่างแบรนด์และคนรุ่นใหม่ ๆ ห่างหายไปบ้าง ​ขณะที่ความแข็งแกร่งของแบรนด์ที่สะสมมากว่าศตวรรษ ทำให้กลุ่มคนรุ่นใหม่เองยังคงรับรู้ถึงคุณภาพและประสิทธิภาพที่ได้รับการยอมรับ​ ประกอบกับกระแสใส่ใจสุขภาพ โดยเฉพาะการดูแลสุขภาพให้ยั่งยืนแบบองค์รวมที่จะไม่ส่งผลในระยะยาว ทำให้ทางเลือกจากธรรมชาติอย่างผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรต่าง ๆ กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง รวมทั้งกระแสหวนรำลึกถึงอดีต ทำให้ผลิตภัณฑ์ตรากิเลนซึ่งมีอายุถึง 132 ปี กลับมาเป็นที่สนใจในกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น

นำมาสู่การสร้างตำนานบทใหม่ในการพลิกโฉม ‘ตรากิเลน’ ผ่านการรีแบรนด์ให้มีภาพลักษณ์ผสมผสานทั้งความคลาสสิกและร่วมสมัย ​เพื่อสร้างความใกล้ชิดและประสบการณ์ร่วมกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่มองหาผลิตภัณฑ์สมุนไพรจากธรรมชาติ​ที่สามารถเชื่อมั่นถึงคุณภาพและมาตรฐาน พร้อมบอกต่อเรื่องราวของคุณค่าภูมิปัญญาแพทย์สมุนไพรไทยจีนที่จะช่วยเสริมสร้างคุณภาพชีวิตให้ยั่งยืนได้อย่างแท้จริง

ความท้าทายสำคัญในการรีแบรนด์ครั้งนี้ อยู่ที่การทำให้คนรุ่นใหม่สามารถเข้าถึงและรับรู้ถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันของผลิตภัณฑ์ที่มีสรรพคุณเฉพาะตัวแตกต่างกันไป ทั้งยากฤษณากลั่น ยาธาตุ ๔ โบตัน อุทัยทิพย์ และทัมใจ แต่ทั้งหมดนี้ต่างอยู่ภายใต้ Master Brand เดียวกันและมุ่งสู่การสร้างคุณค่าร่วมกันตามแนวทางของ​​ ‘ตรากิเลน’ ​​เพื่อ​ตอกย้ำตัวตนของแบรนด์ให้มีความชัดเจนและเป็นแบรนด์แรกที่ทุกคนต้องนึกถึงเมื่อมองหาผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร

สร้างตำนานบทใหม่ ‘ตรากิเลน’

การรีแบรนด์ครั้งนี้ ได้ทำการเปลี่ยนโลโก้ และดีไซน์ของทั้ง 5 ผลิตภัณฑ์ให้เป็นสไตล์โมเดิร์นวินเทจ แต่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของตรากิเลนไว้ จากการออกแบบของ ‘คุณยูน – ปัณพัท เตชเมธากุล’ ศิลปินไทยที่มีชื่อเสียงระดับโลกในการรังสรรค์งานที่ได้รับแรงบันดาลใจจากอดีตให้เข้ากับยุคสมัย ซึ่งก่อนหน้านี้ที่คุณยูนเป็นผู้ออกแบบผลิตภัณฑ์ยาสีฟันโบตัน ก่อนจะต่อยอดมาสู่การพลิกโฉมปรับภาพลักษณ์ทั้ง 5 ผลิตภัณฑ์ของตรากิเลนแบบครบวงจร เพื่อยกระดับตรากิเลนให้เป็นที่น่าจดจำและเข้ากับยุคสมัยใหม่มากขึ้น แต่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมที่ไม่เหมือนใครของแบรนด์เอาไว้

พร้อมทั้งได้นำเสนอเรื่องราวการเดินทางครั้งใหม่นี้ ผ่านการสร้างแลนด์มาร์กในเทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ หรือ Bangkok Design Week 2023 ซึ่งเป็นงานที่ได้รับความสนใจจากกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวความเป็นมาและการสร้างตำนานบทใหม่ของ ‘ตรากิเลน’ ผ่านความงดงามและมนต์ขลังของศิลปไทย-จีน โบราณ ให้ออกมาในสไตล์โมเดิร์นวินเทจตามแนวทางของแบรนด์ ในคอนเซ็ปต์ Kilane Crimson Garden เสมือนอยู่ในดินแดนสวนสมุนไพรธรรมชาติสีแดงอันทรงพลัง เพื่อสะท้อนเรื่องราว ตัวตน และจุดเด่นของแบรนด์ ให้สามารถจับต้องได้ง่ายขึ้น ผ่านการตกแต่งและไฮไลท์ต่าง ๆ ที่จะช่วยสร้างความคุ้นเคยต่อแบรนด์กิเลน และคุณประโยชน์ของสมุนไพร ที่เป็นการใช้ภูมิปัญญาจากธรรมชาติตอบโจทย์เรื่องของสุขภาพ

โดยเฉพาะการนำเสนอเมนูเครื่องดื่มและขนมหวานที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากผลิตภัณฑ์ตรากิเลนให้ผู้คนที่เข้ามาเยี่ยมชมได้ลิ้มลอง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งการนำเสนอไอเดียในการนำสมุนไพรมาช่วยดูแลสุขภาพผ่านการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนในยุคนี้ ช่วยเพิ่มสีสันในการรับประทานให้มีทั้งความอร่อยและความสนุกขึ้นได้อย่างกลมกลืน พร้อมทั้งการสอดแทรกความรู้และคุณประโยชน์ของสมุนไพร​ ผ่านการตกแต่งและการทำ Product Design Display ซึ่งจะสร้างการจดจำให้แก่ผลิตภัณฑ์ตรากิเลนได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น​

การรีแบรนด์ครั้งนี้จึงนับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งยุทธศาสตร์ในการขยับของตรากิเลน เพื่อให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป และสามารถนำตัวตนที่ได้รับการยอมรับมายาวนานมากกว่าร้อยปี เพื่อสร้างตำนานบทใหม่ ๆ ในอนาตได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเข้าไปเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลุ่ม Healthcare ของโอสถสภา ผ่านการต่อยอดจากจุดแข็งในการเป็นผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาจากธรรมชาติด้วยสูตรตำรับยาสมุนไพรทั้งจีนและไทย ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่มีความแตกต่างจากตลาด เพื่อเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในไลฟสไตล์ของผู้คนในแต่ละยุคได้อย่างกลมกลืน

โดยที่ยังคงรักษารากเหง้าและตัวตน พร้อมสามารถสืบทอดมรดกทางภูมิปัญญาตามเจตนารมณ์ของบรรพบุรุษตามปรัชญาที่ยึดถือมาตั้งแต่ยุคก่อตั้งธุรกิจ ‘เต๊ก เฮง หยู’ ​ไว้ได้อย่างครบถ้วน พร้อมส่งต่อผ่านวิสัยทัศน์และพันธกิจในการขับเคลื่อนองค์กรของโอสถสภาในปัจจุบันสู่การเป็น ‘พลังเพื่อเสริมสร้างชีวิตให้แก่ผู้บริโภคและสังคม’ หรือ The Power to The Enhance Life นั่นเอง


แชร์ :

You may also like