HomeSponsoredเบื้องหลัง LEAD คอร์สจุดประกายไอเดีย Young SMEs “เรียนจริง-ทำจริง-โตจริง” โดย “เซ็นทรัลพัฒนา”

เบื้องหลัง LEAD คอร์สจุดประกายไอเดีย Young SMEs “เรียนจริง-ทำจริง-โตจริง” โดย “เซ็นทรัลพัฒนา”

แชร์ :

ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 แล้ว สำหรับ LEAD (Leading Entrepreneur Advanced Development) คอร์สสำหรับพัฒนาผู้ประกอบการรุ่นใหม่ หรือ Young SMEs จากพี่ใหญ่วงการค้าปลีกเมืองไทย “เซ็นทรัลพัฒนา” ภายแนวคิดหลักคือการทำแพลตฟอร์ม เพื่อค้นหาดาวรุ่ง โดยใช้ Ecosystem ของเครือเซ็นทรัลเข้ามาช่วยต่อยอดผู้ประกอบการ โดยเน้นให้ผู้เรียนได้สร้างประสบการณ์แบบ “เรียนจริง ทำจริง โตจริง” ผ่านการเรียนรู้จากผู้รู้จริงในวงการรีเทล ทดลองตลาดกับพื้นที่ที่มีศักยภาพ และนำสิ่งที่ได้พัฒนามาประยุกต์ใช้กับธุรกิจจริงอย่างเป็นรูปธรรม

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

โดยคอร์ส LEAD เป็นหนึ่งใน Business Strategies ของเซ็นทรัลพัฒนาที่จะเข้ามาช่วยพัฒนาและต่อยอดธุรกิจให้ผู้ประกอบการทั้งรายเล็กและรายใหญ่ ให้มั่นคงและยั่งยืนผ่าน Total Business Solutions ที่หลากหลาย และต้องการสนับสนุนผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่มี Passionในการต่อยอดธุรกิจ เพื่อผลักดันแบรนด์เข้าสู่ศูนย์การค้ามากขึ้น โดยเน้นให้ผู้เรียนได้สร้างประสบการณ์แบบ “เรียนจริง ทำจริง โตจริง” ผ่านการเรียนรู้จากผู้รู้จริงในวงการรีเทล ทดลองตลาดกับพื้นที่ที่มีศักยภาพ และนำสิ่งที่ได้พัฒนามาประยุกต์ใช้กับธุรกิจจริงอย่างเป็นรูปธรรม

ส่องความสำเร็จ คอร์ส LEAD ดึง Ecosystem ของ “เซ็นทรัล”สู่การ “ทำจริง เรียนจริง เติบโตจริง”

ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดของเซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า คอร์ส LEAD เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 2017 เกิดจากนโยบายของ “เซ็นทรัลพัฒนา” ที่ต้องการเป็นแพลตฟอร์ม และสร้างแบรนด์ให้มีความแข็งแกร่งขึ้น มีความ Expert มากขึ้น ผ่านรูปแบบของการ “เรียนจริง ทำจริง โตจริง” จากทุก Format Retail ของเครือเซ็นทรัล ที่ให้ผู้เรียนสามารถเข้าไปได้ ตั้งแต่การเจาะลูกค้าในตลาดระดับพรีเมี่ยมไปจนถึงตลาดกลาง

โดยรูปแบบคอร์สจะปรับไปตามเทรนด์ เพื่อนำความแตกต่างมาพัฒนาสินค้าใหม่ หรือบริการใหม่ได้อย่างลงตัว ในการสร้าง Network ร่วมกันที่มากกว่าการเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียน ซึ่งสิ่งที่ผู้ประกอบการได้ประโยชน์จากการที่ผ่านการเข้าร่วมคอร์ส LEAD คือการได้ร่วมกันพัฒนาสินค้าหรือบริการใหม่ หรือการทำ Brand Co-creation ที่ได้ทดลองนำแบรนด์ของตนมาร่วมต่อยอดกับแบรนด์อื่นๆ เพื่อให้เกิดสิ่งใหม่ขึ้น ด้วยการทดลองสร้าง New Business Format เพื่อสร้างช่องทางการขายหรือการขยายรูปแบบธุรกิจ

ทั้งหมดนี้เพื่อให้ผู้ประกอบการได้ต่อยอดจากสิ่งที่มีสู่สิ่งใหม่ที่สามารถนำไปสู่ความสำเร็จ มากกว่านี้ยังมีโอกาสเข้าสู่ Business Ecosystem ที่แข็งแกร่ง ใน Platform ที่เป็น The right brand for the right target at the right location  เพื่อสร้าง Business Opportunities ให้ได้ต่อยอดธุรกิจได้อย่างยั่งยืน อีกทั้งยังเพื่อให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ไฟแรง หลายคนยังไม่มีโอกาสเข้าได้เข้ามาวางจำหน่ายสินค้าในศูนย์การค้า ได้มีโอกาสเข้าวางจำหน่ายจริงได้มากขึ้น

“ในอดีตการเข้ามาวางจำหน่ายสินค้าในศูนย์การค้า อาจจะมีข้อจำกัดอยู่ค่อนข้างมาก ทั้งตัว SME และศูนย์การค้าเอง ซึ่งต้องยอมรับว่าบางส่วนเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของ SME ซึ่งการเรียนในหลักสูตรจะเป็นการเอาทรัพยากรทั้งหมดของเซ็นทรัลเข้าไปช่วย ทั้งเรื่องโลจิสติกส์ องค์ความรู้ การสร้างสินค้าที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายในแต่ละทำเล จากนั้นสร้างโจทย์ และจัดพื้นที่ทำ  Pop Up ขึ้นมา เพื่อให้นักเรียนได้ปฏิบัติและเรียนรู้จริง ผ่านศูนย์การค้าที่มีอยู่ ทั้งเซ็นทรัล พระราม 2 ไปจนถึงเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งเป็นทำเลศักยภาพ ต่างจากคอร์สทั่วไป และนั่นคือจุดแข็งที่ผู้ประกอบการจะได้มีโอกาสได้พัฒนารูปแบบธุรกิจใหม่ๆ หรือสินค้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้นจากการเรียนรู้จริง”

สำหรับคีย์หลักจะเป็นการผลักดันแบรนด์เพื่อให้ไปอยู่ในทุกที่ๆลูกค้าต้องการ ด้วยการทำให้เแบรนด์เติบโตเร็วขึ้น ผ่านเรื่องของ Partnership ของแต่ละแบรนด์และพาร์ทเนอร์ ว่ามีความเหมาะสมกันในระดับไหน ก่อนจะเริ่มทำสเต็ปถัดไป คือการทำ “Case Study” จากองค์ความรู้บวกกับธุรกิจที่มี เพื่อต่อยอดไอเดียในการทำธุรกิจใหม่ๆ ในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านรีเทล ในการสร้างความร่วมมือ สู่การต่อยอดในการสร้างความยั่งยืนของผู้ประกอบการ SME รุ่นใหม่ หรือแม้กระทั่งการต่อยอด Family Business

โดยตลอดช่วง 6 ปีที่ผ่านมา “เซ็นทรัลพัฒนา” สามารถผลักดันผู้ประกอบการคนรุ่นใหม่ หรือ Young SMEs จากหลักสูตร LEAD เข้าไปในศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศแล้วกว่า 150 แบรนด์ 600 ร้านค้า มีพื้นที่กว่า 3,0000 ตร.ม. คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,800 ล้านบาท อาทิ  “Gentlewomen” ร้านเสื้อผ้าแฟชั่นแบรนด์ไทย ที่เติบโตมาจาก CAMP Fashion Multi brand store, “Fresh Me” แบรนด์ชาสุดเฟรชแบรนด์โปรดของใครหลายคน ที่ขยายไปมากกว่า 100 สาขาทั่วประเทศ แบรนด์ “Ravipa” แบรนด์จิวเวลรี่ชื่อดัง และได้เปิด Flagship Store ที่ centralwOrld เป็นที่แรก ไปจนถึง “Moshi Moshi” เปิดไปยังหลายสาขาทั่วประเทศ และเพิ่งเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยไปไม่นานนี้ รวมถึง “Salad Factory” และ “Beautrium” ที่ CG เข้าไปร่วมลงทุนด้วย โดยวางเป้าหมายระยะยาวในการผลักดัน ทั้ง Local SME  และ New SME เข้ามาวางจำหน่ายสินค้าในศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศเป็น 10% ในอนาคต

จุดประกายไอเดีย ผู้ประกอบการให้ “กล้าฉีกกรอบ” ต่อยอด “ไอเดีย” สู่สินค้าขึ้นห้างฯ

ความสำเร็จของ LEAD ไม่ใช่เพียงคอร์สปั้นผู้ประกอบการให้พัฒนาศักยภาพ ในการพัฒนาสินค้า และจุดประกายไอเดียใหม่ๆ เท่านั้น หากแต่คือการ “ฉีกกรอบ” ความคิดเดิมให้ผู้ประกอบการให้ “กล้าคิด” ทำในสิ่งที่ไม่เคยลองมา เพื่อเพิ่ม “ขีดความสามารถ” และ “ศักยภาพ” ของแบรนด์ให้สามารถขยายสาขาได้รวดเร็วในทิศทางที่ถูกต้อง

ไปพร้อมๆกับการเฟ้นหา “ดาวดวงใหม่” เพื่อเข้าสู่การทำธุรกิจในรูปแบบใหม่ เสริมศักยภาพการเติบโตได้และ Scale Up มากขึ้น ในรูปแบบ “One On One Coaching” ด้วยการเลือกผู้ประกอบการดาวรุ่งมาปั้นให้สุด ดึงจุดแข็งมาเป็นจุดขาย โดยเซ็นทรัลจะทำหน้าที่เป็น “Gateway To Success ” หรือ “Fast Track” ในการทำธุรกิจของผู้ประกอบการและหลังเรียนจบให้สามารถเปิดร้าน ขายได้จริง

“เดิมแบรนด์ SME ในระดับดางรุ่งอาจจะขยายสาขาได้ปีละ 1 สาขา แต่หลังจากผ่านการเรียนรู้แล้ว อาจจะสามารถขยายได้ปีละ 5-10 สาขา ผ่านโมเดลต่างๆ และ Up Scale ได้เร็วขึ้น” ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนากล่าว

ทั้งหมดสะท้อนจากความสำเร็จของแบรนด์ดาวรุ่ง 5 แบรนด์ที่สามารถคว้ารางวัลต่างๆ จากหลักสูตร LEAD โดยเซ็นทรัลพัฒนา ดังนี้

– รางวัล New concept Store for Business Growth แบรนด์ : “ซาลาเปาโกอ้วน” ขยายสู่แบรนด์ใหม่ “โรงชาชงดี”

– รางวัล Partnership & Collaboration for Business Growth แบรนด์ : “Moreover

– รางวัล Omni Brand & Omni Channel for Business Growth แบรนด์ : “Nineties Design”

– รางวัล Omni Sustainability for business & Community  แบรนด์ : “Tempered”

– รางวัล Supply chain Management & Scalable for Business Growth แบรนด์ : “Amatas”

นอกจากนี้ ยังมีแบรนด์อื่นๆ ที่เข้ารอบสุดท้าย อีก 4 แบรนด์ ได้แก่ แบรนด์ KIMTEE FINE JEWELRY, แบรนด์ THE WAFFLE, แบรนด์ URTHE URTHE แบรน์เสื้อผ้าแนว street fashion, แบรนด์ CODESOM ส้มโคดโคด

ส่องความสำเร็จผู้ประกอบการตัวจริงจากการเรียนรู้จริง จาก Young SMEs

คุณสุรีย์พร พูนศักดิ์ไพศาล Managing Director บริษัท โกอ้วน ซาลาเปา แอนด์ ที จำกัด และ บริษัท ชงดีพูนผล จำกัด เจ้าของรางวัล New concept Store for Business Growth กล่าวว่า เดิมทีซาลาเปาโกอ้วนมีข้อจำกัดในการขยายจากปัจจัยเรื่อง Operation แต่จากการเข้ามาเรียนในหลักสูตร LEAD จากการเรียนรู้และพัฒนาขีดความสามารถจึงได้มีการเพิ่ม Product line โดยเชื่อมต่อจากธุรกิจเดิมให้สามารถเติมเต็ม Customer’s Solution ได้

จากนั้นจึงมีการสร้าง New Concept Store จาก “ซาลาเปาโกอ้วน สู่ “โรงชาชงดี” ที่ปีนี้จะขยายเพิ่มอีก 5 สาขา นับเป็นการต่อยอด Concept ใหม่ แต่ยังได้ต่อยอดธุริจแบบ Scalable และยังเข้ามาช่วยแก้ปัญหาเริ่อง Shelf Life ของสินค้าต่างๆได้ เปลี่ยนจากขาย “ซาลาเปา” อย่างเดียว เพิ่มเป็น ขาย “ซาลาเปา + ชา และยังมีการเพิ่มบริการจาก Take away มาสู่ dine-in

นอกจากนี้ยัง Collab กับแบรนด์ CODESOM ทำสินค้าใหม่ร่วมกันออกมา ซึ่ง Direction ของ “ชงดี” จากนี้คือตั้งใจสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งด้วยการ Scale Up ธุรกิจสู่แฟรนไชส์ เหมือน “โกอ้วน” แบรนด์โกอ้วนในปัจจุบัน

ขณะที่ คุณชนิกานต์ ตันบุญเพิ่ม Exclusive Chef and Co-Founder, Tempered Cooperatives เจ้าของวัล Omni Sustainability for business & Community  จากแบรนด์ : “Tempered” บอกว่า การเข้ามาเรียนในคอร์ส LEAD เพื่อต้องการเติบโต หาพื้นที่ในการเติบโตให้แก่ทางแบรนด์ ด้วยต้องการมองหาไอเดีย แผนธุรกิจใหม่ๆ โดยหลักสูตร LEAD สามารถสร้างความแข็งแกร่ง และ Signature ให้กับแบรนด์ ด้วยการดึงจุดขายของวัตถุดิบจาก Local และผสมผสาน Culture อื่นๆ เช่น East meets West ฯลฯ ได้เป็นอย่างดี

ด้านคุณพลาวุฒิ เจริญจิตมั่น Managing Director, Micron Group รางวัล Supply chain Management & Scalable for Business Growth จากแบรนด์ : “Amatas” กล่าวว่า การเข้ามาเรียนหลักสูตร LEAD สามารถนำระบบ Supply Chain จากธุรกิจเดิม ที่เป็นโรงงานผลิตแบรนด์ Super Lock ที่มีอยู่แล้ว มา Scale Business ขายสินค้าในกลุ่มเครื่องครัว ด้วยการนำความรู้ด้าน retail มาต่อยอดเป็นร้านเครื่องครัวที่รวบรวมสินค้าที่มี amazing function และ tasteful design สำหรับการใช้ชีวิตที่ทันสมัยตอบโจทย์ลูกค้าในยุคปัจจุบัน

ทั้งหมดเป็นเพียงตัวอย่างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ที่กล้าฉีกกรอบแนวคิดแบบเดิมๆ ไปพร้อมๆกับการพัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์ลูกค้าแบบถูกที่ ถูกเวลา โดยก้าวต่อไปของ LEAD จะยังคงถ่ายทอดองค์ความรู้ ผ่านแพลตฟอร์ม และความสำเร็จทั้งหมดไปยังรุ่นต่อๆไป เพื่อสร้าง “New  Success in Another Era” กับ LEAD 5.0  ที่จะเริ่มรับสมัครอีกครั้งในเดือนมีนาคม 2566 นี้ การันตีด้วยหลักสูตรที่เข้มข้นมากขึ้น

ความสำเร็จของโครงการ LEAD จึงไม่ใช่แค่เรื่องของการตลาด แต่เป็นเรื่อง “Tenant Solution” ที่จะเข้ามาช่วยบ่มเพาะผู้ประกอบการรุ่นใหม่ หรือ Young SMEs สู่ความสำเร็จอีกขั้น

สนใจสมัครเข้าร่วมหลักสูตร LEAD รุ่นที่ 5 ได้แล้วที่ https://shoppingcenter.centralpattana.co.th/lead/


แชร์ :

You may also like