HomeBrand Move !!ยักษ์ใหญ่ก็ลดคน “Microsoft” ประกาศเลย์ออฟพนักงาน 1,000 ตำแหน่ง รับมือตลาดพีซีดิ่ง

ยักษ์ใหญ่ก็ลดคน “Microsoft” ประกาศเลย์ออฟพนักงาน 1,000 ตำแหน่ง รับมือตลาดพีซีดิ่ง

แชร์ :

 

microsoft

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

ไมโครซอฟท์ (Microsoft) บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ และบริษัทที่ได้ชื่อว่ามีมูลค่ามากเป็นอันดับสามของโลกรองจาก Apple และ Aramco ประกาศเลย์ออฟพนักงานทั่วโลก ราว 1,000 ตำแหน่ง หลังจากก่อนหน้านี้เคยเลย์ออฟพนักงานไปแล้วเมื่อเดือนกรกฎาคม โดยส่วนงานที่ถูกเลย์ออฟนั้น สื่อตะวันตกระบุว่าอิงจากความสำคัญของธุรกิจ อย่างไรก็ดี พบว่ามีพนักงานที่ถูกเลย์ออฟบางส่วนมาจากธุรกิจเกม Xbox ของบริษัทด้วย

การเลย์ออฟพนักงานครั้งนี้ของ Microsoft  ได้ถูกนักวิเคราะห์แสดงความเห็นเอาไว้มากมาย โดยบางส่วนมองว่ามาจากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ – ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค ขณะที่อีกด้านหนึ่งระบุว่ามาจากตลาดพีซีที่เติบโตลดลง ทำให้กระทบต่อยอดขายระบบปฏิบัติการ Windows 11 รวมถึงซอฟท์แวร์ต่าง ๆ ของทางค่าย

ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการผลิตชิปของสหรัฐอเมริกาอย่างอินเทล (Intel) ก็ออกมาเลย์ออฟพนักงานเพราะเหตุนี้มาแล้วเช่นกัน

Microsoft เผยด้วยว่า ไตรมาสที่ผ่านมานั้น (กรกฎาคม – กันยายน) คือไตรมาสที่รายได้ของบริษัทเติบโตน้อยที่สุดในช่วง 5 ปี

ทั้งนี้ ตัวแทนจาก Microsoft เผยว่า การตัดสินใจดังกล่าวเป็นการประเมินจากลำดับความสำคัญ โดยบริษัทยังคงลงทุน และจ้างงานเพิ่มในธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตในปีหน้าอยู่เช่นเดิม

อีกหนึ่งพนักงาน Microsoft ที่หลายคนยังคงจำได้อย่าง KC Lemson ผู้เคยพัฒนามีมนินจาแมวให้กับบริษัทก็ออกมาทวีตเช่นกันว่า เธอเป็นหนึ่งในพนักงาน Microsoft ที่ถูกเลย์ออฟในรอบนี้ อย่างไรก็ดี ในทวีตดังกล่าว เธอบอกว่า เธอโอเคกับสิ่งที่เจอ และขอบคุณคนรอบตัวที่ส่งข้อความมาให้กำลังใจด้วย

ธุรกิจเกม อาจไม่ใช่เซฟโซนในภาวะเศรษฐกิจถดถอย

อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่าสนใจจากการเลย์ออฟครั้งนี้ก็คือธุรกิจเกม เพราะนอกจาก Microsoft ที่มีการเลย์ออฟคนจากธุรกิจเกมแล้ว Google เองก็ออกมาประกาศปิดตัวบริการคลาวด์สำหรับคอเกมอย่าง Stadia ด้วยเช่นกัน (มีผลในเดือนมกราคม 2023) เช่นเดียวกับ Meta ที่ประกาศปิดตัว Facebook Gaming App ไปเมื่อเดือนสิงหาคม

นอกจากนั้น เมื่อหันมองรายได้ของธุรกิจเกมก็พบว่า บริษัทอย่าง Nintendo, Microsoft, Sony ต่างมีรายได้ลดลง ยกตัวอย่างเช่น Nintendo จากที่เคยมีรายได้ในไตรมาสเดือนกรกฎาคม – กันยายน 2021 3.22 แสนล้านเยน พอมาปี 2022 บริษัทสามารถทำรายได้ไปเพียง 3.07 แสนล้านเยนเท่านั้น

นักวิเคราะห์บางส่วนจึงมองว่าธุรกิจเกมอาจไม่ใช่เซฟโซนสำหรับนักลงทุนในภาวะเศรษฐกิจถดถอยรอบนี้อีกต่อไป และอาจได้เห็นการเลย์ออฟในธุรกิจดังกล่าวตามมาอีกในอนาคตก็เป็นได้

Source

Source


แชร์ :

You may also like