นับวันความคาดหวังของผู้บริโภคย่อมสูงขึ้นเรื่อยๆ แบรนด์จึงต้องไม่หยุดนิ่งในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ เพื่อนำเสนอ “Wow! Experience” ให้กับลูกค้าอยู่เสมอ เหมือนเช่น “Swensen’s” (สเวนเซ่นส์) ตลอดเส้นทาง 35 ปีในประเทศไทย นับตั้งแต่เปิดสาขาแรกที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว ถึงปัจจุบันมีกว่า 315 สาขา ยังคงเดินหน้าครีเอททั้งเมนูใหม่ และพัฒนา Store Format ใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับแต่ละโลเคชั่น และยกระดับประสบการณ์ลูกค้าในการมาร้านให้ beyond ไปมากกว่า “ร้านไอศกรีม” แต่กลายเป็น “Destination” ที่ลูกค้าต้องมาเยือน
ล่าสุด Concept Store สาขาใหม่ “Swensen’s ท่ามหาราช” พาลูกค้าย้อนเวลาไปอยู่ในบรรยากาศของรัตนโกสินทร์ในอดีต ผสานกับเรื่องราวของ Swensen’s ในยุคแรกเมื่อกว่า 30 ปีที่แล้ว กลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัวในการสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างและมีเฉพาะที่ “สาขาท่ามหาราช” เท่านั้น
จาก Regional Flagship Store สู่ Concept Store
ในช่วง 3 – 4 ปีมานี้ “Swensen’s” พัฒนาร้านรูปแบบ “Regional Flagship Store” เป็นสแตนอโลนนอกศูนย์การค้าที่ดึงเอา Local Culture และ Local Lifestyle ของจังหวัด และผู้คนในเมืองนั้นๆ มาใช้ในการออกแบบสถาปัตยกรรม และการตกแต่งภายนอก-ภายใน ถึงปัจจุบันมี 5 แห่งคือ Swensen’s ภูเก็ตทาวน์, กาดน่าน, ยะลาปาร์ค, พิษณุโลก และล่าสุดนครศรีธรรมราช ซึ่งทุกวันนี้แต่ละสาขากลายเป็น Destination ของจังหวัดนั้นๆ ไปแล้ว
จาก Regional Flagship Store ทีมงาน Swensen’s ประเทศไทย ได้ต่อยอดสู่การพัฒนาโมเดล “Concept Store” สำหรับโลเคชั่นในศูนย์การค้า หรือคอมมูนิตี้มอลล์ที่มีศักยภาพ ทั้งความโดดเด่นของสถานที่, เรื่องราวของสถานที่นั้นๆ, มีกลุ่มเป้าหมายชัดเจน และมีปัจจัยแวดล้อมที่ส่งเสริมการสร้างโอกาสทางธุรกิจได้เพิ่มขึ้น
ปัจจุบัน “Swensen’s” เปิด Concept Store 3 สาขา คือ กาดฝรั่ง ภายใต้คอนเซ็ปต์ Modern North, At Ekkamai มาในคอนเซ็ปต์ Night Life ตกแต่งด้วยไฟนีออนสีชมพู และสาขาล่าสุด “Swensen’s ท่ามหาราช” ตั้งอยู่ในโครงการท่ามหาราช (Tha Maharaj) ออกแบบและตกแต่ง ทั้งภายนอก-ภายในด้วยคอนเซ็ปต์กรุงรัตนโกสินทร์ในอดีต เพื่อให้สอดคล้องกับสถานที่ และบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยา
“คอนเซ็ปต์ Regional Flagship Store ทำให้คนท้องถิ่นรักเรามากขึ้น เขารู้สึกภูมิใจใน Story ของจังหวัด หรือเมืองของเขา จนกลับมาใช้บริการร้านเราต่อเนื่อง และทำให้ร้าน Swensen’s เป็นจุดหมายปลายทางของคนต่างถิ่นที่ไปจังหวัดนั้น จะแวะร้าน Swensen’s Regional Flagship Store
การสร้าง Regional Flagship Store ซึ่งเป็นสแตนอโลน ใช้เงินลงทุนสูง ดังนั้นเราจึงหยิบองค์ประกอบบางอย่างที่น่าสนใจของคอนเซ็ปต์ Regional Flagship Store มาย่อส่วนทำเป็น “Concept Store” อยู่ในศูนย์การค้า หรือคอมมูนิตี้มอลล์ เนื่องจากหาโลเคชั่นได้มากกว่าโลเคชั่นสแตนอโลน ขนาดใหญ่ ทั้งยังมีความเป็น Swensen’s ที่ลูกค้าคุ้นเคย เข้าถึงง่าย” คุณอนุพนธ์ นิธิยานันท์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท สเวนเซ่นส์ (ไทย) จำกัด ในเครือเดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เล่าถึงการพัฒนาสาขา Swensen’s รูปแบบ Concept Store
5 ไฮไลท์สุดปัง “Swensen’s ท่ามหาราช” ที่เหล่า Instagrammer ไม่ควรพลาด!
Brand Buffet จะพาทัวร์ไฮไลท์เด็ดของ “Swensen’s ท่ามหาราช” ที่เหมือนพาทุกคนนั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับไปในยุครัตนโกสินทร์อดีต รับรองได้ว่าถูกใจเหล่า Instagrammer แน่นอน
1. Swensen’s ริมแม่น้ำเจ้าพระยาสาขาแรกในไทย
โดยใช้เวลา 6 เดือนนับตั้งแต่คอนเฟิร์มสถานที่ คิดคอนเซ็ปต์ ออกแบบ และตกแต่งภายนอก – ภายในร้าน เพื่อให้สอดคล้องกับสถานที่
2. “โครงการท่ามหาราช” ทำเลมีศักยภาพในหลายมิติ
– “ท่ามหาราช” ตั้งอยู่บนถนนมหาราช สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ จากในอดีตยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น ถนนมหาราชเคยเป็นกำแพงพระราชวังหลวงด้านทิศตะวันตก กระทั่งต่อมาได้เปลี่ยนเป็นอาคารพาณิชย์ และปัจจุบันโครงการท่ามหาราช ได้พัฒนาเป็น Open-Air Shopping & Lifestyle Market รวบรวมร้านค้า ร้านอาหาร และเครื่องดื่มชั้นนำมากมาย หนึ่งในนั้นคือ “Swensen’s ท่ามหาราช”
– โลเคชั่นติดแม่น้ำเจ้าพระยา มีเส้นทางการเดินทางสำคัญคือ “ทางเรือ” ทำให้ย่านนี้มีความหนาแน่นของประชากรสูง ทั้ง Traffic ของผู้สัญจรไปมาตลอดทั้งวัน และคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในย่านนี้
– มีกลุ่มลูกค้าทั้งคนไทย และนักท่องเที่ยวต่างชาติ เนื่องจากอยู่ใกล้สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ และสถานศึกษา เช่น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, มหาวิทยาลัยศิลปากร และตรงข้ามโรงพยาบาลศิริราช ทำให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคหลากหลาย ทั้งลูกค้าคนไทย และนักท่องเที่ยวต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ทั้งนักเรียน – นักศึกษาเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของสาขานี้
“ในวันที่ตัดสินใจสร้าง Swensen’s ท่ามหาราช คิดบนพื้นฐานของการโฟกัสลูกค้าไทยเป็นหลัก (Domestic Customer) และถึงแม้วันนี้การเดินทางท่องเที่ยวยังไม่กลับมา 100% ก็ตาม แต่ Swensen’s ประเทศไทยยังเชื่อมั่นว่าการท่องเที่ยวไทยจะกลับมาอย่างแน่นอน ดังนั้น เมื่อไรที่นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมา กลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวจะเป็นส่วนเพิ่มเติมเข้ามา จะทำให้ Swensen’s สาขาท่ามหาราชเติบโตมากขึ้น” คุณอนุพนธ์ ขยายความเพิ่มเติมถึงการรองรับลูกค้าไทย และต่างชาติ
3. ทุกองค์ประกอบ ตอบโจทย์ Instagrammable
ทุกวันนี้เป็นยุค Social Media ที่คนชอบแชร์โมเมนต์ของตัวเอง ดังนั้นการออกแบบ – ตกแต่งร้านให้มีความสวยงาม มีเอกลักษณ์โดดเด่น และมีจุดถ่ายรูป ย่อมดึงดูดความสนใจลูกค้าให้ถ่ายรูป
ด้วยเหตุนี้เองสาขาท่าทหาราชจึงนำเสนอ Story Telling จากจุดเด่นของโลเคชั่น และความแข็งแกร่งด้าน Legacy ของแบรนด์ ผสมผสานเรื่องราวของรัตนโกสินทร์ในอดีต กับเรื่องราวของ Swensen’s ยุคแรกในไทยเมื่อกว่า 30 ปีที่แล้ว นำกลับมาเล่าใหม่ ผ่านองค์ประกอบต่างๆ ของการออกแบบ – ตกแต่งภายนอก และภายในร้าน
เช่น ประตูบานเฟี้ยม, ไม้ลายฉลุ, โต๊ะ-เก้าอี้ย้อนยุค, ประดับด้วยโคมไฟวินเทจ และเครื่องเล่นแผ่นเสียง – โทรศัพท์ – พัดลมโบราณ, ภาพวาดบ้านเมืองริมแม่น้ำเจ้าพระยาในอดีต
เชื่อมร้อยกับของตกแต่งที่เป็น Signature ของ Swensen’s เช่น โคมไฟทิฟฟานี, แจกันดอกกุหลาบ สาขานี้ได้นำกลับมาประดับโต๊ะอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้ร้าน Swensen’s สาขาทั่วไปไม่นำมาวางบนโต๊ะแล้ว และชุดยูนิฟอร์มพนักงานเฉพาะสาขาท่ามหาราช ออกแบบให้ใกล้เคียงกับชุดพนักงาน Swensen’s เมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว
4. รังสรรค์เมนูพิเศษ มีเฉพาะ Swensen’s ท่ามหาราชเท่านั้น
ยังมีอีกหนึ่งไฮไลท์คือ เมนูพิเศษที่รังสรรค์มาเพื่อสาขานี้โดยเฉพาะ นั่นคือ “กล้วยไข่บวชชีกะทิซันเด” เมนูที่ผสมผสานความเป็นไทย ทั้งกล้วยไข่บวชชี กับไอศกรีมกะทิ ประกอบกับ ถูกเสิร์ฟในบรรยากาศย้อนยุค มองไปเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยา เห็นการสัญจรทางเรือ เห็นสถาปัตยกรรมของสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์โดยรอบ โดยลูกค้าสามารถเลือกนั่งภายในร้าน รับแอร์เย็นๆ หรือนั่งโซน Open-Air รับลมธรรมชาติ สิ่งเหล่านี้เป็นส่วนผสมที่ลงตัวของสร้าง “In-store Experience” ให้แตกต่าง มีเอกลักษณ์ และแปลกใหม่จาก Swensen’s สาขาอื่น
5. ศักยภาพโลเคชั่น เข้าถึงผู้บริโภคในเทศกาลสำคัญ
ด้วยความที่ท่ามหาราช อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา จึงเป็นโลเคชั่นที่ผู้คนจำนวนมากนิยมมาในช่วงเทศกาลสำคัญของไทย เช่น วันลอยกระทง และช่วงปีใหม่ เป็นโอกาสให้กับ “Swensen’s ท่ามหาราช” สามารถนำจุดเด่นตรงนี้ มาเชื่อมโยงสร้างสรรค์ออกมาเป็นแคมเปญ หรือลูกเล่นทางการตลาดที่เข้ากับวัฒนธรรมและเทศกาลท้องถิ่นของไทย
“โครงการท่ามหาราช เป็นโลเคชั่นที่มีความเป็นไทย ทำเลติดแม่น้ำเจ้าพระยา และเป็นจุดเดินทางทางเรือ ทำให้โลเคชั่นนี้มี Traffic และเป็น Tourist Attraction โดยก่อนเกิดสถานการณ์ COVID-19 ท่ามหาราชมีนักท่องเที่ยวจีน และนักท่องเที่ยวตะวันตกจำนวนมาก
แม้ในช่วงสองปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวต่างชาติหายไป แต่ขณะนี้เริ่มเห็นนักท่องเที่ยวกำลังกลับมา เราจึงต้องรีบคว้าโอกาสของโลเคชั่นนี้ไว้ และสร้างสาขานี้ให้รองรับทั้งลูกค้าไทย และลูกค้านักท่องเที่ยว ด้วยการออกแบบให้สอดคล้องกับคอนเซ็ปต์สถานที่
ขณะเดียวกันเรามองว่า Swensen’s อยู่ในเมืองไทย 35 ปีแล้ว จึงอยากเอาความทรงจำของ Swensen’s ในอดีตกลับมา ทดลองทำที่สาขาท่ามหาราชให้อยู่ในบรรยากาศ Nostalgia ที่มีความคลาสสิก ตอบโจทย์ด้านแบรนด์ดิ้ง ทำให้ Swensen’s ท่ามหาราช มี Story Telling น่าสนใจ และแตกต่างจากสาขาอื่น” คุณอนุพนธ์ สรุปทิ้งท้าย
ใครที่อยากสัมผัสประสบการณ์การรับประทานไอศกรีมท่ามกลางบรรยากาศเมืองเก่า ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ควรพลาดปักหมุด “Swensen’s ท่ามหาราช” พร้อมต้อนรับลูกค้าทุกท่านแล้ววันนี้