HomeBrand Move !!‘เจอจ่ายจบ’พ่นพิษปิดอีกราย ‘เครือไทย โฮลดิ้งส์’ แจ้งเลิกธุรกิจอาคเนย์ประกันภัย

‘เจอจ่ายจบ’พ่นพิษปิดอีกราย ‘เครือไทย โฮลดิ้งส์’ แจ้งเลิกธุรกิจอาคเนย์ประกันภัย

แชร์ :

TGH insure

 

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

บริษัทเครือไทย โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TGH  ธุรกิจหลักด้านประกันและการเงินของกลุ่มทีซีซี ของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันนี้ (26 ม.ค.2565) เรื่องมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเกี่ยวกับการเลิกประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยของ บริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน)

จากปัญหาสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ที่มีผู้ติดเชื้อสูงขึ้นส่งผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยในภาพรวม ก่อนหน้าที่ TGH ได้แก้ไขปัญหาด้วยการปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจในช่วงปลายปี 2564  ดังนี้

1. ขายหุ้นบริษัทไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ให้แก่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ TGH (กลุ่มทีซีซี) 

2. ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ TGH ได้ให้การสนับสนุนด้านการเงินแก่ ไทยประกันภัย นำไปจ่ายค่าสินไหมทดแทนการเคลมประกันโควิด ของลูกค้าที่ถือกรมธรรม์ของทั้งไทยประกันภัย และอาคเนย์ประกันภัย เป็นจำนวน 9,900 ล้านบาท 

โดยเงินสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ดังกล่าวได้นำมาชำระเป็นค่าสินไหมทดแทนจากการเคลมประกันโควิด ในส่วนของอาคเนย์ประกันภัย (ผ่านการทำสัญญารับประกันภัยต่อที่เข้าทำไว้กับไทยประกันภัย) ประมาณ 8,060 ล้านบาท ซึ่งช่วยให้อาคเนย์ประกันภัยยังสามารถคงสถานะมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินและสามารถประกอบกิจการต่อเนื่องมาได้ในช่วงที่ผ่านมา

โดย ณ วันที่ 1 มกราคม 2565 อาคเนย์ประกันภัยมีสินทรัพย์สุทธิคงเหลือกว่า 1,800 ล้านบาท และยังสามารถดำรงอัตราส่วนความพอเพียงของเงินกองทุน (Capital Adequacy Ratio) อยู่ที่ประมาณร้อยละ170

แต่จากปัญหาการกลายพันธุ์และการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งยังคงเพิ่มความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อสถานะทางการเงินและการดำรงอัตราส่วนความพอเพียงของเงินกองทุน (Capital Adequacy Ratio) ของอาคเนย์ประกันภัยให้ลดต่ำลงกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดในระยะเวลาอันใกล้นี้

อาคเนย์ประกันภัยจึงได้เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อให้พิจารณามีมติ “เลิกประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย” และส่งคืนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยต่อนายทะเบียนตามกฎหมาย และโอนกิจการของอาคเนย์ประกันภัยให้แก่ บริษัท อินทรประกันภัย จำกัด (มหาชน)

คณะกรรมการบริษัทได้พิจารณาร่วมกับตัวแทนฝ่ายจัดการของอาคเนย์ประกันภัยอย่างรอบด้าน โดยมีความมุ่งหมายที่จะดูแลผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายไม่ให้ได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างดังเช่นกรณีที่บริษัทประกันวินาศภัยอื่นที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาต ซึ่งผู้ที่ได้รับผลกระทบจะไม่ได้จำกัดเฉพาะเพียงผู้เอาประกันตามกรมธรรม์ประกันภัยโควิดเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงผู้เอากรมธรรม์ประกันภัยประเภทอื่น ๆ ประกอบกับหากในกรณีที่อาคเนย์ประกันภัย ถูกเพิกถอนใบอนุญาต ก็จะทำให้กองทุนประกันวินาศภัยมีภาระทางการเงิน อันเนื่องจากต้องเข้ามาช่วยเหลือแก่บุคคลที่เกี่ยวข้องอันจะเป็นภาระแก่เศรษฐกิจและอุตสาหกรรมโดยรวมอีกด้วย

สถานะทางการเงินของอาคเนย์ประกันภัยในขณะนี้ ซึ่งยังมีสินทรัพย์สุทธิกว่า 1,800 ล้านบาทและเงินกองทุน (Capital Adequacy Ratio) ประมาณร้อยละ 170 อาคเนย์ประกันภัยย่อมสามารถจ่ายเงินคืนผู้เอาประกันภัยได้ครบถ้วนทุกราย และยังมีเงินเหลือพอที่จะชำระหนี้ให้คู่ค้าทั้งหมดรวมถึงพนักงานลูกจ้างทุกคน ซึ่งความสามารถในการชำระหนี้ของอาคเนย์ประกันภัยจะลดลงหากการตัดสินใจดำเนินการในเรื่องนี้ล่าช้าออกไป

ดังนั้น การเลิกประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยโดยสมัครใจในขณะที่อาคเนย์ประกันภัยยังคงมีสถานะทางการเงินที่เพียงพอ และยังดำรงเงินกองทุนได้ตามอัตราที่กฎหมายกำหนด

โดยขอให้คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยพิจารณาให้กองทุนประกันวินาศภัย เป็นผู้มีอำนาจดำเนินการในเรื่องการดำเนินการคืนเบี้ยประกันให้กับผู้เอาประกันภัยทุกรายตามกรมธรรม์ประกันภัยที่ อาคเนย์ประกันภัย ยังมีภาระผูกพันตามกรมธรรม์ประกันภัยต่อผู้เอาประกันภัยนั้น ๆ (ซึ่งรวมถึงกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุและการเจ็บป่วยด้วยโรคติดเชื้อโควิด) รวมทั้งการจัดหาผู้รับประกันภัยรายใหม่ให้แก่ผู้เอาประกันภัยตามหลักเกณฑ์และแนวทางของกองทุนประกันวินาศภัย โดยอาคเนย์ประกันภัย เป็นผู้ให้การสนับสนุนด้านต่างๆ ในการดำเนินการของกองทุนประกันวินาศภัยดังกล่าวจึงเป็นมาตรการที่จำเป็นและเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย และจะสามารถเยียวยาผู้เอาประกันภัยและบุคคลที่เกี่ยวข้องได้อย่างเป็นธรรมสูงสุดเท่าที่เป็นไปได้ในสถานการณ์ปัจจุบัน รวมถึงไม่ก่อภาระเพิ่มเติมแก่กองทุนประกันวินาศภัยแต่อย่างใด

ในขณะที่การดำเนินการในทางเลือกอื่นๆ เช่น การเพิ่มทุนหรือขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินเพื่อใช้ในกิจการของอาคเนย์ประกันภัยอาจจะไม่สามารถทำได้ รวมถึงผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ TGH  เองก็ได้ให้การสนับสนุนด้านการเงินไปแล้วเกือบ 10,000 ล้านบาทเพื่อช่วยพยุงธุรกิจประกันวินาศภัยของ TGH

เปรียบเทียบผลกระทบ ถูกเพิกถอน vs เลิกกิจการเอง

คณะกรรมการ TGH ได้พิจารณาผลกระทบในกรณีดำเนินกิจการของอาคเนย์ประกันภัยต่อไปซึ่งย่อมจะนำไปสู่การมีฐานะหรือการดำเนินงานที่ขาดดวามเหมาะสมจะประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยและถูกเพิกถอนใบอนุญาต เปรียบเทียบกับกรณีขออนุญาตเลิกประกอบธุรกิจประกันภัยโดยสมัครใจตามขั้นตอนของกฎหมายประกันวินาศภัยแล้ว

จึงเห็นว่ามีข้อพิจารณาที่สำคัญหลายประการที่แสดงให้เห็นว่าการขออนุญาตเลิกประกอบธุรกิจประกันภัยเป็นทางเลือกที่จะเป็นประโยชน์สูงสุดต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

1. อาคเนย์ประกันภัย

– กรณีทำธุรกิจต่อและถูกเพิกถอนใบอนุญาต : จะประสบปัญหาด้านการเงิน โดยสถานะของหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน

– กรณีเลิกประกอบธุรกิจ : ณ วันที่ 1 มกราคม 2565 อาคเนย์ประกันภัยมีสินทรัพย์สุทธิคงเหลือกว่า 1,800 ล้านบาท ในการจ่ายคืนเบี้ยประกันภัยตามกรมธรรม์ได้ และยังมีสัดส่วนการดำรงเงินก่อนทุนร้อยละ 170

ทั้งนี้ เงินและทรัพย์สินของอาคเนย์ประกันภัยทั้งหมดจะใช้ในการชำระคืนเบี้ยประกันภัยและชำระค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เอาประกัน รวมถึง
การชำระหนี้ต่อผู้มีส่วนได้เสียอื่นๆ ทั้งหมด โดยไม่ได้นำไปชำระหรือคืนให้แก่ผู้ถือหุ้นของอาคเนย์ประกันภัยหรือผู้ถือหุ้นรายใหญ่(กลุ่มทีซีซี)แต่อย่างใด

2. หน่วยงานกำกับและรัฐบาล

– กรณีทำธุรกิจต่อและถูกเพิกถอนใบอนุญาต : จะเกิดปัญหาหนี้สินเป็นภาระต่อหน่วยงานกำกับและกองทุนประกันวินาศภัย (กองทุนฯ) ซึ่งอาจมีจำนวนมากถึง 10,000 ล้านบาท

– กรณีเลิกประกอบธุรกิจ : ไม่เป็นภาระต่อหน่วยงานกำกับและกองทุนฯ หากจัดการกับกรมธรรม์ประกันภัยทั้งหมดที่มีอยู่อย่างเหมาะสม

3. ผู้ถือกรมธรรม์ (ไม่ใช่โควิด-19) ของอาคเนย์ประกันภัย จำนวน 8,629,036 ราย

– กรณีทำธุรกิจต่อและถูกเพิกถอนใบอนุญาต : มีความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับการคุ้มครองตามกรมธรรม์ เนื่องจากขึ้นอยู่กับทรัพย์สินที่เหลืออยู่ ของอาคเนย์ประกันภัยและการเยียวยาความเสียหายของกองทุนประกันวินาศภัยฯ ในช่วงระยะเวลาที่เกิดความเสียหายในอนาคต

– กรณีเลิกประกอบธุรกิจ : ไม่ได้รับผลกระทบเนื่องจากผู้ถือกรมธรรม์ จะได้รับคืนเบี้ยประกันตามสัดส่วน หรือได้รับการคุ้มครองต่อเนื่อง หากย้ายกรมธรรม์ไปยังบริษัทประกันภัยอื่น

4. ผู้ถือกรมธรรม์โควิด-19 ของอาคเนย์ประกันภัย จำนวน 1,851,921 ราย

– กรณีทำธุรกิจต่อและถูกเพิกถอนใบอนุญาต : มีความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับการคุ้มครองตามกรมธรรม์ เนื่องจากขึ้นอยู่กับทรัพย์สินที่เหลืออยู่ ของอาคเนย์ประกันภัยและการเยียวยาความเสียหายของกองทุนประกันวินาศภัยฯ ในช่วงระยะเวลาที่เกิดความเสียหายในอนาคต

– กรณีเลิกประกอบธุรกิจ : ไม่ได้รับผลกระทบเนื่องจากผู้ถือกรมธรรม์ จะได้รับคืนเบี้ยประกันตามสัดส่วน หรือได้รับการคุ้มครองต่อเนื่อง หากย้ายกรมธรรม์ไปยังบริษัทประกันภัยอื่น

5. คู่ค้า (เช่น อู่ซ่อมรถ/ โรงพยาบาล/ตัวแทน) ของอาคเนย์ประกันภัยจำนวน 9,000 ราย

กรณีทำธุรกิจต่อและถูกเพิกถอนใบอนุญาต : มีความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับค่าบริการ หรือ ได้รับล่าช้า หากอาคเนย์ประกันภัยถูกปิดกิจการและเข้าสู่กระบวนการขอรับชำระหนี้ในขั้นตอนของการชำระบัญชี

– กรณีเลิกประกอบธุรกิจ : ได้รับชำระหากอาคเนย์ประกันภัยยังมีทรัยพ์สินมากกว่าหนี้สิน

6. พนักงานอาคเนย์ประกันภัย จำนวน 1,396 คน

– กรณีทำธุรกิจต่อและถูกเพิกถอนใบอนุญาต : พนักงานอาจถูกเลิกจ้างกระทันหันในกรณีถูกปิดกิจการและจะได้รับเงินชดเชยล่าช้า เนื่องจากอาคเนย์ประกันภัยมีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน

– กรณีเลิกประกอบธุรกิจ : พนักงานจะได้รับการดูแลตามแผนงานในการเลิกประกอบธุรกิจตามที่ คปภ.ให้ความเห็นชอบ

ดังนั้นประชุมคณะกรรมการของ TGH เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2565 จึงได้มติเกี่ยวกับการเลิกประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยของ อาคเนย์ประกันภัย ดังนี้

1. เห็นชอบกับแผนการเลิกประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยของอาคเนย์ประกันภัย ซึ่งเป็นการใช้สิทธิขอเลิกประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยโดยสมัครใจและส่งคืนใบอนุญาตประกอบธุรกิจต่อนายทะเบียนตามมาตรา 57 และ 57/1 แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535(รวมทั้งที่การแก้ไขเพิ่มเติม) 

2. ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอที่ให้ อาคเนย์ประกันภัย โอนกิจการของ อาคเนย์ประกันภัย ให้แก่ บริษัท อินทรประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากมีความเห็นว่าเมื่อคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยพิจารณาให้กองทุนประกันวินาศภัยเป็นผู้เข้ามาดำเนินการจัดการที่เกี่ยวข้องกับการเลิกประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยของ อาคเนย์ประกันภัย ตามหลักเกณฑ์และแนวทางที่กองทุนประกันวินาศภัยมีอยู่แล้ว ก็ควรให้กองทุนประกันวินาศภัยเป็นผู้มีอำนาจดำเนินการในเรื่องการดำเนินการคืนเบี้ยประกันให้กับผู้เอาประกันภัยทุกรายตามกรมธรรม์ประกันภัยที่ อาคเนย์ประกันภัย ยังมีภาระผูกพันตามกรมธรรม์ประกันภัยต่อผู้เอาประกันภัยนั้น ๆ (ซึ่งรวมถึง กรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุและการเจ็บป่วยด้วยโรคติดเชื้อโควิด) รวมทั้งการจัดหาผู้รับประกันภัยรายใหม่ให้แก่ผู้เอาประกันภัยตามหลักเกณฑ์และแนวทางของกองทุนประกันวินาศภัยด้วย โดยอาคเนย์ประกันภัย เป็นผู้ให้การสนับสนุนการดำเนินการด้านต่างๆ แก่กองทุนประกันวินาศภัยดังกล่าวเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้เอาประกันภัย และเพื่อเป็นการดูแลรักษาผลประโยชน์ของผู้เอาประกันภัยและบุคคลที่เกี่ยวข้องในทุก ๆ ฝ่าย

ดังนั้น TGH จะมอบหมายให้ผู้รับมอบฉันทะนำเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของ อาคเนย์ประกันภัยเพื่อลงมติเห็นชอบให้กองทุนประกันวินาศภัยเป็นผู้เข้ามาดำเนินการจัดการที่เกี่ยวข้องกับการเลิกประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยของ อาคเนย์ประกันภัย ตามหลักเกณฑ์และแนวทางที่กองทุนประกันวินาศภัยมีอยู่

การพิจารณาให้ อาคเนย์ประกันภัย ในฐานะบริษัทย่อยของ TGH เลิกประกอบกิจการเป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจของคณะกรรมการ TGH ที่จะพิจารณาเห็นชอบให้ดำเนินการไปได้โดยไม่ต้องขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ อย่างไรก็ตาม การเลิกประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยและการจัดการเกี่ยวกับภาระและกรมธรรม์ประกันภัยทั้งหมดของ อาคเนย์ประกันภัยจะต้องเป็นไปตามมติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นของอาคเนย์ประกันภัยซึ่งจะจัดให้มีการประชุมในวันที่ 26 มกราคม 2565 โดยหากมีความคืบหน้าเป็นประการใด บริษัทฯ จะแจ้งให้ทราบต่อไป


แชร์ :

You may also like