ท่ามกลางการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 ไปทั่วโลกจนทำให้หลายประเทศต้องออกคำสั่งให้ประชาชนเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านเพื่อลดโอกาสเสี่ยงในการรับเชื้อ แถมธุรกิจจำนวนมากก็ต้องเปลี่ยนรูปแบบการทำงานไปสู่การทำงานจากที่บ้าน หรือ Work From Home นั้น ล่าสุดได้นำไปสู่การปรับเปลี่ยนนโยบายของธุรกิจสตรีมมิ่งแล้ว
โดยมีการประกาศของ YouTube, Facebook, Netflix, Disney+, Apple, Amazon และ Instagram ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ให้บริการด้าน Content Streaming ไปในทิศทางเดียวกันว่า พวกเขาจะลด “คุณภาพ” ของคอนเทนต์ที่สตรีมมิ่งลง จากระดับความละเอียดสูง (HD) ไปอยู่ในระดับมาตรฐาน (SD) แทน
ส่วนเหตุผลของการตัดสินใจดังกล่าวก็เพื่อลดการแย่งใช้แบนด์วิธของผู้ให้บริการเครือข่ายลง เพื่อที่จะได้นำแบนด์วิธเหล่านั้นไปรองรับทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) ที่กลายเป็นความจำเป็นเร่งด่วนของโลกในขณะนี้แทน
อย่างไรก็ดี นโยบายของแต่ละบริษัทก็มีส่วนที่แตกต่างกันอยู่พอสมควร โดยการประกาศ YouTube นั้นจะมีผล “ทั่วโลก” แต่สำหรับบริษัทเช่น Facebook, Amazon, Disney+ และ Apple นั้น การลดคุณภาพของวิดีโอจะมีผลแค่ในสหภาพยุโรป สวิตเซอร์แลนด์ และอังกฤษ เท่านั้น
ส่วนหนึ่งที่ทำให้บริษัทต่าง ๆ โฟกัสไปที่สหภาพยุโรปเป็นหลัก อาจเป็นเพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสเข้าขั้นรุนแรง เช่น ประเทศอิตาลีที่มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 6,800 คน หรือสเปนที่มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 2,100 คน (ตัวเลข ณ วันที่ 25 มีนาคม 2020) และทำให้ทางการต้องประกาศปิดเมือง กดดันให้ผู้คนต้องหันไปทำงานผ่านอินเทอร์เน็ตกันถ้วนหน้า
โดยก่อนหน้านี้ได้มีค่ายผู้ให้บริการโทรคมนาคมอย่าง Vodafone ออกมาบอกว่า ตัวเลขการใช้งานอินเทอร์เน็ตของบริษัทในสหภาพยุโรปนั้น บางประเทศพบว่าพุ่งขึ้นถึง 50% เลยทีเดียว และในจำนวนนี้คิดเป็นอัตราการรับชมรายการผ่าน Streaming ถึง 60% ของการใช้ดาต้าทั้งหมดในเครือข่ายอีกด้วย ซึ่งถ้าหากการร่วมมือร่วมใจของผู้ให้บริการ Streaming สามารถลดตัวเลขนี้ลงได้ ก็น่าจะช่วยให้มีแบนด์วิธเหลือไปทำงานอื่นที่สำคัญกว่าได้นั่นเอง