HomeBrand Move !!“อย่าทำอะไรเร็วเกินไป” 20 ปีของ TV Direct กับการรีแบรนด์ดิ้งครั้งใหญ่ ที่ต้องอาศัยจังหวะและความพร้อม

“อย่าทำอะไรเร็วเกินไป” 20 ปีของ TV Direct กับการรีแบรนด์ดิ้งครั้งใหญ่ ที่ต้องอาศัยจังหวะและความพร้อม

แชร์ :

นับตั้งแต่ปี 1999 ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของ TV Direct หรือ TVD ผู้ที่นำความสะดวกสบายในการช้อปปิ้งมาส่งตรงถึงหน้าประตูบ้าน เป็นรายแรกของประเทศไทย สร้างประสบการณ์ซื้อขายแบบใหม่ จากที่ผู้ซื้อต้องเดินทางออกไปซื้อสินค้านอกบ้าน ให้นั่งช้อปกันแบบสบายๆอยู่ที่บ้าน โดยเลือกสินค้าผ่านหน้าจอทีวี ถูกใจก็โทรศัพท์เข้าไปสั่งซื้อ แล้วรอสินค้ามาส่งที่บ้าน ปัจจุบัน TVD มีอายุครบ 20 ปี แม้ว่าจะผ่านช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงมาหลายครั้ง แต่วันนี้ TVD ประกาศตัวจะไม่เป็นเพียงแค่ผู้จำหน่ายสินค้าอีกต่อไป

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

เป็นแค่ TV Shopping อย่างเดียวคงไม่พอ

แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงของ TVD ในครั้งนี้ เป็นผลพวงมาจากการมาถึงของยุคดิจิทัล ที่มีผลสำคัญโดยตรงต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค ทำให้สื่อทีวีไม่ได้ความนิยมเช่นเดิม ผู้คนหันไปใช้เวลาส่วนใหญ่บนโลกออนไลน์ และสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางดังกล่าว จนทำให้ E-commerce เติบโต

ปัจจุบันคนไทยมีสมาร์ทโฟน 92.33 ล้านเครื่อง มีค่าเฉลี่ยการใช้โทรศัพท์มือถือสูงที่สุดในโลกอยู่ที่ 4.53 ชั่วโมงต่อคนต่อวัน (ค่าเฉลี่ยทั่วโลก 3.05 ชั่วโมง) และยังมีการใช้โซเชียลมีเดียสูงอันดับเป็นอันดับต้นๆของโลก โดยเล่นไลน์ 52 ล้านบัญชี เล่นเฟซบุ๊ก 49 ล้านบัญชี ฯลฯ ส่งผลให้มีการรับข้อมูลข่าวสารผ่านทางออนไลน์สูงถึง 45% และจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

คุณทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD บอกว่า ด้วยหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจ ทั้งการที่ประชากรมีแนวโน้มลดลง ทำให้ทุกธุรกิจต้องเผชิญภาวะกำลังซื้อถดถอย ขณะที่จากจำนวนคนไทย 69 ล้านคน แบ่งเป็นกลุ่มที่มีอายุไม่เกิน 24 ปี ประมาณ 21.6 ล้านคน ส่วนวัยทำงานที่อายุ 25-54 ปี ซึ่งถือเป็นกลุ่มเป้าหมายของบริษัทมี 31.7 ล้านคน และกลุ่มอายุ 55-64 ปีขึ้นไป ที่เป็นลูกค้าหลักของบริษัทที่มีกำลังซื้อสูงและเป็นกลุ่มที่ยังนิยมดูทีวีมี 15.7 ล้านคน ทำให้การใช้สื่อแบบแมสมีเดียยังคงเข้าถึงประชาชนได้เป็นจำนวนมาก

ในการ Transformation องค์กรและรีโมเดลธุรกิจใหม่สู่ยุคดิจิทัล 2020 Digital Transformation สิ่งที่ TVD ทำอย่างแรก คือ การรีแบรนด์ดิ้งและสร้างการจดจำภายใต้สโลแกนใหม่ ชีวิตดีดี มีได้ทุกวัน” สร้าง Customer Experience เพิ่มประสบการณ์ในการซื้อขายในทุก Touch Point

โชว์โลโก้ใหม่อุดมไปด้วยฮวงจุ้ย

เริ่มตั้งแต่การปรับโลโก้ใหม่ดูทันสมัย แต่แฝงไปด้วยฮวงจุ้ย ไม่ว่าจะเป็น สีน้ำเงินที่มีผลวิจัยระบุว่าช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคซื้อสินค้ามากที่สุด สีเหลืองและสีแดงที่ช่วยเสริมพลัง และส่วนกลางของโลโก้ที่มีลักษณะ 6 เหลี่ยมหน้าตาเหมือนปุ่ม Play Video สื่อถึงการเป็น Video Marketer ที่มีครบทั้งภาพ เสียง และคอนเทนต์ จากเดิมที่ใช้โมเดล TV Shopping

จะปรับทั้งที ก็ต้องทำทั้งองค์กร เพราะเป้าหมายใหม่คือ Omni-Channel 

นอกจากนี้จะปรับโครงสร้างการบริหารงานภายในองค์กรใหม่ ให้เป็น ‘The Data Driven Company’ โดยปรับโครงสร้างการบริหารเหลือ 4 ฝ่าย ได้แก่ ฝ่ายจัดซื้อ ฝ่ายการตลาด ฝ่าย Omni Channel และฝ่าย Operation เพื่อให้การตัดสินใจรวดเร็วขึ้น และบริหารต้นทุนด้านบุคลากรได้ดียิ่งขึ้น พร้อมทั้งนำเทคโนโลยีระบบซอฟท์แวร์เข้ามาใช้กับหน่วยงาน Call center เพื่อติดตามวัดผลการสื่อสารกับลูกค้าและนำกลับมาพัฒนาให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จในการปิดยอดขาย และลดอัตรายกเลิกคำสั่งซื้อสินค้า

ซึ่งการมีฝ่าย Omni-Channel ก็เพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์สำคัญ คือการเชื่อมโยงทุกช่องทางของ TVD ทั้งออนไลน์และออฟไลน์เข้าไว้ด้วยกัน เติมเต็มสิ่งที่ลูกค้าต้องการ สร้าง Engagement เพื่อนำไปสู่การซื้อซ้ำ

ศึก TV Shopping ผู้เล่นหน้าใหม่เพียบ

ในด้านการแข่งขันในตลาด TV Shopping ที่ปัจจุบันมีมูลค่ารวมราวๆ 15,000 ล้านบาท คุณทรงพล มองว่า ปีนี้มูลค่าตลาดจะเพิ่มขึ้นเป็น 20,000 ล้านบาท เพราะการแข่งขันจะดุเดือดมากขึ้นจากการมีผู้เล่นหน้าใหม่เข้าในตลาด จากเดิมที่มีอยู่ 9 ราย คือ Wow Shopping , Shop1781 , High Shopping , Wizard Solution ผู้จำหน่ายกระทะ Korea King , Shop Global , GMM CJ O Shopping , TRUE GS ที่มี TRUE Shopping และ True Select และ 1144 Tiger Shopping

ทั้งนี้จะมีกลุ่มผู้เล่นใหม่ “ทีวีดิจิทัล” เข้ามาเพิ่มเป็น 19 ราย เช่น

  • Shop 1781 ทางช่อง 8 ของค่ายอาร์เอส
  • Hello Shop ทางช่องเวิร์คพอยท์
  • Amarin Shopping ทางช่องอัมรินทร์
  • T Shopping ทางช่องไทยรัฐทีวี ซึ่งเป็นพันธมิตรกับอาร์เอส
  • NEWS Shop ทางช่อง NEW 18
  • NEWS NETWORK ที่มีช่องโทรทัศน์อยู่ 3 ช่อง คือ Nation TV, Spring News และSpring 26
  • 20 Shop ทางช่อง Bright TV
  • 29 Shopping ทางช่อง MONO 29

แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่กังวลนัก เพราะคุณทรงพล มองว่า ด้วยจุดแข็งด้านความแตกต่างในตัวสินค้าของ TV Shopping แต่ละราย ซึ่งมีฐานลูกค้าเฉพาะกลุ่มอยู่แล้ว อย่าง TV Direct ขายเครื่องออกกำลังกายและสินค้าสำหรับผู้สูงอายุได้ดี ขณะที่ช่อง 8 ขายเครื่องสำอางได้ดีมาก ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบของแต่ละรายที่ไม่ใช่ว่าจะลอกเลียนกันได้ง่ายๆ

ตั้งเป้า 3 ปี ขยับเข้าใกล้หมื่นล้าน

ในปี 2019 TVD ตั้งเป้ามีรายได้ 4,600 ล้านบาท และจะขยับขึ้นเป็น 8,000-9,000 ล้านบาท ให้ได้ภายใน 3 ปี โดยปัจจุบันยอดขาย 80% มาจากส่วนของ TV Shopping , Call center และ Retail Shop และอีก 20% มาจากการซื้อขายออนไลน์

“นับจากวันนี้ไป 3 ปี บริษัทวางแผนใช้งบลงทุน 1,460 ล้านบาท โดยจะเน้นลงทุนในด้านเทคโนโลยี พัฒนาระบบ Home Shopping ในทีวี รวมไปถึงการร่วมลงทุนระบบกับพันธมิตร เพื่อที่จะรักษาฐานฝั่งออฟไลน์ที่มีอยู่ 80% เอาไว้ แต่จะเน้นเพิ่มฝั่งออนไลน์ให้เติบโตมากขึ้นเป็น 50% ภายใน 3-5 ปี”

เมื่อถามว่า 20 ปีผ่านมา TVD ได้เรียนรู้อะไรบ้าง คุณทรงพล บอกว่า บทเรียนที่ผ่านมาทำให้รู้ว่า “เราอย่าทำอะไรเร็วเกินไป” แม้ในวันนี้ทุกคนจะบอกว่าต้องไปออนไลน์ เพราะสถานการณ์ภาพรวมมันดี น่าไป แต่ทำไมไปแล้วกลับไม่รอดสักราย คนที่เหลืออยู่ก็บาดเจ็บแต่ยังมีหล่อเงินเลี้ยงไว้

ผมพูดเสมอว่าออนไลน์น่าไป แต่เราจะทิ้งตรงนี้ไปเมื่อไหร่ก็เท่านั้นเอง เพราะเมื่อไหร่ที่เรารู้จังหวะดีๆ และสามารถกระชากไปได้ เราถึงจะไป นี่คือสิ่งเราเรียนรู้และระมัดระวังมาก ตอนนี้สิ่งที่ทำได้ คือ การทำหลังบ้านหลายอย่างให้พร้อม.

 


แชร์ :

You may also like