Music Marketing เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ของธุรกิจแอลกอฮอล์เพราะต่างก็เป็น Life Style ของผู้บริโภค ดังนั้นแบรนด์เครื่องดื่มต่างก็รุกตลาดด้วยวิธีการแทรกซึมเข้าสู่ใจผู้บริโภคด้วยวิธีการนี้ และแนวทางดนตรีที่มาแรงเหลือเกินในช่วงเวลานี้ก็คือเพลง EDM(อิเลคโทรนิคแดนซ์มิวสิค) ซึ่งเป็นแนวเพลงที่ Heineken แบรนด์เบียร์พรีเมี่ยมเป็นส่วนหนึ่งมาเผยแพร่ผ่านกิจกรรมของตัวเองในระยะหลัง จากจุดเริ่มต้นนั้น EDM กลายเป็นแนวเพลงยอดฮิตที่แบรนด์อื่นๆ ทั้งในอุตสาหกรรมเดียวกันหรือว่ามีกลุ่มเป้าหมายเดียวกันก็ใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารแบรนด์
ภัททภาณี เอกะหิตานนท์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ไฮเนเก้น กลุ่มบริษัท ทีเอพี กล่าวถึงสิ่งที่การทำ Music Marketing ของไฮเนเก้น ตื่นเต้นอยู่เสมอ โดยมีแนวคิด 2 ประเด็นหลัก
1. การเป็น First Mover เริ่มต้นจับเทรนด์ที่น่าสนใจและกำลังเป็นกระแสในต่างประเทศ แล้วนำมาใช้เป็นรายแรกๆ ในประเทศไทย
2. ให้ความสำคัญกับภาพรวมทุกอย่าง การเสพดนตรีไม่ใช่แค่ฟังแต่ต้องอินไปกับมัน เหมือนอย่างสโลแกนที่ไฮเนเก้นพูดว่า Don’t Just Listen, Live It องค์ประกอบของกิจกรรมไม่ได้มีแค่ตัวดี.เจ. เพราะดี.เจ. ระดับโลกอาจจะถูกเชิญมาให้ร่าวมกิจกรรมกับเวทีคอนเสิร์ตหลายๆ แห่งได้ ดังนั้นองค์ประกอบอื่นๆ ทั้งสถานที่จัดงาน กิจกรรมทุกๆ Element จึงเป็นเรื่องสำคัญ ทั้งกิจกรรมที่ไฮเนเก้นจัดขึ้นมาเองหรือใช้โมเดลสปอนเซอร์ ก็จะต้องใส่ใจไปถึงรายละเอียด Create Show เพื่อคงความ Cool และ Smart ของแบรนด์เอาไว้
ปีนี้จัดหนัก 3 อีเว้นท์ใหญ่ หวังดันตลาดให้คึกคักอีกครั้ง
หลังจากใช้ Music Marketing ครั้งใหญ่ไปในไตรมาสแรกกับงาน S2O Festival 2016 และประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี เมื่อเข้ากลางปีไฮเนเก้นก็ส่งกิจกรรมครั้งใหญ่มากระตุ้นตลาดอีกครั้ง โดยครั้งนี้เป็นการสร้างสรรค์โชว์ขึ้นมาเองด้วย Heineken® Green Room ประสบการณ์ทางดนตรีครั้งใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมที่ไฮเนเก้นเตรียมมาแบ่งปันให้ทุกคนภายใต้แคมเปญ Heineken® Live Your Music ปรากฎการณ์คอนเสิร์ต EDM ที่ผสาน 4 ที่สุดแห่งประสบการณ์ไว้ด้วยกันในงานเดียว เริ่มจาก
1. Music Experience ดนตรีสุดมันส์จาก 4 ดีเจระดับโลก กับ 4 แนวทางดนตรีที่แตกต่างมาร่วมเปิดใจทุกคนให้สนุกไปกับจังหวะอันเร้าใจ เปิดมุมมองทางดนตรีให้กว้างขึ้น
2. People Experience เซอร์ไพรส์จากไฮเนเก้นที่ครั้งนี้จะพิเศษมากขึ้นกว่าเดิม พร้อมด้วยKandi Konnection สร้อยข้อมือสัญลักษณ์เทศกาลดนตรีระดับโลกเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และเปิดโอกาสให้ทุกคนได้สัมผัสวัฒนธรรมทางดนตรีร่วมกัน
3. Drinking Experience เติมเต็มประสบการณ์การดื่มที่มากยิ่งขึ้นด้วย Club Bottle ขวดเรืองแสงจากไฮเนเก้น exclusive เฉพาะที่ Heineken® Green Room เท่านั้น ที่จะช่วยสร้างสรรค์ให้การดื่มตลอดค่ำคืนแห่งการสังสรรค์ไม่ใช่เรื่องจำเจอีกต่อไป
4. Show Experience ระเบิดอารมณ์ให้สนุกไปกับดนตรีสุดมันส์ยิ่งขึ้นด้วยโชว์บนเวทีที่ออกแบบให้เข้ากับแต่ละแนวดนตรี พร้อมปลุกประสาทสัมผัสที่มากกว่าแค่การฟังของทุกคนกับไฮไลท์สุดพิเศษของงาน ครั้งแรกในเอเชีย!!! ที่ปาร์ตี้โกเออร์จะได้สัมผัสกับหุ่นโซนิคดรอยด์มากถึง 4 แบบ ที่มาพร้อมกับลูกเล่นสุดเซอร์ไพรส์ที่แตกต่างกัน เพื่อเปิดโลกให้แฟนเพลงได้ก้าวเข้าไปสนุกและสัมผัสกับปาร์ตี้ได้อย่างเข้าถึงกว่าเดิม และสร้างให้ Heineken® Green Room เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ทางดนตรีแห่งปีที่ทุกคนจะจดจำ โดยโซนิคดรอยส์ทั้ง 4 แบบจะมาปรากฎตัวที่เมืองไทยเป็นแห่งแรก ก่อนจะไปสร้างความสนุกต่อในประเทศอื่นๆทั่วภูมิภาคเอเชีย อาทิ จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย และเวียดนาม เป็นต้น
Heineken® Green Room จะจัดขึ้นที่แหลมบาลีฮาย พัทยา ในวันที่ 30 กรกฎาคมนี้ และที่กรุงเทพฯ ในช่วงสิ้นปี โดยเริ่มจำหน่ายบัตรสำหรับงานที่แหลมบาลีฮายตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน 2559 เป็นต้นไป ที่ www.eventpop.me คอนเสิร์ตในครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่จะจัดแสดงแนวเพลงอิเลคทรอนิกกับวงดนตรีไลฟ์แบนด์จะมาร่วมกันแสดงบนเวทีเดียวกัน เพื่อมอบประสบการณ์ทางดนตรีที่แปลกใหม่ โดยมีศิลปินและดีเจชื่อดังทั้งหมด 3 คู่ ได้แก่ วี-วิโอเลต วอเทียร์ กับดีเจสุหฤท สยามวาลา / กริซซี่ คาเฟ่ กับดีเจ เจ-มณฑล จิรา และวง The Ghost Cat กับดีเจซินดี้ ซุย พร้อมกับกิจกรรมที่จะเปลี่ยนให้ทุกคนจากการเป็นแค่ผู้ฟัง ก้าวสู่การแบ่งปันประสบการณ์ร่วมกันอย่างเต็มตัวในกิจกรรม The Takeover ที่ผู้ร่วมงานสามารถควบคุมเพลงแทนนักดนตรี และสามารถแบทเทิลโต้ตอบกันได้ เพื่อให้ทุกคนได้สัมผัสถึงการฟังเพลงในรูปแบบที่ผสานเข้าเป็นส่วนหนึ่งกับดนตรีอย่างแท้จริง
และหลังจากงานใหญ่ในครั้งนี้ก็จะมีกิจกรรมที่ Outlet ร้านค้าพันธมิตรของไฮเนเก้นอีก 30 แห่ง ถือว่าปีนี้เป็นปีที่ไฮเนเก้นจัดหนักทำการตลาดมากกว่าปีที่แล้ว พร้อมกับความคาดวังที่เพิ่มขึ้น หลังจากมีการปรับแพ็กเก็จจิ้งกระป๋อง ให้เป็นทรง Sleek Can ซึ่งก็ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น 1 หลัก เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สอดคล้องกับอัตราการเติบโตของตลาดเบียร์ในภาพรวม และปลายปีไฮเนเก้นก็เตรียม Music Marketing ครั้งใหญ่ในฤดูกาลเฉลิมฉลอง อีกทั้งยังมีแนวโน้มจะใช้พลังของความเป็นอินเตอร์แบรนด์ จัดกิจกรรมโดยส่งผู้โชคดี Go Inter สัมผัสประสบการณ์ทางดนตรีระดับโลกในต่างประเทศ ขณะเดียวกันก็อาจมีผู้ร่วมกิจกรรมจากต่างประเทศมาร่วมสนุกกับคอนเสิร์ตในประเทศไทยด้วย