ติ๊กต่อก

TikTok เปิดกลยุทธ์ 2024 บุกตลาด Long Form Content ประกาศเป็นแหล่งรวมความบันเทิง หรือ Entertainment Hub ภายในไตรมาส 1 พร้อมชูแนวคิด “TikTok For All” สนับสนุน Ecosystem ไทย

เป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ที่มักถูกจัดมาวัดฟอร์มกันอยู่บ่อยครั้งสำหรับเฟซบุ๊ก (Facebook) และติ๊กต่อก (TikTok) โดยสิ่งที่บรรดานักวิเคราะห์มักเปรียบเทียบกันก็คือภาพการเติบโตของทั้งสองแพลตฟอร์ม พร้อมความเห็นว่าความนิยมของติ๊กต่อกนั้นได้พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เฟซบุ๊กกลับเผชิญปรากฏการณ์ผู้ใช้งานลดลงครั้งแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และมีผลทำให้ราคาหุ้นดิ่งลงอย่างกู่ไม่กลับจนถึงทุกวันนี้

ที่ผ่านมา เราได้เห็นการต่อสู้ในสังเวียนโซเชียลมีเดียมาหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งผู้ที่คว้าชัยชนะได้ส่วนใหญ่หนีไม่พ้นเฟซบุ๊ก (Facebook) ที่สามารถเอาชนะคู่แข่งอย่างอินสตาแกรม (Instagram) ด้วยการเข้าซื้อกิจการ หรือเอาชนะสแนปแชท (Snapchat) ผ่านฟีเจอร์ Stories ที่ Facebook บอกว่าได้แรงบันดาลใจมาจาก Snapchat เอง

ระยะเวลาที่ผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกา และอังกฤษใช้แอปพลิเคชัน “TikTok” กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลจาก App Annie ระบุว่า TikTok เคยก้าวขึ้นแซงหน้า YouTube มาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ส่วนในปีนี้ ตัวเลขชั่วโมงที่ผู้ใช้งานในสหรัฐอเมริกาใช้ TikTok ได้ก้าวแซง YouTube อีกครั้งเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยพบว่าผู้ใช้งานมีการใช้ TikTok เฉลี่ย 24 ชั่วโมงต่อเดือน ขณะที่ผู้ใช้ YouTube ใช้งานเฉลี่ย 22 ชั่วโมง 40 นาทีต่อเดือน

เพื่อให้ผู้สมัครงานรุ่นใหม่ไม่ต้องเขียน CV ยาว ๆ หรือทุ่มเวลาไปกับการแต่งเอกสารมากมายอีกต่อไป TikTok เลยเสนอไอเดียใหม่ ชวนบรรดาวัยรุ่นทำ profile ของตัวเองแบบวิดีโอแทนเสียเลย

หลังจาก Kevin Mayer อดีตซีอีโอของ TikTok ลาออกไปเมื่อปีก่อนแล้วปล่อยให้แพลตฟอร์มคลิปวิดีโอสั้นแห่งนี้เผชิญมรสุมจากการกดดันของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอยู่ตามลำพัง ล่าสุด TikTok ก็ได้ซีอีโอคนใหม่มารับหน้าที่ดูแลแล้ว นั่นคือ “Shouzi Chew” ผู้บริหารมือฉมังด้านการเงินของซีกโลกตะวันออกนั่นเอง

  ก่อนที่ปี 2020 จะจบลงอย่างเป็นทางการ ทีมงานของแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นอย่าง TikTok หนึ่งในแพลตฟอร์มสุดฮอตที่เป็นกระแสมาตลอดของปีนี้ ได้ขอรวบรวมสถิติต่าง ๆ มาฝากกัน ผ่านรายงานชื่อ “Year On TikTok 2020” ที่เราเชื่อว่าจะบอกเล่าความเป็นไปของแพลตฟอร์มและของผู้ใช้งานในปีนี้ได้ดีทีเดียว

ติ๊กต่อก (TikTok) เปิดผลการดำเนินงานตลอด 11 เดือนของปี 2020 เผยยอดดาวน์โหลดครองแชมป์ต่อเนื่องทั้งบน AppStore และ Google Play Store เว้นเพียง “เดือนเมษายน” เดือนเดียวที่พ่ายให้กับ Zoom แอปพลิเคชันวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ชื่อดังแห่งยุค

หลังจากอยู่บนความไม่แน่นอนมาหลายสัปดาห์ ล่าสุด TikTok แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียจากจีนก็ได้พาร์ทเนอร์ในสหรัฐอเมริกาแล้ว นั่นคือค่าย Oracle โดยการตัดสินใจดังกล่าวจบลงก่อนหน้าวันที่ 20 กันยายน 2020 ซึ่งเป็นเส้นตายที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา “โดนัลด์ ทรัมป์” เคยประกาศเอาไว้อย่างเฉียดฉิว

เรียกว่าเป็นการขึ้นดำรงตำแหน่งซีอีโอที่สั้นมากทีเดียวสำหรับ Kevin Mayer อดีตผู้บริหารมือดีจากดิสนีย์ที่ประกาศย้ายค่ายมารับตำแหน่งผู้นำของ TikTok เมื่อกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยล่าสุดเขาได้ออกมาประกาศลาออกจาก TikTok เป็นที่เรียบร้อย ทำให้การรับตำแหน่งซีอีโอของเขาครั้งนี้ใช้เวลาไปไม่ถึง 100 วันเลยด้วยซ้ำ

พนักงาน TikTok เปิดแคมเปญระดมทุนตั้งเป้า 30,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 933,000 บาท) สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการยื่นคัดค้านต่อศาลให้รัฐบาลสหรัฐฯ เปลี่ยนคำสั่งห้ามทำธุรกรรมกับ TikTok แล้ว

สร้างเสียงฮือฮาได้มากทีเดียวสำหรับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ให้สัมภาษณ์นักข่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาตามเวลาในสหรัฐอเมริกา หรือเมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี้ตามเวลาในประเทศไทย ว่าเขาจะจัดการแบนแอปพลิเคชัน TikTok ให้พ้นสหรัฐอเมริกาเร็วที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ ซึ่งอาจหมายถึงวันเสาร์นี้

แม้ TikTok จะฮิตเหลือเกินในหมู่อเมริกันชน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ แต่สำหรับรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์แล้ว นี่อาจเป็นหายนะอย่างแท้จริง หากยอมให้แอปพลิเคชันสัญชาติจีนรายนี้เติบโตต่อไป นั่นจึงไม่น่าแปลกใจที่เราจะได้เห็นความพยายามของรัฐบาลอเมริกันเพื่อแบนการใช้งาน TikTok เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นการบอกว่า แอปพลิเคชันดังกล่าวทำตัวประหนึ่ง “สปาย” ด้วยการส่งข้อมูลกลับไปยังจีนแผ่นดินใหญ่ ฯลฯ

วัยรุ่นอเมริกันนับล้านที่ต้องปิดบ้านกัดตัวเอง ต้องปรับชีวิตหลายอย่าง เรียนหนังสือผ่านช่องทางออนไลน์ อ่านการ์ตูนใหม่ๆ และต้องปรับกิจกรรมในการคลายเครียดใหม่ผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆ ทำให้แพลตฟอร์มหนึ่งที่ได้รับความนิยมพุ่งขึ้นสูงสุดในช่วงการระบาดของไวรัสโคโรนาในช่วงนี้คือ TikTok

หากเอ่ยถึง TikTok แอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียสัญชาติจีนในปัจจุบันคงต้องบอกว่ากลายเป็นแพลตฟอร์มยอดฮิตสำหรับคน Generation ใหม่ที่มีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว