HomeInsightถอดรหัสทำความเข้าใจ 4 พฤติกรรม “ย้อนแย้ง” ผู้บริโภค ฉุดแบรนด์เสียโอกาสการขาย

ถอดรหัสทำความเข้าใจ 4 พฤติกรรม “ย้อนแย้ง” ผู้บริโภค ฉุดแบรนด์เสียโอกาสการขาย

รู้จัก No Leak Solution เครื่องมือแก้โจทย์ Consumer Paradox

แชร์ :

สถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งจากความผันผวนทางเศรษฐกิจ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ กระแสโซเชียลมีเดียที่เปลี่ยนแปลงค่านิยม และการดิสรัปชันของเทคโนโลยีใหม่อย่าง AI ได้ส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์ใหม่ในกลุ่มผู้บริโภค นั่นคือ “Consumer Paradox Mindsets” หรือความคิดและพฤติกรรมที่ย้อนแย้งกันในตัวผู้บริโภค

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

เมื่อแบรนด์ต้องเผชิญสถานการณ์ Drop-off จากการตัดสินใจซื้อสูงถึง 50-75% ทำให้แบรนด์ไม่เติบโตตามเป้าและสูญเสียโอกาสทางรายได้ถึง 35-55% 

VML Thailand เอเยนซีผู้นำด้านการให้โซลูชันความคิดสร้างสรรค์ ข้อมูลและเทคโนโลยีอย่างครบถ้วน ได้ทำการวิจัยเชิงลึกเกี่ยวกับปรากฏการณ์ Consumer Paradox Mindsets

โดยนำผลการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคจากงานวิจัย “The Future 100” และ “Future Shopper” ของ VML ที่จัดทำอย่างต่อเนื่องทั่วโลกมากว่า 10 ปี ร่วมกับการสำรวจผู้บริโภคทั่วโลกจำนวนกว่า 45,000 คน  และข้อมูลจากพาร์ทเนอร์บริษัทวิจัยชั้นนำอย่าง Kantar, Global Web Index และ Euromonitor มาร่วมวิเคราะห์  เพื่อถอดรหัสความเข้าใจพฤติกรรมที่ย้อนแย้งของผู้บริโภค ซึ่งทำให้เกิดความสับสนลังเลในการตัดสินใจทำอะไรต่างๆ จนนักการตลาดต้องเสียโอกาสในการขายไป

สรุป 4 พฤติกรรมย้อนแย้งของผู้บริโภค (Consumer Paradox)

ผลการวิจัยเผยให้เห็นถึง “4 มิติ” สำคัญที่เป็นตัวอย่างของความย้อนแย้งที่เกิดขึ้นในใจผู้บริโภคไทย ซึ่งสะท้อนให้เห็นความซับซ้อนของจิตใจมนุษย์ในยุคปัจจุบัน

1. The Spending Paradox: Willing to Spend vs. Power to Spend คือความย้อนแย้งใน “ความอยากจ่าย” กับ “กำลังในการจ่าย” 

– แม้จะมีแรงกดดันทางเศรษฐกิจที่ทำให้กำลังซื้อลดลง แต่ผู้บริโภคชาวไทยโดยเฉพาะ Gen Z กลับมีความอยากที่จะใช้จ่ายในหลายหมวดหมู่สินค้าและโซลูชันมากกว่าทุกเจเนอเรชัน โดยเฉพาะค่าอาหาร เครื่องดื่ม และค่าใช้จ่ายส่วนตัว กว่า 70% มองหาแบรนด์ทางเลือกที่ราคาถูกกว่า และเกือบครึ่งของผู้บริโภคกลุ่มนี้ยังมีความอยากเก็บเงินและลงทุนเพื่ออนาคต

– กลุ่ม Gen X ถึง Baby Boomer ที่มีฐานะดีกว่ากลับเน้นประหยัดกับค่าปัจจัยพื้นฐาน แต่ยังแอบเปิดใจให้กับสินค้าโซลูชันด้านสุขภาพและการแสวงหาประสบการณ์การช้อปปิ้งที่สนุกสนาน

2. The Relationship Paradox: Need to Disconnect vs. Drive to Reconnect คือความย้อนแย้งใน “การอยากเชื่อมต่อ”กับ “อยากหยุดเชื่อมต่อ” 

– แม้ว่าคนไทยกว่า 90% สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้และเชื่อมต่อกับโซเชียลมีเดียตลอดเวลา แต่ผู้บริโภคชาวไทยเกือบ 80% กำลังพิจารณาเรื่อง “การควบคุมปริมาณข้อมูล” เช่น การเลิกติดตาม หรือบล็อกโซเชียลมีเดียบางแพลตฟอร์ม

– ขณะที่ 71% เริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายเทคโนโลยีและต้องการอิสระ คนไทยกว่า 38% หันมาสนใจกิจกรรมในโลกจริงเพื่อสุขภาพจิตที่ดี

–  โดยยังมองเทคโนโลยีในแง่ดีมากกว่าแง่ไม่ดี และเชื่อว่าเป็นเครื่องมือสำคัญในการยกระดับความสามารถในการเชื่อมต่อกับผู้คนและโอกาสในชีวิตที่ดีขึ้นได้

3. The Belief Paradox: Demand for Real vs. Crave for Wow คือความย้อนแย้งใน “ความต้องการความซื่อสัตย์จริงใจ”กับ “ความโหยหาความตื่นเต้นเซอร์ไพรส์เร้าใจ” 

–  จากผลวิจัยพบว่าความเชื่อมั่นในบุคคล แบรนด์ และอินฟลูเอนเซอร์กำลังถูกท้าทายจากความไม่เชื่อใจของผู้บริโภค เนื่องจากข่าวด้านลบและข่าวปลอมบนโซเชียลมีเดีย โดยคนไทยกว่า 80% กังวลเรื่องข่าวปลอม 

– คนไทยมีความเชื่อมั่นใน AI 81% สูงเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญที่ 83% โดยคนไทยเชื่อมั่นใน AI สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก

– ขณะที่เชื่อมั่นในอินฟลูเอนเซอร์ 34% (อยู่ในอันดับท้ายสุด)  แต่กลับเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลในการกระตุ้นการซื้อสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งที่ 29%

– ผู้บริโภคมีพฤติกรรมเรียกร้องความจริงและความซื่อสัตย์เป็นคุณค่าสูงสุด โดยต้องการแบรนด์ที่จริงใจ 64% และน่าเชื่อถือ 70%

– แต่การเป็นเพียงแบรนด์ที่จริงใจและน่าเชื่อถืออาจไม่เพียงพอ เพราะผู้บริโภคกว่า 73% ยังต้องการแบรนด์ที่บันเทิงและสร้างความ Wow ด้วย ถึงจะเป็นแบรนด์ที่โดดเด่น และเป็น Top of Mind ในใจผู้บริโภค

4. The Health & Wellness Paradox: Fear of Aging vs. Joy of Aging คือความย้อนแย้งใน “ความกลัวแก่” กับ “ความสุขสนุกของชีวิตในวัยหลังเกษียณ” 

– สุขภาพกายและใจเป็นหนึ่งในสองคุณค่าสูงสุดทั้งในหมู่คนไทยและทั่วโลก หมวดสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีจึงเป็นอันดับต้นๆ ที่คนไทยยินดีจ่ายเงินเพิ่ม กว่า 70% กำลังดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิตอย่างจริงจัง

– กลุ่มที่กลัวความแก่มากที่สุด คือ คนรุ่นใหม่ Gen Z ซึ่งมองว่าการดูแลรูปลักษณ์เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องลงทุนมากกว่าคนรุ่นอื่น โดยต้องเริ่มลงทุนตั้งแต่อายุน้อยเพื่อผลลัพธ์ที่ดูดี มีพฤติกรรมดูแลความงามแบบด่วน ด้วยการฉีดโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์

– ส่วนกลุ่ม Baby Boomer ซึ่งเป็นผู้สูงวัยที่สุดกลับเป็นกลุ่มที่กลัวความแก่น้อยที่สุด โดย 90% เชื่อว่า “อายุเป็นเพียงตัวเลข” ต้องการให้ตัวเองดูดีตามวัย ไม่ได้ต้องการให้ดูอ่อนวัย และกว่า 50% คิดว่าชีวิตและการใช้ชีวิตเริ่มต้นใหม่ได้หลังอายุ 60 ปี

สรุปปัจจัยแบรนด์ไม่โตตามเป้าหมาย

คุณปรัตถจริยา ชลายนเดชะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร VML Thailand กล่าวว่าสถานการณ์ตลาดปัจจุบันชี้ให้เห็นว่าแบรนด์ต่างๆ ไม่ได้ขาดการสร้างการรับรู้ (Awareness)ในแบรนด์ แต่กลับประสบปัญหาใหญ่จากการขาดผลักดันประสิทธิภาพที่จะปิดการขายและรักษาฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

โดยมีอัตราการ Drop-off จากการตัดสินใจซื้อสูงถึง 50-75% ในทุกอุตสาหกรรม ส่งผลให้แบรนด์สูญเสียโอกาสทางรายได้ถึง 35-55% จากรอยรั่วเหล่านี้ นอกจากนี้ยังพบว่าค่าโฆษณาที่แพงขึ้น 2.5-3.5 เท่า กลับเพิ่มการตัดสินใจซื้อได้เพียง 5-10% เท่านั้น

ข้อมูลเชิงลึกชี้ให้เห็นว่าค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลง 8-12% แต่ความคาดหวังจากคุณภาพของสินค้ากลับสูงขึ้น 15-20% ขณะที่ต้นทุนสื่อพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง 15-25% และ Cost per acquisition สูงขึ้นถึง 25-45% นอกจากนี้ 68% ของลูกค้าพร้อมเปลี่ยนแบรนด์ใน 1 คลิกหากเจอ Customer Experience, User Experience หรือข้อเสนอที่ดีกว่า และ 72% ของคู่แข่งใช้ AI ในการ Optimize Funnel เพิ่มขึ้น 35% จากปี 2567

 “ทุกการ Drop-off คือรายได้ที่สูญเสียไป ทำให้แบรนด์ไม่โตตามเป้าหมาย และส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจไปด้วย การทำความเข้าใจความย้อนแย้งในใจผู้บริโภค เพื่อดึงมุมเหล่านี้มาสร้างความอยากลองอยากมีประสบการณ์กับแบรนด์ อยากเปิดใจลอง เพื่อนำไปสู่โอกาสใหม่ๆ ทางการตลาด จึงมีความสำคัญอย่างมาก” 

ในปี 2568-2569 ตลาดจะยิ่งท้าทายขึ้น ผู้บริโภคมีความอดทนน้อยลง และความภักดีต่อแบรนด์เปราะบางลงอย่างมาก แบรนด์ที่จะชนะคือแบรนด์ที่สามารถมอบประสบการณ์ที่ราบรื่น สร้างความผูกพันทางอารมณ์ และขับเคลื่อนผลลัพธ์ได้อย่างแท้จริง

เปิดตัว No Leak Solution สร้างโอกาสทองทางธุรกิจ

VML Thailand ได้เปิดตัวโซลูชันใหม่ล่าสุด No Leak Solution™ ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความท้าทายของตลาดในปัจจุบัน โดยมุ่งเน้นการอุดรอยรั่วตลอดเส้นทางของผู้บริโภคเพื่อเปลี่ยนทุกการสูญเสียให้เป็นโอกาสในการเติบโตของรายได้ ไปจนถึงการเปิดโอกาสทางการตลาดในมุมใหม่ๆ เพิ่มความพึงพอใจให้ลูกค้าในมุมที่อาจไม่ได้นึกถึงก่อนหน้านี้ เพื่อนำไปสู่โอกาสของยอดขายใหม่ๆ

No Leak Solution™ โดยก้าวข้ามการสร้างแคมเปญไปสู่การออกแบบประสบการณ์แบรนด์ที่ขับเคลื่อนด้วยมนุษย์ที่จะยกระดับประสบการณ์ลูกค้า เพิ่มคุณค่าตลอดเส้นทางของผู้บริโภค และปรับปรุงการค้าให้เหมาะสมเพื่อความได้เปรียบในอนาคต

โซลูชันนี้ถูกออกแบบมาบนฐานความเข้าใจ Consumer Paradox Mindsets โดยการรับรู้และยอมรับความย้อนแย้งที่ซับซ้อนในใจผู้บริโภคยุคใหม่ แล้วนำความเข้าใจนั้นมาแปลงเป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจที่สร้างประสบการณ์แบรนด์ที่ตอบสนองทั้งสองด้านของความต้องการที่ขัดแย้งกัน  ผ่าน 5 โซลูชันหลัก

1. NO LEAK ECOSYSTEM™ ระบบนิเวศที่สมบูรณ์แบบเพื่อป้องกันการรั่วไหลในทุก Consumer Journey

ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดสำหรับแบรนด์คือ การที่ลูกค้าหลุดและรายได้หายโดยไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะเป็น Awareness ดี แต่ยอดขายไม่พุ่ง ลูกค้าเดินเข้าร้านแล้วกลับไปซื้อบนเว็บไซต์อื่น หรือลูกค้าเพิ่มของลงตะกร้าแต่ไม่ซื้อ นี่คือ “รูรั่ว” ที่เกิดจากจุดบอดใน Customer Journey และ Communication ที่นำไปสู่การหลุดออกจากแบรนด์

No Leak Ecosystem คือโซลูชันที่มาแก้ปัญหานี้โดยตรงด้วย “Leak Discovery Framework” เปรียบเสมือน “เครื่องตรวจโรค” สำหรับแบรนด์ ผ่านการใช้ข้อมูลมหาศาลมาช่วยส่องดูพฤติกรรมลูกค้าและแพลตฟอร์มของแบรนด์แบบทะลุปรุโปร่ง โดยการร่วมมือระหว่าง Brand Strategist และ CX Strategist เพื่อระบุจุดที่ลูกค้ากำลังจะหลุดมือไปหรือไม่พึงพอใจ

 2. ACQUISITION AND RETENTION TECH TOOL เครื่องมือเทคโนโลยีที่ช่วยในการดึงดูดและรักษาลูกค้า

Acquisition & Retention Tools คือโซลูชันดิจิทัลแบบกะทัดรัดที่สร้างแคมเปญจูงใจอย่างง่ายดาย เพื่อดึงดูด แปลงเป็นยอดขาย และรักษาลูกค้า พร้อมลดต้นทุนเทคโนโลยีและการบริหารจัดการแคมเปญ สามารถเชื่อมต่อ Customer Journey ทั้ง Online และ Offline ทั้งยังเริ่มใช้งานได้ในระยะเวลาสั้น

เครื่องมือนี้สามารถอุด “รอยรั่ว” ตลอด Funnel และรองรับแคมเปญหลายรูปแบบ เช่น คูปองดิจิทัล การแนะนำเพื่อน Gamification และ Loyalty Tier พร้อมจัดเก็บข้อมูลลูกค้าเพื่อปรับปรุงแคมเปญได้อย่างต่อเนื่อง

ประโยชน์ที่แบรนด์จะได้รับ รวมถึงการลด Leak และเพิ่มยอดขาย ROI ที่คาดการณ์ได้ภายใต้กรอบต้นทุนที่คุ้มค่าและทำซ้ำได้ แคมเปญออกสู่ตลาดได้เร็วและลดความซับซ้อนการปฏิบัติงาน การสร้างความผูกพันและการบอกต่อที่นำไปสู่การซื้อซ้ำ และรองรับการขยายแคมเปญหลายตลาดและหลายช่องทาง ทำให้แบรนด์สามารถสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ราบรื่นและมีประสิทธิภาพตลอดเส้นทางการซื้อ

3. PRODUCTION @SCALE การผลิตเนื้อหาและแคมเปญที่มีประสิทธิภาพในวงกว้าง

Production @Scale คือโซลูชันที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตชิ้นงานโฆษณาในจำนวนหลักพันในเวลาไม่นาน โดยใช้ระบบการผลิตที่ผสานเทคโนโลยี AI ที่หลากหลาย รวมถึง WPP Open AI และระบบอัตโนมัติขั้นสูงกับความคิดสร้างสรรค์ระดับมืออาชีพ ช่วยให้แบรนด์สามารถสร้างเนื้อหาที่หลากหลายและตรงใจผู้บริโภคได้ในจำนวนมากและรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยเป็นไปได้มาก่อน

โซลูชันนี้ครอบคลุมตั้งแต่การวางแผนกลยุทธ์เนื้อหาแบบ Data Driven การผลิตวิดีโอ กราฟิก และเนื้อหาดิจิทัลในรูปแบบต่างๆ ไปจนถึงการปรับแต่งเนื้อหาให้เหมาะสมกับแต่ละแพลตฟอร์ม เซกเมนต์ลูกค้า และช่วงเวลาต่างๆ ด้วยระบบการทำงานที่มีประสิทธิภาพสูง และ Scalable Architecture

ผลประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับคือ การลดเวลาในการ Go-to-market ได้มากถึง 60-70% การลดต้นทุนการผลิตเนื้อหาโดยรวม 40-50% ความสามารถในการทดสอบและปรับปรุงเนื้อหาแบบ Real-time ผ่านระบบ A/B Testing อัตโนมัติ และการเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอในทุกจุดสัมผัส ส่งผลให้เกิดการสร้างความเชื่อมโยงที่แข็งแกร่งระหว่างแบรนด์กับลูกค้า และเพิ่มโอกาสในการ Convert ได้ดียิ่งขึ้น

 4.  INFLUENVER™ กลยุทธ์การตลาดอินฟลูเอนเซอร์ด้วย Paradox Mindset x เทคโนโลยี เปลี่ยน KOL Campaign ให้เป็น CREATIVE KOL Campaign ที่มีอิมแพ็ค

INFLUENVER™ คือการปฏิวัติ Influencer Marketing โดยใช้ Paradox Mindset มาเป็นหัวใจสำคัญในกระบวนการคิดการเลือก และการทำงานร่วมกับ KOL การเลือก KOL ส่วนใหญ่จะมองเพียงแค่จำนวนผู้ติดตาม อัตราการมีส่วนร่วม และความเข้ากันได้กับสินค้า

แต่ที่แท้จริงแล้วมีสิ่งที่ทรงพลังกว่าซ่อนอยู่ในความย้อนแย้งของตัวบุคคล Paradox Mindset จึงสร้างข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ในการทำ KOL Campaign ให้กับแบรนด์ผ่าน Authentic Storytelling ที่ทำให้เรื่องเล่ามีความเป็นจริงและธรรมชาติ การเข้าถึง Untapped Audiences หรือกลุ่มเป้าหมายที่ซ่อนอยู่ Viral Potential ที่สร้างกระแสการพูดถึงและการแชร์อย่างเป็นธรรมชาติ และ Cultural Relevance เพราะความย้อนแย้งตรงใจผู้บริโภคยุคใหม่มากกว่าความสมบูรณ์แบบ

5. GROWTH SPARK จุดประกายไอเดียใหม่ๆ ในการขายและขยายโอกาสการเติบโตให้แบรนด์

Growth Spark คือโซลูชันที่ออกแบบมาเพื่อใช้ค้นหาโอกาสใหม่ๆ ทางการตลาดให้ธุรกิจและแบรนด์ แล้วนำมาพัฒนาเป็นแผนกลยุทธ์ทางการสื่อสารทางการตลาดและการสร้างแบรนด์ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวได้ ผ่านอินไซต์เรื่องความย้อนแย้งในใจของผู้บริโภคและแนวคิดเชิงกลยุทธ์ของ Brand Paradox Thinking รวมทั้งยังสามารถนำมารังสรรค์เป็นแคมเปญการตลาดเพื่อกระตุ้นการมีส่วนร่วมหรือตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคด้วยไอเดียครีเอทีฟสุดปังที่พร้อมสร้างสรรค์ได้ทันทีแบบควิกวิน (Quick-win Solution)

จากผลวิจัย “Consumer Paradox Mindsets” ทำให้เห็น 4 มิติแห่งความย้อนแย้งของผู้บริโภคยุคใหม่อย่างชัดเจน ความย้อนแย้งเหล่านี้ไม่ใช่เพียงอุปสรรค แต่หากนำมาพลิกมุมมองแบบ Brand Paradox Thinking ซึ่งจะช่วยชี้ให้เห็นถึงปัญหาที่จะสูญเสียลูกค้าทั้งในปัจจุบันและอนาคต รวมทั้งโอกาสใหม่ๆ สำหรับแบรนด์ในการก้าวข้ามความท้าทายในยุคดิจิทัล 

ติดตามพวกเราได้ที่ LINE


แชร์ :

You may also like