อาจเป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่น่าจับตาของเชนกาแฟยักษ์ใหญ่จากโลกตะวันตกอย่าง Starbucks โดยมีรายงานว่า บริษัทได้ประกาศแผนปรับโครงสร้างครั้งใหญ่มูลค่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ และได้ตัดสินใจ “ปิดสาขา” ราว 200 แห่ง หรือประมาณ 1% ของสาขาทั้งหมดที่มีในอเมริกาเหนือ รวมถึงเลย์ออฟพนักงานจำนวน 900 ตำแหน่งอย่างเป็นทางการ
สำหรับพนักงานที่ถูกเลย์ออฟในครั้งนี้เป็นพนักงานในส่วน Non-Retail และถือเป็นการเลย์ออฟพนักงานรอบที่ 2 แล้วภายใต้การกุมบังเหียนของซีอีโอใหม่อย่าง Brian Niccol (ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ โดยมีพนักงานถูกเลย์ออฟ 1,100 ตำแหน่ง)
ส่วนเงื่อนไขในการปิดสาขานั้น ทางบริษัทได้มีการระบุความคาดหวังต่อสาขาเอาไว้ว่า ต้องการให้ร้านกาแฟของแบรนด์สามารถมอบประสบการณ์ที่อบอุ่นและเป็นกันเอง พร้อมบรรยากาศที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้าได้ รวมถึงมีที่นั่งให้ลูกค้าได้เข้ามาใช้งาน ซึ่งทาง Brian Niccol ระบุด้วยว่า จากการตรวจสอบร้านสาขาครั้งล่าสุด พบว่ามีร้านกาแฟที่ไม่สามารถสร้างสภาพแวดล้อมตามที่บริษัทคาดหวัง และร้านเหล่านี้จะถูกปิดให้บริการในที่สุด
นอกจากนี้ แผนการบริหารร้านฉบับใหม่ของ Brian Niccol ยังนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ อย่าง เช่น เครื่องดื่มต้องพร้อมเสิร์ฟภายใน 4 นาที, การไม่คิดค่าบริการเพิ่มสำหรับนมชนิดอื่นที่ไม่ใช่นมวัว, การบริการเติมชาหรือกาแฟฟรี สำหรับลูกค้าที่ซื้อสินค้าแล้วและยังนั่งอยู่ภายในร้าน ฯลฯ เป็นต้น