จากผลสำรวจพบว่า 87% ของธุรกิจในเอเชียแปซิฟิก รวมถึงไทยยอมรับว่ามี “ข้อมูล” (Data) จำนวนมากแต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มศักยภาพ ขณะที่การเข้าถึงข้อมูลผ่าน AI (Artificial Intelligence) ในช่วง 1 ปี เติบโตขึ้น 15 เท่า เมื่อเทียบกับการเข้าถึงผ่าน Search Engine แบบเดิมๆ
เมื่อโลกก้าวสู่ “ยุคอัลกอริทึม” การเติบโตของธุรกิจจะเกิดขึ้นจากการผสานพลังของทั้ง AI และ “ทีมงานมืออาชีพ” (People Intelligence) หรือ PI เพราะมนุษย์ยังมีบทบาทสำคัญด้านความคิดสร้างสรรค์และการออกแบบกลยุทธ์ที่ทำให้แบรนด์แตกต่าง
ท่ามกลางจำนวนข้อมูลและดิจิทัลแพลตฟอร์มมากมาย เมื่อผู้บริโภคค้นหาข้อมูลทางออนไลน์จะคาดหวังคำตอบในทันที ที่ไม่ใช่เป็นเพียงแค่การจัดไดเรคทอรี่อย่างในยุคก่อนๆ จนเกิดเป็นปรากฎการณ์ Zero Click Search จากการเติบโตของการค้นหาข้อมูลผ่าน AI Overview
คุณวิสาส์น สิริจันทานนท์
ธุรกิจโตด้วย AI ที่รู้จริง และ PI ที่รู้ใจ
ในงาน Dentsu DECODE 2025 “เดนท์สุ ประเทศไทย” โดยกลุ่มธุรกิจมีเดียเดนท์สุ แนะนักการตลาดในยุคอัลกอริทึม ปรับเปลี่ยนมุมมองเริ่มตั้งแต่ “กลุ่มเป้าหมาย” แบบ Static Segments ไปสู่ Cultural Segments ที่มีความหลากหลาก เพื่อตอบรับพฤติกรรมผู้บริโภคและภูมิทัศน์สื่อที่เปลี่ยนไป รวมทั้งสร้างการเติบโตธุรกิจด้วย AI ที่รู้จริง และ PI ที่รู้ใจ
คุณวิสาส์น สิริจันทานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจมีเดีย เดนท์สุ ประเทศไทย กล่าวว่าการเติบโตของธุรกิจยุคอัลกอรึทึม ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ยังต้องทำงานร่วมกับมนุษย์ นำทางโดย PI เพื่อทำให้ “แบรนด์” สามารถเปิดมุมมองที่แตกต่างและสร้างประสบการณ์ใหม่เพื่อสร้างการจดจำ ซึ่งจะช่วยให้แบรนด์แตกต่าง โดดเด่น และเป็นที่ชื่นชอบ
ศักยภาพของ AI จะช่วยให้แบรนด์สามารถรับและให้ข้อมูลกับผู้บริโภคได้ตรงจุด คาดเดาในสิ่งที่ผู้บริโภคสนใจและต้องการได้แม่นยำ จนไปถึงขั้น Agentic AI หรือการที่ AI สามารถตัดสินใจและดำเนินการแทนเราได้โดยอัตโนมัติแบบไม่ต้องรอคำสั่ง
แบรนด์จะมี AI เป็นเสมือนระบบปฏิบัติการ บริหารจัดการการสื่อสาร การผลิตเนื้อหา การจัดการข้อมูลไปจนถึงการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้าและผู้บริโภค
ตัวอย่างเช่น เมื่อสินค้าที่เราใช้ประจำหมด AI จะสามารถนำเสนอแบรนด์ใหม่ตามข้อมูลที่ AI มีเกี่ยวกับตัวเรา ตามความชอบ พฤติกรรมการใช้ ความถี่ในการเข้าชมเนื้อหาสินค้าทดแทน ความสนใจของเราในช่วงเวลานั้นๆ รวมไปถึงจัดการเรื่องการสั่งซื้อ ชำระเงิน จองวันเวลาส่งของ เห็นได้ว่า AI ทำให้ผู้บริโภคมีเวลาไปใช้ชีวิตมากขึ้น
เทรนด์เสิร์ช AI พุ่ง พลิกโฉม SEO สู่ AEO
จากภูมิทัศน์สื่อยุคดิจิทัลทำให้ผู้บริโภคเห็นคอนเทนต์มากกว่า 5,000 ชิ้นต่อวัน แต่จำได้ไม่เกิน 50 ชิ้น นั่นหมายถึงแบรนด์ต่างๆ ที่มีการทำคอนเทนต์จะต้องสู้กับคอนเทนต์กว่า 5,000 ชิ้นให้ได้ และต้องโดนใจผู้บริโภคให้จดจำและเกิดการมีส่วนร่วมไปให้ถึง Top 50 ดังนั้น AI จึงเข้ามามีบทบาทในการช่วยออกแบบและการกระจายคอนเทนต์ให้ถึงกลุ่มเป้าหมายและถูกใจ
ในยุคอัลกอริทึมนี้ การเข้าถึงข้อมูลผ่านการค้นหาทาง AI เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ผู้บริโภคหันไปค้นหาผ่าน ChatGPT, Gemini และดูข้อมูลแค่ตรง AI Overviews ของ Google Search เนื่องจากต้องการคำตอบทันที โดยเฉพาะข้อมูลเปรียบเทียบและข้อมูลที่เหมาะกับความต้องการในเวลานั้น มากกว่าการกดดูทีละเว็บไซต์ตามผลลัพธ์การค้นหาแบบเดิมๆ
จากข้อมูลใน Semrush เมื่อเดือนเมษายน 2568 AI Chatbot Platforms เช่น ChatGPT, Gemini และอื่นๆ มี Unique Visitors รวมกันกว่า 697 ล้านคนต่อเดือนทั่วโลก
ขณะที่ Google มี Unique Visitors ประมาณ 5,300 ล้านคนทั่วโลก เท่ากับทั่วโลกมีคนใช้งาน AI Platforms คิดเป็น 13% ของผู้ใช้งาน Google ซึ่งเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2567 จำนวนผู้ใช้งานมีไม่ถึง 1%
นั่นหมายถึงว่าคนเข้าถึงเว็บไซต์ประเภท AI Chatbot เพิ่มขึ้น 13-15 เท่า ภายในแค่ 1 ปี โดย AI Chatbot ที่นำตลาดอยู่คือ ChatGPT คิดเป็น 80% ของคนใช้ AI Platforms ทั่วโลก
จากเทรนด์ค้นหาข้อมูลทาง AI ที่กำลังเติบโต สิ่งที่แบรนด์ควรทำ คือ สำรวจสุขภาพด้าน SEO แบบเดิม และ AEO (Answer Engine Optimization) ของเว็บไซต์ตัวเอง
โดย AEO คือการทำให้ข้อมูลจากเว็บไซต์ของแบรนด์ไปปรากฎบนผลการค้นหาของ AI เช่น ChatGPT, Gemini และ AI Overviews ของ Google Search ในรูปแบบสรุปคำตอบด้านบนสุดของผลลัพธ์การค้นหา โดยเป็นการดึงข้อมูลมาจากหลายเว็บไซต์มาประมวลจัดเรียงใหม่ให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงง่ายโดยไม่ต้องคลิกเข้าไปอ่านในเว็บเหมือนเดิม (Zero Click Search)
พบว่าพฤติกรรมการเสิร์ชของผู้บริโภค 60% ค้นหาผ่าน AI จนเกิดเป็นปรากฏการณ์ Zero Click Search ที่ผู้บริโภคคาดหวัง “คำตอบ” ที่เป็นบทสรุปของ AI จากการค้นหาในทันที และช่วยให้ประหยัดเวลาในการเสิร์ชมากขึ้น
คุณโอลิเวอร์ กิตติพงษ์ วีระเตชะ
‘สัมปชัญญะ 4 + AI กุญแจสร้างแบรนด์แกร่ง
คุณโอลิเวอร์ กิตติพงษ์ วีระเตชะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มด้านการตลาดและนวัตกรรม เดนท์สุ ประเทศไทย กล่าวว่า ในยุคที่ AI เข้ามามีบทบาทในทุกมิติของการทำงาน ทุกองค์กร ทุกแบรนด์ พยายามปรับตัวให้เหมาะกับ AI ที่เกิดขึ้น
– 79% ของธุรกิจที่เกี่ยวกับการตลาด เชื่อว่า AI สำคัญกับธุรกิจ
– 80% มองว่าการใช้ AI เสี่ยงล้มเหลว ถ้าขาดคนกำกับการทำงาน
– 40% เชื่อว่าหากคนทำงานผสานกับ AI จะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า
ดังนั้นการใช้ AI ให้เกิดประสิทธิภาพสูงที่สุด จำเป็นต้องใช้ “ทักษะของมนุษย์” ทั้งเรื่องอารมณ์ ความคิดสร้างสรรค์ และศีลธรรมจริยธรรม
“วันนี้เราเห็นการทำงานของ AI ที่ช่วยให้การทำงานดีขึ้น แต่ต้องปรับมุมมองและทักษะ เพราะ AI ไม่ใช่แค่มี Data นักวิเคราะห์ข้อมูล และนำข้อมูลมาสร้างมูลค่า แต่ AI ซับซ้อนกว่านั้น โดยต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ ในการสร้างงานและพัฒนาร่วมกับ AI”
การใช้ AI ที่ตอบโจทย์ความคิดสร้างสรรค์ได้ดี ไม่ใช่เพียง Why & How แต่ต้องมีมุมมองของ What การตั้งคำถามที่เก่ง ก็จะได้ผลลัพธ์ที่ดี
ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาหลายองค์กรใช้ AI เข้ามาช่วยเรื่องประสิทธิภาพการทำงานและปัจจุบันกำลังพัฒนาไปในเชิง Agentic AI ซึ่งจะมาตัดสินใจบางอย่างแทนมนุษย์ ดังนั้นในการวางกลยุทธ์ขององค์กรจึงต้องมีการพัฒนาทักษะของบุคลากรเพื่อเสริมผสานสติสัมปชัญญะของมนุษย์เข้าไปด้วย
ในยุคอัลกอริทึม ที่เปรียบเสมือน “สังคมอุดมปัญญา(ประดิษฐ์) AI ครองโลก” ข้อเสนอแนะสำหรับนักการตลาดยุคใหม่ ในการบริหารแบรนด์ยุค AI อย่างรอบคอบและมีประสิทธิภาพ ด้วย 4 แนวทางที่เปรียบได้กับหลัก “สัมปชัญญะ 4” จากพุทธศาสนา
1. รู้ว่ากำลังทำอะไร (สัตตกะสัมปชัญญะ): ใช้ AI ต้องมีเป้าหมายชัดเจน เลือกเครื่องมือให้ถูกกับงาน และตามทันเทคโนโลยี ใส่ศักยภาพของความเข้าใจบริบทลงไป
2. รู้ว่าอะไรเหมาะสม (สัปปายะสัมปชัญญะ): ประมวล AI ต้องเสริมภาพลักษณ์แบรนด์ เข้าใจลูกค้า ไม่ใช่แค่ตามกระแส และต้องมีจริยธรรมและรอบรู้ไตร่ตรอง สอดคล้องกับคุณค่าของแบรนด์ ไม่ใช่ทำให้แบรนด์ดูแปลกแยกหรือไร้ความกลมกล่อมของธรรมชาติ
– การเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค: AI สามารถช่วยวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก แต่การตัดสินใจขั้นสุดท้ายควรมาจากความเข้าใจในมนุษย์และวัฒนธรรมของผู้บริโภค
– ความรับผิดชอบและจริยธรรม: การใช้ AI ต้องคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวของข้อมูล, ความถูกต้องของข้อมูล และผลกระทบทางสังคมที่อาจเกิดขึ้น
3. รู้ความเชื่อมโยง (โคจรสัมปชัญญะ): AI คือส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ ต้องทำงานร่วมกับคน และเข้าใจผลกระทบต่อแบรนด์ นักบริหารแบรนด์ต้อง มองเห็นภาพรวมและเข้าใจความเชื่อมโยงของ AI กับองค์ประกอบต่างๆ ในการบริหารแบรนด์ ไม่ใช่แค่การใช้ AI แบบแยกส่วน
– การบูรณาการ AI เข้ากับกลยุทธ์การตลาดองค์รวม: AI ควรเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ ไม่ใช่เป็นสิ่งแยกออกมา
– การทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI: AI เป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ แต่การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์, ความคิดสร้างสรรค์ และการสร้างความสัมพันธ์ที่แท้จริงยังคงเป็นบทบาทสำคัญของมนุษย์
4. รู้หลีกเลี่ยงผลร้าย (อัปปายะสัมปชัญญะ): ระวังข้อมูลลำเอียง, ข้อมูลผิดพลาด, การพึ่งพา AI มากไป และความเสี่ยงไซเบอร์
การผสมผสาน ปัญญา ปฏิภาณ เข้ากับ AI จะสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งและยั่งยืน “เดนท์สุ” จึงสร้างระบบนิเวศที่ผสาน AI และ PI เข้าด้วยกัน เพื่อขับเคลื่อนผลลัพธ์ทางธุรกิจในยุคอัลกอรึทึม
ติดตามพวกเราได้ที่ LINE