ตลาดเอเชียยังมีกำลังซื้อ StarCruises แบรนด์เรือสำราญยักษ์ใหญ่สัญชาติสิงคโปร์ ส่งเรือ Star Voyager เปิดเส้นทางเดินเรือใหม่ “แหลมฉบัง – เกาะสมุย – สิงคโปร์” เล็งเจาะนักท่องเที่ยวไทย – เอเชีย พร้อมดันไทยเป็นศูนย์กลางการล่องเรือแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สำหรับการเปิดเส้นทางเดินเรือใหม่นี้ สะท้อนถึงภาพรวมของธุรกิจล่องเรือสำราญที่คุณไมเคิล โกห์ (Micheal Goh) ประธานบริษัท StarDream Cruises เปิดเผยว่า พบความต้องการในกลุ่มลูกค้าระดับกลาง – บนเพิ่มขึ้น
ส่วนสาเหตุที่ของการเปิดเส้นทางใหม่ “แหลมฉบัง – เกาะสมุย – สิงคโปร์” และเหตุผลที่เลือกประเทศไทยเป็นจุดขึ้นเรือนั้น มาจากหลายปัจจัย ทั้งในเรื่องของจำนวนประชากรที่ไทยมีประชากรค่อนข้างมาก อีกทั้งประเทศไทยยังเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วย ซึ่งนักท่องเที่ยวที่สนใจการล่องเรือสำราญส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวคุณภาพ และอำนาจซื้อสูง จึงมองว่า การที่คนเหล่านี้เข้ามาใช้จ่ายในประเทศไทยจะเป็นประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวไทยด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ คุณไมเคิล โกห์ เผยด้วยว่า บริษัทได้เคยเปิดเส้นทางให้บริการแก่นักท่องเที่ยวทางภาคใต้ของไทย เช่น จังหวัดภูเก็ต และจังหวัดกระบี่มาแล้ว
คุณไมเคิล โกห์ (คนที่สองจากซ้ายมือ) และคุณภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (คนที่สามจากซ้ายมือ)
ย้อนที่มา Star Voyager
สำหรับเรือ Star Voyager ปัจจุบันเป็นเรือที่ได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่ด้วยงบประมาณกว่า 50 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ 2,000 คน และมีเส้นทางเดินเรือจากประเทศไทย ไปจอดแวะที่เกาะสมุย และสิงคโปร์ รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 5 คืน (เริ่มออกเดินทางครั้งแรก 22 เมษายน 2568 และมีรอบเพิ่มเติมในวันที่ 7 พฤษภาคม 2568) ซึ่งทางบริษัทคาดว่าการเปิดเส้นทางใหม่นี้จะช่วยเพิ่มยอดการเติบโตของนักท่องเที่ยวและกระตุ้นการท่องเที่ยวเรือสำราญให้กับประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และเกาะสมุย ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ด้านคุณภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า ททท. รู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่เรือสำราญ Star Voyager มาเริ่มต้นออกเดินทางจากประเทศไทย และได้ทำการเปิดตัวและรีแบรนด์ StarCruises ในประเทศไทย โดยเชื่อว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวได้หลายกลุ่ม และสามารถสนับสนุนการท่องเที่ยวให้เติบโตยิ่งขึ้นได้
เปิด 4 ไฮไลต์การเดินทาง “แหลมฉบัง-เกาะสมุย-สิงคโปร์”
เกาะสมุย : สำหรับการจอดแวะที่เกาะสมุย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในไฮไลต์ของการล่องเรือนั้น คุณไมเคิล กล่าวว่า เพราะเกาะสมุยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ อีกทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ และอาหารพื้นเมืองรสเลิศด้วย
สิงคโปร์ : เรือ Star Voyager จะเทียบท่าที่ Singapore Cruise Centre และสามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยัง HarbourFront Centre และ VivoCity ได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ ทางบริษัทจะมีทริปสำหรับท่องเที่ยวสิงคโปร์เพิ่มเติมด้วย เช่น การเดินทางไปยัง Gardens by the Bay, Merlion Park รวมถึงย่านวัฒนธรรมที่น่าสนใจอย่าง ไชน่าทาวน์ ลิตเติ้ลอินเดีย และกัมโปงกลาม (Kampong Glam) ส่วนสายช้อปปิ้งก็สามารถเพลิดเพลินกับแหล่งช้อบปิ้งบริเวณใกล้เคียงอย่าง VivoCity, HarbourFront Centre ไปจนถึงร้านบูติกหรูหราบนถนน Orchard Road ได้เช่นกัน
กิจกรรมบนเรือ Star Voyager : ผู้โดยสารจะมีเวลา 2 วันเต็มในการล่องเรือกลางมหาสมุทร โดยจะมีกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การแสดงโชว์ Live Performance ณ โรงละคร Zodiac Theatre, คาราโอเกะ, กำแพงปีนหน้าผาจำลอง, ซิปไลน์, สวนน้ำ Aqua Park, สวนสนุก Adventure Park และห้องอาหารที่ให้บริการตลอดเวลา
ห้องพักหลายรูปแบบ : โดยเรือ Star Voyager มีห้องพักเช่น Interior (ห้องไม่มีหน้าต่าง), Oceanview (ห้องวิวทะเล), และ Balcony (ห้องพร้อมระเบียงส่วนตัว) ไปจนถึงห้องสวีทอย่าง Palace Suites ซึ่งมาพร้อมสิทธิ์พิเศษ เช่น การเข้าใช้พื้นที่ส่วนตัวเฉพาะแขกของ Palace, บริการพนักงานดูแลส่วนตัวตลอด 24 ชั่วโมง และประสบการณ์เฉพาะบุคคล ฯลฯ
สงครามภาษี โอกาสหรือความท้าทายธุรกิจล่องเรือสำราญ
สำหรับสงครามภาษีระหว่างสหรัฐอเมริกา – จีนแผ่นดินใหญ่ ที่กำลังเกิดขึ้นพร้อม ๆ กับการเปิดเส้นทางเดินเรือใหม่ครั้งนี้ อาจทำให้หลายคนเกรงว่าจะกระทบกับการท่องเที่ยวก็เป็นได้ ซึ่งในมุมของคุณไมเคิล โกห์ มองว่า สงครามภาษีสามารถเป็นได้ทั้งความท้าทายและโอกาสสำหรับธุรกิจล่องเรือสำราญ เนื่องจากผู้คนจะมีความเครียดมากขึ้น และมองว่า การใช้เวลาบนเรือสำราญเพื่อผ่อนคลายความเครียดร่วมกับคนในครอบครัว หรือคนรักอาจเป็นทางเลือกใหม่ในการกระชับความสัมพันธ์
ในอีกด้าน เรือสำราญก็สามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจได้เช่นกัน โดยคุณไมเคิล เผยว่า บนเรือมีห้องประชุม มีเธียเตอร์ ที่บริษัทต่าง ๆ สามารถเข้าใช้งานได้เช่นกัน จึงมีหลายบริษัทใช้การล่องเรือเพื่อสร้างสัมพันธ์ทางธุรกิจ
ปัจจุบัน เรือในเครือของ StarCruises ประกอบด้วย เรือสำราญ Star Navigator และ Star Voyager โดย Star Navigator เริ่มออกเดินทางจากสิงคโปร์ตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2568 ก่อนจะถูกส่งไปยังไต้หวันเพื่อให้บริการแบบเอ็กซ์คลูซีฟเป็นระยะเวลา 8 เดือน ส่วน Star Voyager เริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2568 โดยมี ท่าเรือหลักตามฤดูกาลอยู่ในหลายเมือง ได้แก่ สิงคโปร์, จาการ์ตา, มะละกา, กรุงเทพฯ, โฮจิมินห์ และมีแผนจะขยายไปยังเมืองอื่น ๆ ในอนาคตด้วย
ส่วนใครที่จองทริป 22 – 27 เมษายนไม่ทัน ทาง StarDream Cruises เผยว่า มีโปรโมชันใหม่ สำหรับทริปวันที่ 7-12 พฤษภาคม 2025 โดยเป็นโปร 1 แถม 1 เริ่มต้นเฉลี่ย 19,900 ต่อคน สำหรับห้อง interior (ราคานี้รวมภาษีเรือและทิปเรียบร้อยแล้ว ตลอดจนรวมค่าอาหาร (ในห้องอาหารที่กำหนด) ทุกมื้อ, ค่าทำกิจกรรม และชม performance show) โดยมาพร้อม Highlight ต่าง ๆ เช่น แวะเที่ยวสิงคโปร์ ช้อปปิ้งจุใจที่ VivoCity, นั่งกระเช้าลอยฟ้าไปยัง Sentosa และแวะชิลริมหาดเกาะสมุย (สามารถติดต่อได้ที่ Line OA : https://lin.ee/OUGDGyc)