HomeDigitalผู้ค้าอีคอมเมิร์ซไทยใช้ AI รองอินโด-เวียดนาม 84% กังวลต้นทุนพุ่ง

ผู้ค้าอีคอมเมิร์ซไทยใช้ AI รองอินโด-เวียดนาม 84% กังวลต้นทุนพุ่ง

แชร์ :

ลาซาด้าเปิดผลการศึกษา ผู้ขายออนไลน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นำ AI มาใช้เพียง 37% ของกระบวนการดำเนินธุรกิจทั้งหมด โดยประเทศไทยมีการใช้ AI ในธุรกิจสูงเป็นอันดับ 3 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อัตราการใช้งานอยู่ที่ 39% ของผู้ขายออนไลน์ทั้งหมด เป็นรองอินโดนีเซีย และเวียดนาม) และ 7 ใน 10 ราย ของผู้ขายไทยต้องการการสนับสนุนเพิ่มเติมในการใช้ AI ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

ข้อมูลข้างต้นมาจากรายงานหัวข้อ โอกาสจาก AI: เปิดมุมมองและเทรนด์การใช้งาน AI ของผู้ขายออนไลน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Bridging the AI Gap: Online Seller Perceptions and Adoption Trends in SEA) ซึ่งลาซาด้าจัดทำร่วมกับกันตาร์ (Kantar) เพื่อสำรวจความคิดเห็นของผู้ขายบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจำนวน 1,214 ราย ในอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม โดยมีการศึกษาแนวโน้มการใช้งานเทคโนโลยี AI รวมถึงความท้าทายและโอกาสต่าง ๆ ที่สะท้อนให้เห็นความพร้อมของผู้ขายในการนำ AI มาใช้ในการดำเนินธุรกิจ และพบว่า 1 ใน 4 ของผู้ขายทั่วภูมิภาคมีความเชี่ยวชาญในการใช้งาน AI ในธุรกิจ ในขณะที่ 3 ใน 4 ของผู้ขายยังต้องการการสนับสนุนในการใช้ AI ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

ผู้ค้าไทยใช้ AI จริงแค่ 39% เหตุกังวลต้นทุน

รายงานพบว่า ผู้ขายออนไลน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความคุ้นเคยกับเทคโนโลยี AI เป็นอย่างมาก โดยในประเทศไทย ผู้ขาย 46% ระบุว่ารู้จักเทคโนโลยี AI และเชื่อว่าได้นำ AI มาใช้ใน 54% ของกระบวนการดำเนินธุรกิจ แม้จะมีการใช้งานจริงเพียง 39% ของกระบวนการดำเนินธุรกิจเท่านั้น แสดงให้เห็นถึงช่องว่างที่ชัดเจนระหว่างการรับรู้และการนำ AI ไปใช้จริง โดยประเทศไทยยังเป็นประเทศที่มีช่องว่างระหว่างการรับรู้และการนำ AI ไปใช้จริงสูงที่สุดในภูมิภาค อยู่ที่ราว 15% ชี้ให้เห็นโอกาสในการนำ AI มาใช้ในการดำเนินธุรกิจสำหรับผู้ขายที่ยังมีอีกมาก

การประเมินความคุ้มค่าระหว่างประสิทธิภาพของ AI และต้นทุน ถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของผู้ขายไทย แม้ว่า 99% จะตระหนักถึงศักยภาพของ AI ในการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ แต่กว่า 80% ยังคงไม่มั่นใจในประโยชน์ของ AI

84% กังวลค่าใช้จ่าย “พัฒนาทักษะทีมงาน”

นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้ขายในไทยเป็นกลุ่มที่ให้ความสำคัญเรื่องค่าใช้จ่ายมากที่สุดในภูมิภาค โดย 84% กังวลกับค่าใช้จ่ายในการพัฒนาทักษะของทีมงาน แม้ผู้ขายทุกรายจะเห็นว่าการใช้ AI ช่วยประหยัดต้นทุนของธุรกิจได้ในระยะยาว

ผลการศึกษายังเผยให้เห็นถึงช่องว่างของการนำ AI มาประยุกต์ใช้จริง โดยชี้ให้เห็นว่าแม้ผู้ขายจะตระหนักถึงความสำคัญของเทคโนโลยี AI แต่กลับประสบปัญหาในการนำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ขายไทย 100% เล็งเห็นศักยภาพของ AI ในการยกระดับประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน

อย่างไรก็ตาม ผู้ขายกว่า 88% ยอมรับว่าพนักงานยังคงเลือกใช้เครื่องมือที่คุ้นเคยมากกว่าการเปลี่ยนไปใช้โซลูชัน AI ใหม่ ๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในการเปลี่ยนผ่านจากระบบการทำงานแบบที่คุ้นเคย สู่การปรับมาใช้โซลูชัน AI ในการดำเนินธุรกิจ

เปิดอินไซท์ผู้ค้าไทย ใช้ AI อย่างไร

ในระดับภูมิภาค อินโดนีเซีย และเวียดนาม เป็นผู้นำในการประยุกต์ใช้ AI ในธุรกิจ ด้วยอัตราการใช้งาน 42% ของกระบวนการดำเนินธุรกิจทั้งหมด ตามด้วยสิงคโปร์และไทยที่มีอัตราการใช้งานอยู่ที่ 39%

รายงานยังได้วิเคราะห์การนำ AI มาใช้ใน 5 ส่วนหลักในการดำเนินธุรกิจ ได้แก่ การจัดการการดำเนินงานและโลจิสติกส์ การบริหารจัดการสินค้า การตลาดและการโฆษณา การบริการลูกค้า และการบริหารจัดการบุคลากร โดยได้แบ่งผู้ขายออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้

  • มือโปรด้าน AI (AI Adepts): ผู้ขายที่ประยุกต์ใช้ AI ในอย่างน้อย 80% ของกระบวนการดำเนินธุรกิจ และถือเป็นกลุ่มผู้นำของการใช้งาน AI โดยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีผู้ขายเพียง 1 ใน 4 (24%) ที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้
  •  มือใหม่ด้าน AI (AI Aspirants): ผู้ขายที่นำ AI มาใช้ในการดำเนินธุรกิจบางส่วน แต่ยังคงพบกับความท้าทายในการใช้งานในส่วนที่สำคัญ โดย 50% ของผู้ขายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จัดอยู่ในกลุ่มนี้
  •  มือดั้งเดิม ไม่แตะ AI (AI Agnostics): ผู้ขายที่ยังไม่มีการนำ AI มาใช้ในการดำเนินธุรกิจ โดย 26% ของผู้ขายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้

เมื่อพิจารณาภาพรวมของภูมิภาค ผู้ขายส่วนใหญ่ (76%) จัดอยู่ในกลุ่มมือใหม่ด้าน AI (AI Aspirants) และมือดั้งเดิม ไม่แตะ  (AI Agnostics) ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความต้องการโซลูชันด้าน AI ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วย AI (42%) และการสนับสนุนผู้ขายอย่างครบวงจรยิ่งขึ้น (41%)

ไทยมีกลุ่มมือโปรด้าน AI มากที่สุดในภูมิภาค

ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่า ประเทศไทยมีผู้ขายที่อยู่ในสัดส่วนของกลุ่มมือโปรด้าน AI (AI Adepts) มากที่สุดในภูมิภาค โดยมีผู้ขาย 30% ที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้ ซึ่งลาซาด้าเผยว่า เป็นผลจากความเชื่อมั่นและการยอมรับในเทคโนโลยีของผู้ประกอบการ และโครงสร้างพื้นฐานที่สนับสนุนการใช้งาน AI ซึ่งช่วยให้กระตุ้นการใช้ AI อย่างเป็นรูปธรรม โดยมีการนำ AI มาใช้สูงสุดในการจัดการดำเนินธุรกิจและงานด้านโลจิสติกส์ ด้วยอัตราการใช้งานสูงถึง 42% โดยเฉพาะในกระบวนการที่ซับซ้อน เช่น การคืนสินค้าและการคืนเงิน รวมถึงการติดตามสินค้า ซึ่งได้มีการนำระบบอัตโนมัติมาใช้แล้ว

ในขณะที่การนำ AI มาใช้ในด้านการตลาดและการบริหารจัดการด้านสินค้ายังคงมีอัตราการใช้งานที่ต่ำกว่า (38%) ซึ่งชี้ให้เห็นว่า ฟังก์ชันที่ช่วยวิเคราะห์การรีวิวจากลูกค้า และการใช้ AI เข้ามาช่วยสร้างสรรค์งานโฆษณา ถือเป็นด้านที่ผู้ขายต้องการการสนับสนุนเพิ่มเติม

เพื่อให้ผู้ขายเข้าใจการใช้งาน AI มากขึ้น ทางลาซาด้าได้เปิดตัว “คู่มือการเตรียมพร้อมด้าน AI สำหรับผู้ขายออนไลน์ (Online Sellers Artificial Intelligence Readiness Playbook)เพื่อแนะแนวทางเชิงกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับระดับความพร้อมด้าน AI ของผู้ขายแต่ละรายเพิ่มเติม 

ด้านคุณเจมส์ ตง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลาซาด้า กรุ๊ป กล่าวปิดท้ายว่า “รายงานของเราเผยให้เห็นถึงช่องว่างที่น่าสนใจในอีโคซิสเต็มของอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แม้ว่าผู้ขายส่วนใหญ่จะเข้าใจถึงศักยภาพของ AI แต่หลายคนก็ยังเพิ่งเริ่มต้นทำความเข้าใจเทคโนโลยีนี้ ในฐานะแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ลาซาด้า มุ่งมั่นที่จะสนับสนุนให้ผู้ขายสามารถต่อยอดความรู้ด้าน AI ไปสู่การใช้งานจริง ผ่านการพัฒนาโซลูชัน AI ที่ตอบโจทย์ความท้าทายของผู้ขายในแต่ละตลาดที่กำลังเผชิญอยู่ เพื่อทำให้เทคโนโลยีเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ โดยไม่จำกัดอยู่เพียงผู้ขายรายใหญ่หรือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทางเทคนิคเท่านั้น”

 


แชร์ :

You may also like