ข้อมูลจากบริษัทวิจัยตลาด eMarketer ชี้ว่าภูมิภาค เอเชียแปซิฟิกครองฐานผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียทั่วโลก ด้วยจำนวนผู้ใช้รวมกว่า 2.3 พันล้านคน ซึ่งคนเหล่านี้ไม่เพียงใช้งานโซเชียลมีเดีย แต่ยังทำธุรกิจอยู่บนนั่นด้วย Meta ยักษ์ใหญ่ในโลกโซเชียล จึงขอเปิด 5 เทรนด์สำคัญที่ธุรกิจไทยควรให้ความสำคัญในปี พ.ศ. 2568 เพื่อให้ธุรกิจเชื่อมต่อกับลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
1. Generative AI
Meta พบว่ามีผู้ใช้งานเครื่องมือสร้างสรรค์โฆษณาด้วย Generative AI เพิ่มขึ้นโดยผู้โฆษณามากกว่า 1 ล้านรายทั่วโลกใช้เครื่องมือเหล่านี้เป็นประจำเพื่อพัฒนาผลงาน ส่งผลให้มีชิ้นงานโฆษณามากกว่า 15 ล้านโฆษณาด้วยเครื่องมือเอไอของ Meta ในช่วงเดือนสิงหาคม 2567 เพียงเดือนเดียว
ทั้งนี้ 30% ของลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของ Meta ในเอเชียแปซิฟิกและประเทศไทยได้ใช้เครื่องมือเอไอของ Meta ในการสร้างพื้นหลัง (Background Generation) ของงาน
นอกจากนี้ ยังพบว่าแคมเปญโฆษณาระดับโลกที่ใช้ฟีเจอร์การสร้างรูปภาพ (Image Generation) ของ Meta มี Click-through Rate (CTR) กล่าวคือมีผู้คลิกดูโฆษณา โดยเฉลี่ยสูงขึ้น 11% และ Conversion Rate (CVR) หรือสามารถปิดการขายได้สูงขึ้น 7.6% เมื่อเทียบกับแคมเปญที่ไม่ได้ใช้เครื่องมือเหล่านี้ และ Meta มีการเปิดตัว 2 ฟีเจอร์ Generative AI ใหม่สำหรับวิดีโอ ได้แก่ การขยายความละเอียดวิดีโอ และการสร้างภาพแอนิเมชันเพื่อสนับสนุนธุรกิจตลอดกระบวนการสร้างโฆษณาด้วย
2. การส่งข้อความเชิงธุรกิจ (Business Messaging)
เทรนด์การสื่อสารกับธุรกิจผ่านข้อความเป็นหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดที่สุด เมื่อพวกเขานิยมติดต่อกับธุรกิจผ่านแชทเช่นเดียวกับที่ติดต่อกับเพื่อนและครอบครัวมากขึ้น Meta พบว่าเทรนด์นี้เกิดขึ้นทั่วโลก โดยผู้คนมากกว่า 1 พันล้านคนพูดคุยกับแบรนด์หรือธุรกิจผ่าน Messenger, Instagram และ WhatsApp ทุกสัปดาห์ เห็นได้ชัดในเอเชียแปซิฟิก โดยผู้บริโภคอย่างน้อย 1 ใน 3 แชทกับธุรกิจสัปดาห์ละครั้ง ประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในผู้นำในเทรนด์ โดย 9 ใน 10 ของผู้บริโภคชาวไทยสื่อสารกับธุรกิจผ่านแอปพลิเคชันแชทระหว่างการซื้อสินค้า และ 75% ของผู้บริโภคพิจารณาว่าการส่งข้อความทางธุรกิจมีผลกระทบอย่างมากต่อการตัดสินใจซื้อ
รายงานเทรนด์โซเชียลล่าสุดจาก eMarketer สะท้อนให้เห็นถึงข้อมูลที่ว่าผู้คนมีแนวโน้มที่จะแบ่งปันเนื้อหาบนโซเชียลและคุยกันผ่านการส่งข้อความส่วนตัวมากกว่าการโพสต์แบบสาธารณะ โดยการแบ่งปันแบบส่วนตัว (private sharing) บนแพลตฟอร์มของ Meta เติบโตขึ้น 100% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
3. ครีเอเตอร์
ครีเอเตอร์กลายเป็นผู้ประกอบการยุคใหม่ที่สร้างโมเดลธุรกิจที่ขยายตัวได้ผ่านการร่วมงานเชิงกลยุทธ์กับแบรนด์ในประเทศและระดับโลก ความสำเร็จนี้เป็นผลจากการที่ครีเอเตอร์นำเสนอตัวตนพวกเขาอย่างจริงใจ ซึ่งทำให้ผู้บริโภคเชื่อใจได้ และยังช่วยเสริมสร้างความไว้วางใจและการตัดสินใจซื้อของลูกค้าให้กับแบรนด์ต่าง ๆ อีกด้วย เพราะเหตุนี้ งานวิจัยล่าสุดจากบริษัทการธนาคารเพื่อการลงทุน Goldman Sachs จึงคาดการณ์ว่า มูลค่าของเศรษฐกิจครีเอเตอร์ระดับโลกอาจแตะถึง 4.8 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2570
Meta เผยด้วยว่า 53% ของผู้คนมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้ามากขึ้นหากสินค้านั้นได้รับการโปรโมทโดยครีเอเตอร์ใน Reels นอกจากนี้ งานวิจัยอีกชิ้นจาก Meta ยังพบว่า 70% ของคนไทยพบสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ผ่านโซเชียลมีเดียทุกวัน โดย 75% ในกลุ่มนั้นเปิดเผยว่าคำแนะนำสินค้าจากครีเอเตอร์เป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลมากที่สุดในการตัดสินใจซื้อสินค้า
ล่าสุด Meta กำลังรวมเครื่องมือโฆษณาพันธมิตรทั้งหมดไว้หน้าเดียวกันใน Ads Manager ที่เรียกว่า Partnership Ads Hub เพื่อให้แบรนด์และนักโฆษณาสามารถนำครีเอเตอร์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การโฆษณาได้สะดวกและง่ายที่สุด เครื่องมือนี้จะช่วยให้แบรนด์ตั้งค่าโฆษณาที่ทำร่วมกัน และจัดการเนื้อหาของพาร์ทเนอร์ได้ รวมถึงแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
4. วิดีโอ
Insider Intelligence คาดการณ์ว่าเวลาที่ใช้ในการรับชมโทรทัศน์และคอนเทนต์วิดีโอในปี 2025 จะมีเพิ่มขึ้น 15% ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ส่วนเวลาที่ใช้ในการดูวิดีโอบน Instagram และ Facebook ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยจากข้อมูลของ Meta เผยว่า 60% ของเวลาที่ใช้บนทั้งสองแพลตฟอร์มถูกใช้ไปกับคอนเทนต์วิดีโอ เช่น Reels ซึ่งมีผลต่อการซื้อสินค้า โดยงานวิจัยล่าสุดเผยว่า สองในสามของผู้บริโภคในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกตัดสินใจซื้อสินค้าหลังจากดู Reels และ 71% ของผู้บริโภคในประเทศไทยติดตามแบรนด์หลังจากได้รับชม Reel ที่มีความน่าสนใจ
อีกแนวโน้มที่น่าจับตามองคือ Livestreaming ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากการวิจัยตลาดของบริษัท Decision Lab พบว่า 73% ของผู้คนเคยดูไลฟ์สตรีมเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการ โดย 66% ตัดสินใจซื้อสินค้าที่แสดงในไลฟ์นั้น และ 81% ดูไลฟ์เพื่อจะซื้อสินค้า และ 70% ซื้อสินค้าผ่านฟีเจอร์ชอปปิงในไลฟ์
นอกจากนี้ 79% ของผู้บริโภคในประเทศไทย ดูไลฟ์อย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งครั้งและ 70% ของผู้ชมกลับมาซื้อสินค้าเดิมอย่างน้อยหนึ่งครั้ง
การเติบโตของเนื้อหาประเภทวิดีโอในทุกรูปแบบที่หลากหลายนี้ Meta จึงได้เปิดตัวแท็บวิดีโอแบบเต็มหน้าจอใหม่ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถค้นหา และรับชมวิดีโอที่พวกเขาชอบได้ง่ายขึ้นในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็น Reels วิดีโอที่ยาวขึ้น หรือไลฟ์ การเปลี่ยนแปลงบน Facebook นี้จะช่วยให้แบรนด์และนักโฆษณายังคงได้รับประโยชน์จากการลงทุนที่ใช้ AI ในการนำส่งโฆษณาและโมเดลการจัดอันดับ ซึ่งช่วยให้สามารถแสดงโฆษณาที่เกี่ยวข้องที่สุดให้กับผู้ใช้แพลตฟอร์มแต่ละคนได้ดียิ่งขึ้น
5. การค้าข้ามพรมแดน (Cross-Border Shopping)
มีการคาดการณ์ว่าการค้าข้ามพรมแดน (Cross-Border Shopping) จะมีมูลค่า 3.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2571 โดยการค้าข้ามพรมแดนออนไลน์จะช่วยผลักดันการเติบโตของธุรกิจมากกว่าการค้าปลีกในประเทศถึง 2 เท่า จากงานวิจัยประจำปีในช่วงเทศกาลในเอเชียแปซิฟิกพบว่าอย่างน้อย 50% ของนักช้อปในประเทศไทยเคยซื้อสินค้าข้ามพรมแดนช่วงลดราคาตามเทศกาลต่างๆ
นอกจากนี้ 59% ของผู้ซื้อข้ามพรมแดนทั่วโลกค้นพบสินค้าที่ถูกใจผ่านแพลตฟอร์มของ Meta และนักช้อป 41% กล่าวว่าพวกเขามีส่วนร่วมกับแบรนด์หลังการซื้อสินค้าผ่าน Meta ด้วย
การซื้อสินค้าข้ามพรมแดนไม่ได้เฟื่องฟูขึ้นจากราคาสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่ยังเกิดจากความต้องการที่จะได้ครอบครองแบรนด์ที่ไม่มีในประเทศของตน และการเข้าถึงสินค้าที่มีคุณภาพสูงกว่า โดยงานวิจัยล่าสุดของ Meta เผยว่า 71% ของผู้ซื้อสินค้าข้ามพรมแดนเปิดกว้างต่อการชอปปิงจากแบรนด์ใหม่ๆ และ 61% ต้องการมีตัวเลือกสินค้าที่หลากหลายมากขึ้น