HomeBig Featured3 กลยุทธ์ ‘ช่อง 3’ เร่งสร้างรายได้ครึ่งปีหลัง ชูไฮไลต์ละครฟอร์มยักษ์-รายการข่าว เกาะกระแสการเมือง

3 กลยุทธ์ ‘ช่อง 3’ เร่งสร้างรายได้ครึ่งปีหลัง ชูไฮไลต์ละครฟอร์มยักษ์-รายการข่าว เกาะกระแสการเมือง

แชร์ :

เกือบครบ 3 ปีที่ คุณสุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์ คัมแบ็คช่อง 3 ในตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจทีวี โดยเริ่มงานวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 พร้อมประกาศวิชั่นใหม่ทรานส์ฟอร์ม ช่อง 3 ไม่ได้เป็นแค่ “ทีวี” อีกต่อไป แต่เป็นผู้ผลิตคอนเทนต์รายใหญ่ทุกแพลตฟอร์ม ด้วยกลยุทธ์ Single Content Multiple Platform กับโอกาสสร้างรายได้จากทุกช่องทาง

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

เป็นจังหวะเดียวกับการคืนจอของนักเล่าข่าวชื่อดัง คุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา กลับมาเป็นที่ปรึกษาฝ่ายข่าว ช่อง 3 และผู้ประกาศข่าว 2 รายการ คือ เรื่องเล่าเช้านี้ และ เรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2564 เรียกเรตติ้งช่อง 3 กลับมาคึกคักอีกครั้ง

นั่นทำให้ บมจ.บีอีซี เวิลด์ หรือ BEC เจ้าของสถานีโทรทัศน์ ช่อง 3 ฟื้นตัวจากธุรกิจทีวีดิจิทัล หลังขาดทุนในปี 2562-2563 กลับมาทำกำไรต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2563 ถึงปัจจุบัน

โดยปี 2565 BEC มีรายได้รวม 5,114  ล้านบาท ลดลง 10% เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 5,680 ล้านบาท ส่วนผลกําไรสุทธิ ปี 2565 อยู่ที่ 607 ล้านบาท ลดลง 20% จากปี 2564

ช่วงไตรมาส 1 ปี 2566  มีรายได้รวม 996 ล้านบาท ลดลง 19.7% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน แม้ BEC ยังมีกำไร แต่เหลือ 3.7 ล้านบาท ลดลง 97.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 173.8 ล้านบาท

ช่อง 3 วาง 3 กลยุทธ์เร่งสร้างรายได้ปีนี้โตสองหลัก

ตามดูทิศทางธุรกิจช่อง 3 ครึ่งปีหลังจาก คุณสุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์  กรรมการผู้อำนวยการ สายธุรกิจโทรทัศน์ บมจ.บีอีซี เวิลด์ ผู้บริหาร ช่อง 3 ที่วางเป้าหมายรายได้เติบโตเป็นตัวเลข “สองหลัก” ในปีนี้ โดยมี 3 กลยุทธ์หลักๆ

1. ส่งละครฟอร์มยักษ์โกยรายได้โฆษณาทีวี 

– ไตรมาสแรกปีนี้ รายได้โฆษณาทีวี ช่อง 3 ถือว่าต่ำกว่าปกติ เนื่องจากไม่มีดีมานด์ในตลาด จากภาวะเศรษฐกิจที่ได้รับแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูงทั่วโลก รวมทั้งสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศก่อนการเลือกตั้งทั่วไป ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุนและการใช้จ่ายของภาคเอกชนและภาคครัวเรือน ทำให้หลายธุรกิจชะลอการใช้เม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อ รวมทั้งสื่อทีวี  ทำให้ช่อง 3 ต้องนำ “ละครรีรัน” มาออกอากาศแทนละครใหม่เพื่อลดต้นทุน

– ช่วงไตรมาส 2 แนวโน้มกำลังซื้อเริ่มกลับมา ช่อง 3 เริ่มนำละครใหม่ฟอร์มยักษ์ “หมอหลวง” ที่นำแสดงโดย มาริโอ้ เมาเร่อ และ คิมเบอร์ลี่ มาออกอากาศ เป็นละครที่เรตติ้งดีตั้งแต่ตอนแรก ตัวเลขเฉลี่ยผู้ชมในกรุงเทพฯ และหัวเมือง ซึ่งเป็นฐานผู้ชมหลักของช่อง 3  ละครหมอหลวง ทำเรตติ้งทุกตอนได้ 6-7  ถือเป็นละครที่ทำเรตติ้งได้สูงสุดในรอบ 3 ปี  และขายเวลาโฆษณาได้เต็ม 100%

– ครึ่งปีหลังช่อง 3 เตรียมนำละครฟอร์มยักษ์มาออนแอร์ต่อเนื่อง เริ่มที่ไตรมาส 3 กับละคร “เกมรักทรยศ”  นำแสดงโดย  แอน ทองประสม, อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม และแพทริเซีย กู๊ด เป็นละครที่ช่อง 3 ซื้อลิขสิทธิ์ซีรีส์ดังเรื่อง Doctor Foster จาก BBC Studios มาสร้างเป็นละครเวอร์ชันไทย  ซีรีส์เรื่องนี้มีการซื้อลิขสิทธิ์ไปผลิตแล้วกว่า 10 ประเทศ รวมทั้งเวอร์ชันเกาหลีใต้ ในชื่อ The World of the Married ซึ่งมีเรตติ้งสูงสุดในประวัติศาสตร์เคเบิลทีวีของเกาหลีใต้

– สำหรับ Doctor Foster ในเวอร์ชันไทย “เกมรักทรยศ” ซึ่งเป็นบทละครที่ได้รับความนิยมในหลายประเทศ มีแนวโน้มที่จะสร้างเรตติ้งได้สูง ทำให้มีสินค้าสนใจใช้เป็นช่องทางการสื่อสารแบรนด์ ช่อง 3 จึงสร้างละครนี้ในรูปแบบ Branded Content ดึงสินค้าเข้ามาเป็นสปอนเซอร์ไปกับเนื้อหาละคร เพราะมีสินค้าหลายประเภทที่เชื่อมโยงไปกับการใช้ชีวิตของตัวละคร เช่น รถยนต์ เมื่อละครออนแอร์สินค้าที่เป็นสปอนเซอร์ ก็จะมาซื้อสปอตโฆษณาละครด้วย  กลยุทธ์นี้จึงสร้างรายได้หลายช่องทาง  และเป็นทิศทางใหม่การทำละครของช่อง 3 หลังจากนี้

– อีกละครฟอร์มยักษ์ที่จะออกอากาศในไตรมาส 3 ปลายเดือนกันยายน-ตุลาคม คือ “พรหมลิขิต” หรือ บุพเพสันนิวาส 2  นำแสดงโดย โป๊ป ธนวรรธน์ และ เบลล่า ราณี คาดว่าจะทำเรตติ้งได้สูงเช่นเดียวกับ บุพเพสันนิวาส เพราะการทำคอนเทนต์ที่ดี ก็จะได้ทั้งเรตติ้งและเม็ดเงินโฆษณา

– การมีละครฟอร์มยักษ์ออนแอร์ในครึ่งปีหลัง ช่อง 3 มีโอกาสสร้างรายได้โฆษณามากขึ้น หากเป็นละครปกติอัตราการใช้เวลาโฆษณา (utilization rate) จะอยู่ที่ 70-75%  แต่หากเป็นละครฟอร์มยักษ์ อย่าง หมอหลวง ทำได้เต็ม 100%  คาดว่าเรื่องอื่นๆ ที่จะออกอากาศในครึ่งปีหลังก็จะทำได้ในอัตราเดียวกัน

– ปีนี้ ช่อง 3 วางแผนผลิตละคร 25 เรื่อง ใช้งบลงทุนด้านคอนเทนต์ 2,000-3,000 ล้านบาท

2. ดันรายการข่าวเกาะกระแสการเมืองกวาดเรตติ้ง

– ปัจจุบันรายได้ ช่อง 3 มาจากประเภทรายการดังนี้ 1. ละคร  2. ข่าว 3. วาไรตี้ และ 4. อื่นๆ เช่น เช่าเวลา ขายสินค้า ทีวี ช้อปปิ้ง

– ไตรมาสแรกปีนี้ พบว่า “รายการข่าว” ที่ได้รับความนิยมต่อเนื่อง หลังจากคุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา คืนจอจัดรายการ 7 วันต่อสัปดาห์ นอกจากนี้ยังมีรายการข่าวของผู้ประกาศดังอีกหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็น เที่ยงวันทันเหตุการณ์, โหนกระแส โดย หนุ่ม กรรชัย , ข่าว 3 มิติ  โดย กิตติ สิงหาปัด  ทำให้สัดส่วนรายได้จากรายการข่าวอยู่ที่ 36%  จากปีก่อนอยู่ที่  27-28%  (ขณะที่สัดส่วนรายได้จากละครอยู่ที่ 51%  ปีก่อนอยู่ที่ 53-54%)

Sorayuth CH3 สรยุทธ เรื่องเล่า

– ช่วงไตรมาส 2 ที่อยู่ในช่วงเลือกตั้ง ช่อง 3 ทำรายการดีเบตรวม 11 ครั้ง ทั้งในสตูดิโอ และนอกสถานที่ โดยมี คุณสรยุทธ, คุณกรรชัย และคุณกิตติ เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยเป็นรายการดีเบตที่มีผู้ชมสูงสุดและขายเวลาโฆษณาได้เต็ม 100%

– ในครึ่งปีหลังที่อยู่ในช่วงจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ทำให้มีผู้ชมสนใจดูข่าวการเมืองมากขึ้น  รายการข่าวของช่อง 3 จึงมีโอกาสทำเรตติ้งและขายเวลาโฆษณาได้เพิ่มขึ้น  ปัจจุบันอัตราการใช้เวลารายการข่าวอยู่ที่ 70-80% ซึ่งถือว่าดีมากเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม หากมีการใช้เวลาโฆษณาเต็ม ก็มีโอกาสขยับราคาโฆษณาเพื่อสร้างรายได้เพิ่มขึ้นด้วย คาดว่าทั้งปี 2566 สัดส่วนรายได้ข่าวจะอยู่ที่ 31% (ละคร อยู่ที่ 55%)

– สำหรับการจัดรายการข่าวออนไลน์ ของคุณสรยุทธ หลังจากจบช่วงเวลาออกอากาศทางทีวีแล้ว เป็นรูปแบบคุยนอกจอ ซึ่งจะช่วยสร้างการรับรู้ให้รายการข่าวทางทีวีมากขึ้น โดยกลุ่มคนที่ดูทีวีส่วนใหญ่ อายุ 30 ปีขึ้นไป ส่วนกลุ่มที่ดูออนไลน์มีทุกวัย หลักๆ เป็นคนรุ่นใหม่

3. ขายลิขสิทธิ์ละคร ปั้นดิจิทัลแพลตฟอร์ม ลุย IMC 

– หากดูแหล่งรายได้ BEC ปัจจุบันมาจากโฆษณาทีวี 85%  ขายลิขสิทธิ์และดิจิทัลแพลตฟอร์ม 15%  ภายใน 3-5 ปีจากนี้วางสัดส่วนรายได้ใหม่ มาจาก โฆษณาทีวี 70%   ขายลิขสิทธิ์และดิจิทัลแพลตฟอร์ม 25%  และอื่นๆ เช่น หนัง ค่ายเพลง IMC 5%

– ธุรกิจขายลิขสิทธิ์ละครไปต่างประเทศ (Global Content Licensing) ทั้งแบบออกอากาศสด (Simulcast) พร้อมช่อง 3 ,การขายลิขสิทธิ์ให้แพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง (ดูย้อนหลังภายใน 2 ชั่วโมงหลังออนแอร์ช่อง 3) และการขายละครสำเร็จรูป (ดูย้อนหลัง) ปัจจุบันเข้าไปทำตลาดแล้ว  20-30 ประเทศในทุกทวีป ธุรกิจในกลุ่มนี้มีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะละครฟอร์มยักษ์ อย่าง “หมอหลวง”  ขายลิขสิทธิ์ให้แพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง เช่น Netflix , VIU  ไปแล้วกว่า 10 ประเทศ  ปีนี้ช่อง 3 มีคอนเทนต์ละครกว่า 40 เรื่องที่จะไปทำตลาดขายลิขสิทธิ์

– สำหรับดิจิทัล แพลตฟอร์มของ ช่อง 3 อย่าง 3 Plus (ดูฟรี) มีฐานผู้ชมกว่า 10 ล้านราย  และ 3 Plus Premium สมัครสมาชิก ปัจจุบันมี 80,000 ราย  ปีนี้ทำแคมเปญร่วมกับ AIS คาดว่าจะได้ฐานสมาชิก 1 แสนราย หากรวมสมาชิกทุกช่องทางปีนี้อยู่ที่ 3 แสนราย

– นอกจากนี้ช่อง 3 ยังเดินหน้าขยายธุรกิจใหม่ๆ  อย่าง ภาพยนตร์, ค่ายเพลง ต่อเนื่อง เพราะ ช่อง 3 มีนักแสดงในสังกัดจำนวนมาก ที่สามารถต่อยอดสร้างผลงานบันเทิงตามความสามารถของแต่ละคน อย่าง โบว์ เมลดา  feat. LIPTA กับเพลง แฟนผมน่ารัก (CUTE) ที่มียอดวิวยูทูบกว่า 30 ล้านวิว  รวมทั้งการผลิตคอนเทนต์ภายใต้ BEC Studio

– อีกธุรกิจที่เตรียมขยายเพิ่มเติม คือ IMC หรือ Integrated Marketing Communication เป็นการทำการตลาดและสื่อสารครบวงจรให้กับสินค้าและแบรนด์ต่างๆ โดยใช้ สื่อ, คอนเทนต์, ดิจิทัล แพลตฟอร์ม รวมทั้งดารานักแสดงช่อง 3 โดยให้บริการบริหารศิลปิน (artist management) เต็มรูปแบบ ทั้งการเป็นนักแสดง ออกอีเวนท์ พรีเซ็นเตอร์

แม้ไตรมาสแรกการใช้จ่ายในอุตสาหกรรมสื่อยังไม่กระเตื้องจากภาวะเศรษฐกิจและทิศทางการเมือง แต่คาดว่าครึ่งปีหลังจะเห็นภาพการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ชัดเจนขึ้น ทำให้แบรนด์ต่างๆ กลับมาใช้งบโฆษณาและทำตลาดอีกครั้ง นั่นเป็นโอกาสของคอนเทนต์ที่ดี ที่จะได้เม็ดเงินจากลูกค้า     

อ่านเพิ่มเติม


แชร์ :

You may also like