การทำธุรกิจยุคใหม่ ที่หลายองค์กรพูดถึงแนวทางการ การลงทุนอย่างยั่งยืน (Sustainable Investment) ที่ไม่ใช่เพียงแค่ผลประโยชน์ขององค์กร หากแต่คือการทำธุรกิจที่คำนึงถึงการอยู่ร่วมกันของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความมั่นคงแก่องค์กรในอนาคต “เซ็นทรัลพัฒนา” ผู้นำอสังหาริมทรัพย์ของไทยที่พัฒนาทั้งศูนย์การค้า, ที่อยู่อาศัย, โรงแรม และออฟฟิศชั้นนำทั่วประเทศ จึงเดินหน้าโครงการดีๆ เพื่อสังคม ชุมชน และประเทศอย่างต่อเนื่อง
ย้อนไป 20 ปีที่ผ่านมา “เซ็นทรัลพัฒนา” คือกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ที่ริเริ่มเส้นทางสายความยั่งยืน เริ่มจากภายทั้งในองค์กรด้วยการลงทุนตามแนวทาง ESG ใน 3 มิติหลัก ได้แก่ มิติสิ่งแวดล้อม, สังคม และธรรมาภิบาล โดยมีรูปแบบและกลยุทธ์การลงทุนที่หลากหลาย ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ
เมื่อ “สิ่งแวดล้อม” เข้ามามีบทบาทสำคัญในการดำเนินธุรกิจ ที่ทั่วโลกไปจนถึงหน่วยงาน องค์กรระดับโลกต่างให้ความสำคัญมาต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญดังกล่าวได้กำหนดให้ “รักษ์โลก ลดพลาสติก” #BeatPlasticPollution เป็นธีมสำหรับวันสิ่งแวดล้อมโลกของปีนี้ เพื่อมุ่งเน้นไปที่การแก้ปัญหามลพิษจากพลาสติก ที่ใช้เวลาย่อยสลายนานถึง 450 ปี และเป็นสาเหตุสำคัญของปัญหาก๊าซเรือนกระจก รวมถึงมลพิษต่างๆ ทั่วโลก
#จากแนวคิดรักษ์โลก สู่งานกรีนเอ็กซ์โป “Better Futures Project” บทพิสูจน์ความสำเร็จบนเส้นทางสีเขียว
ล่าสุดทาง “เซ็นทรัลพัฒนา” เลือกสื่อสารเพื่อเล่าเรื่องความยั่งยืนให้ “ย่อยง่าย” ผ่านบิ๊กโปรเจกต์ “Better Futures Project” ที่ร่วมรณรงค์ให้ความรู้ไปจนถึงการสร้างสรรค์แรงบันดาลใจ ตีคู่มาพร้อมความสนุกเกี่ยวกับมาตรการรักษ์โลกต่างๆ พร้อมชูนวัตกรรมด้านพลังงานทดแทน ทั้งโซลาร์เซล อีวีชาร์จเจอร์ รถไฟฟ้า สินค้าและบริการสำหรับสายรักษ์โลกไว้ในงานเดียว ใจกลางกรุงเทพฯ ให้ทุกคนได้เรียนรู้ ทดลองเล่น และลงมือทำ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในชีวิตประจำวัน เพื่อสร้าง “Better Effect” สำหรับโลก
ความสำเร็จของงานกรีนเอ็กซ์โป “Better Futures Project” ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา คือบทพิสูจน์เป้าหมาย Net Zero ของ “เซ็นทรัลพัฒนา” ที่ต้องการต่อยอดการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน สื่อสารผ่านการใช้ชีวิตประจำวัน รองรับไลฟ์สไตล์แบบครบถ้วนทั้ง Eat-Shop-Work-Play-Stay-Live ในการร่วมปลี่ยนแปลงให้โลกดีขึ้น ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ร้านค้าผู้เช่า และพันธมิตรจากหลากหลายวงการเข้ามาทดลองเพื่อนำไปปรับใช้ผ่านคีย์ไฮไลท์ ได้แก่
Better Stories: เล่าเรื่องผ่าน Art Book of Betterment นำเสนอเรื่องความยั่งยืนให้เป็นเรื่องใกล้ตัวและน่ารัก
Better Workplace: พื้นที่สำหรับหนุ่มสาวออฟฟิศรุ่นใหม่ที่ centralwOrld Offices กับกิจกรรมเสวนาและเวิร์กช็อปจากพันธมิตรชื่อดังด้านการจัดการพลังงานและขยะอย่างครบวงจร
Better Environment: บูธสุดยิ่งใหญ่จากการไฟฟ้านครหลวงที่จะมาแชร์ทริคประหยัดไฟ และ ไอเดียลดค่าไฟในบ้านที่คุณไม่เคยรู้มาก่อน พร้อมด้วยบริการต่างๆ ที่ครบครัน แบบ One stop service
Better EV: เปิดตัวยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ถึง 2 รุ่น จาก Lexus และ Volvo พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษที่มามอบให้คุณที่งานนี้งานเดียว
Better Choice & Better Style: สินค้าและบริการมากมายสำหรับสายรักษ์โลก พร้อมเผยความสำคัญของอุตสาหกรรม BCG (Bio-Circular-Green Economy) อาทิ Unilqlo, Anello, Body Shop, Yves Rocher, Axxa และอื่นๆ อีกมากมาย
ความสำเร็จดังกล่าวยังจะมีแผนโรดโชว์ที่สาขาอื่นๆ เช่น เซ็นทรัล พระราม 9 และพิษณุโลก, งานกรีนมาร์เก็ต ที่จะสร้างการรับรู้มากมาย
สำหรับ Journey to NET Zero 2050 ของเซ็นทรัลพัฒนามีความก้าวหน้าต่อเนื่องตามแผนในด้านต่างๆ อาทิ Energy การใช้พลังงานสะอาด ติดตั้ง Solar Rooftop สำเร็จแล้ว 50% ของจำนวนศูนย์การค้าทั้งหมด โดยในปี 2024 จะติดตั้งให้ครบทุกสาขา 100%, Water ลดการใช้น้ำ ใช้น้ำซ้ำ และนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ พร้อมติดตั้งระบบผลิตน้ำรีไซเคิล จำนวนรวม 19 โครงการ, Waste สามารถแปลงขยะเพื่อลดปริมาณขยะฝังกลบได้ปริมาณกว่า 18,000 ตัน สัมฤทธิ์ผลที่ร้อยละ 127 เทียบกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ และ Air ดูแลคุณภาพอากาศให้ได้มาตรฐาน และยกระดับมาตรการ PM2.5 เป็นต้น
พร้อมเผย Sustainability Story ของเซ็นทรัลพัฒนา ได้แก่
- Renewable Energy: ผลิตกระแสไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ได้ 19 เมกะวัตต์ จากการติดตั้ง Solar Rooftop, Solar Carpot และ Solar Street Light ตั้งเป้าภายในปี 2024 ผลิตได้ 39 เมกะวัตต์
- Green Space & Forestation: ปลูกป่าซับคาร์บอนไปแล้ว 100,000 ต้น จากเป้าหมายปลูกป่าให้ประเทศไทย 1,000,000 ต้นในปี 2050
- Water Saving: รีไซเคิลน้ำได้มากกว่า 500 ล้านลิตรต่อปี หรือเทียบเท่าสระว่ายน้ำโอลิมปิก 220 แห่ง
- Waste Segregation: คัดแยกขยะได้ร่วม 20,000 ตันต่อปี จากโครงการ Journey to zero และการติดตั้ง Recycle Station เป็นจุดรับขยะแยก ตอบรับทั้งช้อปเปอร์ และ ร้านค้า พร้อมขยายจุดติดตั้งรวมกว่า 15 สาขาภายในปีนี้ มากที่สุด และเบอร์ 1 ในกลุ่มศูนย์การค้าไทย
- EV Charging Station: ติดตั้งแล้ว 495 ช่องจอด นับเป็นจำนวนมากที่สุดและเป็นเบอร์ 1 ในกลุ่มศูนย์การค้าของไทย
# “Green Partnership” ไม่ใช่แค่องค์กรเดียว แต่คือการสร้าง The Ecosystem for All ของการอยู่อาศัยร่วมกัน
ภายใต้กรอบการลงทุน 5 ปีจากนี้ “เซ็นทรัลพัฒนา” ใช้งบกว่า 10,000 ล้านบาท ลงทุนด้าน Sustainability ครอบคลุมทั้งมิติ People และ Planet ผ่านโปรเจกต์ใหม่ๆ หนึ่งในนั้น คือการปั้นศูนย์การค้ารักษ์โลกที่มีส่วนในการช่วยลดปริมาณคาร์บอน โดยเลือกนำร่องในส่วนของธุรกิจศูนย์การค้าซึ่งเป็นขาธุรกิจหลัก ดังนั้นจึงเริ่มจากการพัฒนาศูนย์การค้าในรูปแบบ Low Carbon Mall หรือต้นแบบสาขารักษ์โลก ทั้งนี้จะนำร่องเป็นแห่งแรก ที่ศูนย์การค้า “เซ็นทรัล เวสต์วิลล์” (Central WestVille) มิกซ์ยูสแห่งใหม่ล่าสุดมูลค่ากว่า 6,200 ล้านบาทที่จะเปิดตัวราวไตรมาส 4 นี้
ฉะนั้นเส้นทางของ “เซ็นทรัลพัฒนา” นับจากนี้คือการให้ความสำคัญในเรื่อง “Green Partnership” ร่วมกันภายในโครงการ สู่เป้าหมาย Net Zero 2050 ด้วยการจับมือร่วมกับพันธมิตรจากหลากหลายวงการ อย่างการจับมือเมื่อเร็วๆ นี้กับเอสซีจี ร่วมลงนาม MOU ในโครงการต้นแบบ Framework Pathway to Net Zero Building Guideline ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ในการจัดทำแผนแม่บทเพื่อลดการปลดปล่อยก๊าชเรือนกระจกเพื่อมุ่งสู่ NET ZERO ในปี 2050 โดยมีโครงการนำร่องได้แก่ เซ็นทรัล เวสต์วิลล์, แจ้งวัฒนะ, พัทยา, อยุธยา, นครปฐม, และนครสวรรค์”
หมุดหมายของ “เซ็นทรัลพัฒนา” ไม่ใช่เพียงการเดินหน้าเพื่อสร้าง Ecosystem ของตัวเอง หากแต่คือการจับมือกับ Partnership การสร้าง The Ecosystem for All ที่สมบูรณ์แบบ โดยใน 5 ปีข้างหน้าจะต้องมีประชากร 1.8 ล้านคนที่เข้ามาอาศัยและใช้ชีวิตอยู่ในโครงการต่างๆของเซ็นทรัล โดยให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมในทุกกระบวนการของการพัฒนาโครงการและธุรกิจในเครือ ทั้งศูนย์การค้า, ที่อยู่อาศัย, โรงแรม และอาคารสำนักงาน รวมไปถึงยังได้ริเริ่มโครงการความร่วมมือกับพันธมิตร และแคมเปญรักษ์โลกอย่างต่อเนื่อง