ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย “เรียลแอสเสท” ของตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจ เดินหน้าพัฒนาที่ดินแปลงใหญ่ 180 ไร่ ในซอยกิ่งแก้ว 29 อีกครั้งหลังชะลอไปในช่วงโควิด มองโอกาสกำลังซื้อเรียลดีมานด์ตลาดจีน ซื้อบ้านหลังที่ 2 ทั้งกลุ่มที่มาลงทุนทำธุรกิจ-ส่งลูกมาเรียนโรงเรียนนานาชาติในไทย
สำหรับที่ดิน 180 ไร่ในซอยกิ่งแก้ว 29 ถือเป็นที่ดินแปลงใหญ่สุดของ “เรียลแอสเสท” ซึ่งเริ่มพัฒนาโครงการแนวราบมาตั้งแต่ปี 2562 เริ่มด้วยทาวน์โฮม แบรนด์ “สตอรี่ส์” บางนา-สุวรรณภูมิ บนพื้นที่ 15 ไร่ จำนวน 187 ยูนิต ราคาขาย 2-4 ล้านบาท ตามด้วยทาวน์โฮมและบ้านแฝด 2 ชั้น แบรนด์ “เซนส์” บางนา-สุวรรณภูมิ บนที่ดิน 23 ไร่ จำนวน 160 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 5.99 ล้านบาท
หลังโควิดคลี่คลายปีนี้เปิดโครงการใหม่บนที่ดินซอยกิ่งแก้ว 29 อีกหนึ่งโครงการเป็นบ้านเดี่ยว แบรนด์ “วิรัณยา” บางนา-สุวรรณภูมิ บนพื้นที่ 42 ไร่ จำนวน 207 ยูนิต ราคาขายเริ่ม 6.09-8.49 ล้านบาท
โดยทั้ง 3 โครงการแรกนี้ใช้ที่ดินในการพัฒนารวม 80 ไร่ มูลค่ารวม 2,900 ล้านบาท เจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงกลางบน
โอกาสใหม่จับตลาดจีนซื้อบ้านหลังที่ 2
คุณณัฏฐพร กลั่นเรืองแสง กรรมการผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด กล่าวว่าที่ดินซอยกิ่งแก้ว 29 โซนกรุงเทพฯ ตะวันออกย่านถนนบางนา-สุวรรณภูมิ ที่มีอยู่ 180 ไร่ เป็นแปลงใหญ่สุดของบริษัท
ถือเป็นที่ดินทำเลศักยภาพ รองรับการอยู่อาศัย เนื่องจากมีความสะดวกในเรื่องของการเดินทางทั้งเข้าเมืองและออกนอกเมืองได้หลากหลายเส้นทางไม่ว่าจะเป็นมอเตอร์เวย์ ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วนกาญจนาภิเษก แอร์พอร์ต เรลลิงค์ และใช้เวลาเพียง 15 นาที ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ อีกทั้งยังเชื่อมต่อกับถนนถนนบางนา-ตราด เข้าสู่ใจกลางเมือง และโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ใกล้ศูนย์การค้าเมกา บางนา และบางกอก มอลล์ ที่กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง
หลังโควิดเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของแนวราบ เพราะบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ตอบโจทย์ทั้งการอยู่อาศัยและปรับเป็นพื้นที่ทำงาน Work From Home ได้สะดวก กลุ่มลูกค้าในทำเลนี้ คือ คนที่ทำงานสายการบิน ธุรกิจโลจิสติกส์
นอกจากนี้มีกำลังซื้อต่างชาติเข้ามามากขึ้น โดยเฉพาะตลาดจีน ไต้หวัน ฮ่องกง ที่มีการลงทุนและทำธุรกิจในประเทศไทย ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยที่เดินทางสะดวกอยู่ใกล้สนามบิน
อีกโอกาสจากตลาดจีนที่เป็นเรียลดีมานด์ คือ การซื้อบ้านหลังที่ 2 ในประเทศไทย (ซื้อผ่านนิติบุคคลและเอเยนต์) เพื่อส่งบุตรหลานมาเรียนโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทย เพราะต้องการให้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีทางเลือกด้านการศึกษา ทำให้โรงเรียนนานาชาติในประเทศไทยขยายตัวอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา
โดยโครงการแนวราบซอยกิ่งแก้ว ทำเลบางนา-สุวรรณภูมิ มีหลายโรงเรียนนานาชาติที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง เช่น โรงเรียนนานาชาติ VERSO, โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์ (SISB) ,โรงเรียนนานาชาติเบิร์คลีย์ รวมทั้งโรงเรียนบางกอกพัฒนา ถือเป็นจุดขายใหม่ของบ้านเดี่ยวในทำเลนี้
“ตั้งแต่โควิดคลี่คลาย ลูกค้าชาวจีน ไต้หวัน เริ่มมาถามหาซื้อบ้านมากขึ้น คนจีนที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย การซื้อบ้านไม่ใช่เรื่องยาก มักเลือกทำเลที่อยู่ใกล้โรงเรียนนานาชาติ ถือเป็นเรียลดีมานด์อาศัยอยู่จริง ไม่ใช่การกว้านซื้อเพื่อลงทุน”
ปัจจุบันที่ดิน 180 ไร่ ซอยกิ่งแก้ว 29 พัฒนาไปแล้ว 3 โครงการ รวม 80 ไร่ ยังเหลือที่ดินอีก 100 ไร่ ที่จะพัฒนาต่อเนื่อง โดยกำลังอยู่ระหว่างศึกษาเซ็กเมนต์ตลาดแนวราบ ซึ่งโครงการที่จะเปิดใหม่หลังจากนี้ราคาจะไม่ต่ำกว่าที่เปิดตัวไปแล้ว คือราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป เพราะราคาที่ดิน ค่าแรง วัสดุปรับขึ้นมาตลอด คาดว่าจะเริ่มทำเฟส 4-5 ในปี 2567 หากรวมมูลค่าการพัฒนาโครงการบนที่ดิน 180 ไร่นี้ คาดว่าจะอยู่ที่ 4,600 ล้านบาท
คอนโดรัชดาฯ-ห้วยขวางโกยลูกค้าจีน
ลูกค้าจีน ถือเป็นกำลังซื้อสำคัญของตลาดที่อยู่อาศัยในประเทศไทย โดยศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) สรุปภาพรวมการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมของคนต่างชาติทั่วประเทศ ในปี 2565 มีจำนวน 11,561 หน่วย เพิ่มขึ้น 41% รวมมูลค่า 59,261 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.2% โดยสัญชาติคนต่างชาติที่รับโอนกรรมสิทธิ์คอนโดสูงสุดยังเป็นชาวจีน ที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ไปแล้ว 5,707 หน่วย
โดยหนึ่งในทำเลคอนโดยอดนิยมของชาวจีน คือย่านรัชดาฯ ห้วยขวาง ซึ่งเรียลแอสเสท มีโครงการ THE STAGE Made by Me รัชดาฯ-ห้วยขวาง เป็นคอนโด High Rise ความสูง 31 ชั้น 450 ยูนิต มูลค่า 2,130 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 2.89 ล้านบาท หรือ 120,000 บาทต่อตารางเมตร โครงการนี้เคยเปิด booking online ไปแล้วครั้งหนึ่ง และเตรียมเปิดขายในวันที่ 27-28 พฤษภาคมนี้ หลังโควิดต้องถือว่าทำเลรัชดาฯ กลับมาฟื้นตัวแล้ว โครงการนี้มีดีลซื้อล็อตใหญ่จากลูกค้าจีน 50-60 ยูนิต
“ตอนนี้ห้วยขวาง มีชาวจีนมาพักอาศัยและทำธุรกิจจำนวนมาก ถือเป็นย่านการค้า ไชน่าทาวน์ 2 มีร้านค้าทุกตรอกซอกซอย คอนโดในทำเลนี้จึงมีศักยภาพที่จะทำตลาดลูกค้าจีนได้จำนวนมาก”
ปีนี้ เรียลแอสเสท เตรียมเปิดขายคอนโดอีก 2 โครงการ คือ แบรนด์ใหม่ภายใต้ชื่อ ARLO LASALLE 17 (เดิมคือโครงการ The Excel ลาซาล 17) เป็นคอนโด Low Rise 4 อาคาร บนที่ดินกว่า 4 ไร่ จำนวนห้องพักอาศัย 581 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,240 ล้านบาท โครงการนี้เป็นการเข้าซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเดิมของโครงการมาจาก บมจ.ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ หรือ ALL คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ และสามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ในช่วงต้นปี 2567 โดยจะเปิดขายในไตรมาส 3 ปีนี้ ราคา 75,000-80,000 บาทต่อตารางเมตร
อีกโครงการคือ A Space Mega 2 หลังเมกา บางนา เป็นคอนโด High Rise ที่เทกโอเวอร์จาก บมจ.อารียา พรอพเพอร์ตี้ เมื่อปี 2564 ซึ่งโครงการนี้ขายไปแล้ว 80% จากจำนวนกว่า 1,000 ยูนิต ปลายปีนี้ เรียลแอสเสทจะเริ่มตลาดเพื่อขายส่วนที่เหลืออีก 20% พร้อมโอนกรรมสิทธิ์ให้กับลูกค้าเดิม โครงการนี้มีลูกค้าต่างชาติราว 30%
ส่วนโครงการแนวราบที่เปิดในปีนี้ นอกจาก บ้านเดี่ยว “วิรัณยา บางนา-สุวรรณภูมิ” บนที่ดินซอยกิ่งแก้วแล้ว ยังมีบ้านเดียว “วีวัลดี บางนา” บริเวณซอยวัดคลองปลัดเปรียง ราคาเริ่มต้น 10-20 ล้านบาท มูลค่าโครงการกว่า 1,300 ล้านบาท และบ้านเดี่ยว “วิรัณยา รังสิต – วงแหวน” ทำเลลำลูกกา คลอง 5 ราคาขายเริ่มต้น 3 ล้านบาท มูลค่าโครงการกว่า 1,250 ล้านบาท โดยปีนี้ตั้งเป้ายอดขายรวมไว้ที่ 3,300 ล้านบาท
ทิศทางกำลังซื้อที่อยู่อาศัยปีนี้ เรียลแอสเสท มองว่ากลุ่มที่ยังมีปัญหาคือ ราคา 2-3 ล้านบาท ซึ่งลูกค้ากู้สินเชื่อไม่ผ่าน 50% ปีนี้จึงใช้กลยุทธ์ช่วยลูกค้าในกลุ่มนี้ด้วยการเข้ามาดูแลเป็นที่ปรึกษาเคลียร์หนี้ระยะสั้น ปรับปรุงเครดิตบูโร และยืดระยะเวลาโอนจากเดิม 30 วันหลังจอง จะให้เวลาลูกค้าเคลียร์หนี้เดิม เพื่อกู้สินเชื่อธนาคารให้ผ่านก่อน โดยให้เวลารอโอน 6 เดือน
นอกจากนี้ดึงพันธมิตร Non Bank มาปล่อยกู้ให้ลูกค้าเพื่อเคลียร์ระยะสั้นอื่นๆ โดยมีเพดานเงินกู้ไม่เกิน 10% ของราคาบ้าน เพื่อให้ลูกค้าปลอดหนี้ สร้างเครดิตสกอร์ และกู้สินเชื่อกับสถาบันการเงิน
“การทำตลาดปีนี้จะไม่เน้นทำโปรโมชันเร่งสร้างยอดขาย แต่จะนำงบประมาณการตลาดมาใช้สนับสนุนลูกค้าที่จองซื้อที่อยู่อาศัยไว้ เพื่อช่วยให้ลูกค้ากลุ่มนี้กู้สินเชื่อให้ผ่าน มองว่ามีโอกาสได้ขายสินค้าได้มากกว่าไปหาลูกค้าใหม่”
อ่านเพิ่มเติม