HomeBrand Move !!สิงห์ x OR สองบิ๊กผนึกกำลังปั้นพอร์ตฯ สินค้า RTD ‘พันล้าน’ ส่งกาแฟอเมซอน-ชาเขียวฮารุ เจาะตลาดพรีเมี่ยม 

สิงห์ x OR สองบิ๊กผนึกกำลังปั้นพอร์ตฯ สินค้า RTD ‘พันล้าน’ ส่งกาแฟอเมซอน-ชาเขียวฮารุ เจาะตลาดพรีเมี่ยม 

แชร์ :

คุณภูริต ภิรมย์ภักดี – คุณดิษทัต ปันยารชุน

สองบิ๊กคอร์ปอเรท  บุญรอดฯ และ OR มองโอกาสใช้จุดแข็งขยายพอร์ตโฟลิโอสินค้าเครื่องดื่มสำเร็จรูปพร้อมดื่ม (Ready To Drink หรือ RTD) ประเดิมกลุ่มกาแฟ-ชาเขียว กับเป้าหมายรายได้ 1-2 ปีแรก 1,000 ล้านบาท 

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

ความร่วมมือเป็นพันธมิตรของ บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด หรือค่ายสิงห์ กับบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ในปีที่ผ่านมาได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุน (Joint Venture) ภายใต้บริษัท ดริ้ง เอนเทอร์ไพรซ์ จำกัด (Drink Enterprise) เพื่อผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์  RTD ทำตลาดผ่านช่องทางค้าปลีกทั่วประเทศ

เดือนเมษายน 2566 ได้ฤกษ์เปิดตัว 2 ผลิตภัณฑ์แรก คือ กาแฟขวดพร้อมดื่ม Cafe Amazon และชาเขียวพร้อมดื่ม “ฮารุ โคลด์บรูว์ กรีนที” 

คุณภูริต ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า บุญรอดฯ มีประสบการณ์และความชำนาญในการทำตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มยาวนานก้าวสู่ปีที่ 90 มีแบรนด์สินค้าอันดับ 1 หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นน้ำดื่มสิงห์ น้ำแร่เพอร์ร่า โซดาสิงห์ สิงห์ เลมอน โซดา ฯลฯ  มีจุดแข็งด้านการจัดจำหน่ายและการทำตลาดสินค้าแมส

ทิศทางของบริษัทร่วมทุนจะใช้จุดแข็งของทั้ง 2 องค์กรสร้างการเติบโตไปด้วยกัน เริ่มจาก 2 โปรดักท์แรก และในอนาคตจะมีโปรดักท์ใหม่ๆ ออกมาเพิ่มเติมอีก

คุณดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าความร่วมมือผ่านบริษัทร่วมทุน Drink Enterprise ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ยังมีความร่วมมืออื่นๆ อีกในอนาคต ของทั้ง 2 บริษัทที่นำจุดแข็งมาทำงานร่วมกัน นำความแตกต่าง ของแต่ละธุรกิจมาเสริมซึ่งกันและกัน

โดย OR  ได้พยายาม Diversify ธุรกิจ Non-oil ให้มากขึ้น  ด้วยการต่อยอดแบรนด์ Cafe Amazon ที่ทำมา 20 ปี จากร้านกาแฟกว่า 3,000 สาขาทั่วประเทศทั้งใน PTT Station และนอกปั๊ม ได้ขยายสู่กาแฟพร้อมดื่มแบรนด์ “อเมซอน” แบบขวด จำหน่ายผ่านช่องทางค้าปลีกทั่วประเทศ

ภายใต้ความร่วมมือกับบุญรอดฯ ในครั้งนี้ ถือเป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งของธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่ม (กลุ่ม Lifestyle) ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของ OR ในการสร้างพันธมิตรเพื่อหาโอกาสขยายธุรกิจ (Strategic Alliance) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการเครื่องดื่มของผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุม

Cafe Amazon ส่งกาแฟขวดชิงตลาดพรีเมี่ยม 

คุณสุชาติ ระมาศ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR  กล่าวว่าสำหรับกาแฟขวด “อเมซอน” มี 3 รสชาติ ขนาด 200 มิลลิลิตร  1.อเมซอน แบล็ค ราคา 29 บาท 2. อเมซอน ลาเต้  ราคา 35 บาท  3.อเมซอน เอสเปรสโซ ราคา 35 บาท ทั้ง 3 สูตร เป็นเมนูขายดีที่สุดในร้าน Cafe Amazon โดยกาแฟขวดอเมซอน วางตำแหน่งเป็นกาแฟพร้อมดื่มกลุ่มพรีเมี่ยม (กลุ่มนี้ราคาตั้งแต่ 20 บาทขึ้นไป)

ปัจจุบันตลาดกาแฟสำเร็จรูป หรือกาแฟในบ้าน มีมูลค่าราว 30,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นตลาดกาแฟพร้อมดื่มกลุ่มพรีเมี่ยม 500 ล้านบาท ซึ่งเป็นตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง

กาแฟขวดอเมซอน มีกลุ่มเป้าหมายหลักคือ คนทำงานรุ่นใหม่ กลุ่มนักศึกษา เป็นกลุ่มที่ไม่มีเวลา ใช้ชีวิตเร่งรีบ แต่ใส่ใจการดื่มกาแฟคุณภาพหรือกาแฟสดในกลุ่มพรีเมี่ยม นี่คือโจทย์ที่ Cafe Amazon ใช้จุดแข็งที่สะสมมา 20 ปี พัฒนาเป็นสินค้าใหม่ตอบโจทย์การเข้าถึงได้ง่าย ส่งต่อรสชาติจากกาแฟสดในร้านสู่กาแฟขวด เพื่อเสิร์ฟผู้บริโภคได้ทุกเวลา

สำหรับกาแฟขวดอเมซอน จะวางขายในช่องทางค้าปลีกทั่วประเทศ โดยในช่วง 3 เดือนแรก วางขายในร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ทั่วประเทศกว่า 13,000 สาขา (โดยมีร้าน 7-Eleven ที่อยู่ใน PTT Station กว่า 2,000 สาขา) เริ่มวันที่ 10 เมษายนนี้ ตั้งเป้าหมายยอดขายปี 2566 อยู่ที่ 8 ล้านขวด 

“สิงห์” หวนคืนตลาดชาเขียวในรอบ 15 ปี

คุณธิติพร ธรรมาภิมุขกุล Chief Marketing Officer บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่าสำหรับชาเขียวพร้อมดื่ม “ฮารุ โคลด์บรูว์ กรีนที” (HARU Cold Brew Green Tea) เปิดตัวด้วย 2 รสชาติ ได้แก่ สูตรปราศจากน้ำตาล (Natural) และ สูตรหวานน้อย (Mild Sweet) ในรูปแบบขวด PET ขนาด 440 มิลลิลิตร ราคา 30 บาท  ช่วง 3 เดือนแรกจำหน่ายผ่าน 7-Eleven จากนั้นขยายไปทุกช่องทางค้าปลีก

ชาเขียว “ฮารุ” วางตำแหน่งอยู่ในกลุ่มพรีเมี่ยม ที่มีกระบวนการสกัดชา ผ่านกรรมวิธี Cold Brew ที่ให้ความสำคัญด้านอุณภูมิและเวลาสกัดนานกว่าชาทั่วไป 2 เท่า เพื่อสร้างความแตกต่างและเอกลักษณ์จากชาเขียวพร้อมดื่มรายอื่นในตลาด  เน้นเจาะคนรุ่นใหม่ รักสุขภาพ รวมถึงผู้ที่ชื่นชอบไลฟ์สไตล์ไปคาเฟ่ มองหาประสบการณ์ใหม่ๆ

การเปิดตัว “ฮารุ” ครั้งนี้ถือเป็นการกลับมาทำตลาดชาเขียวอีกครั้งในรอบ 15 ปีของสิงห์  ย้อนไปเมื่อปี 2548 เคยทำตลาดชาเขียวพร้อมดื่มเป็นครั้งแรกด้วยแบรนด์ “โมชิ” (Moshi Green Tea) แต่สภาพตลาดในช่วง 2 ปีหลังจากนั้นหดตัวต่อเนื่องราว 20-30% ทำให้ “โมชิ” ไม่ได้รับการตอบรับดีเท่าที่ควร จึงหยุดทำตลาดในปี 2550 

ตลอด 15 ปีที่ผ่านมา “สิงห์” ยังไม่ละความพยายามที่จะทำตลาดชาเขียวพร้อมดื่มอีกครั้ง แต่มองว่า “โอกาสและเทรนด์”  ยังไม่เป็นใจมากนัก จึงหันไปพัฒนาต้นน้ำก่อนด้วยการทำ “ไร่สิงห์ ปาร์ค เชียงราย” เพื่อรอโอกาสที่เหมาะสม

กระทั่งปีที่ผ่านมาได้ร่วมทุนกับ OR  เพื่อทำตลาด RTD และเปิดตัวชาเขียว “ฮารุ” ปีนี้  ซึ่งเป็นจังหวะที่ตลาดชาเขียวพร้อมดื่มมูลค่า 13,864 ล้านบาท เริ่มกลับมาเติบโตอีกครั้ง จากเทรนด์สุขภาพมาแรง โดยเซกเมนต์พรีเมี่ยมที่มีสัดส่วนอยู่ราว 10-20% หรือมีมูลค่าราว 1,500 ล้านบาท

โดยวางเป้าหมายยอดขาย “ฮารุ” ไว้ที่ 10 ล้านขวดในสิ้นปีนี้  มองว่า “ฮารุ” จะเข้ามาช่วยเสริมแกร่งธุรกิจนอนแอลกอฮอล์ให้กับค่ายสิงห์ ต่อจากแบรนด์น้ำดื่มสิงห์ น้ำแร่เพอร์ร่า โซดาสิงห์ และสิงห์ เลมอน โซดา ที่ครองความเป็นผู้นำในตลาดขณะนี้ ปัจจุบันที่มีสัดส่วนรายได้มาจากเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์ราว 20%

ภายใต้บริษัทร่วมทุน “ดริ้ง เอนเทอร์ไพรซ์” ของ OR และบุญรอดฯ ที่ถือเป็นบริษัทระดับบิ๊กทั้งคู่ เรียกว่าเป็นการจับคู่พันธมิตร 1+1 มากกว่า 2  โดยวางแผนจะพัฒนาสินค้า RTD ที่ใช้จุดแข็งของทั้ง 2 องค์กรออกมาทำตลาดต่อเนื่อง วางเป้าหมาย 1-2 ปีแรก จะมีรายได้ 1,000 ล้านบาท 

อ่านเพิ่มเติม


แชร์ :

You may also like