นับจากวันที่ 1 กันยายน 2564 ที่ รศ.เกษมศานต์ โชติชาครพันธุ์ เข้ามารับตำแหน่ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท ถือเป็นแม่ทัพคนที่ 15 ขององค์กรสื่อเก่าแก่อายุ 70 ปี เจ้าของสถานีส่งสัญญาณทีวีแห่งแรกของประเทศไทย หลังเข้ามาบริหารได้ 1 ปี รศ.เกษมศานต์ ตัดสินใจยื่นหนังสือ “ลาออก” มีผลในวันที่ 1 กันยายน 2565 โดยให้เหตุผลว่าเนื่องจากปัญหาสุขภาพ
การเข้ามานำทัพ อสมท ในปี 2564 ถือเป็นการเปลี่ยนเส้นทางจาก “นักวิชาการ” ในตำแหน่งรองอธิการบดีฝ่ายวางแผน สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) มาสู่ตำแหน่ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท ธุรกิจสื่อที่ถูกมองว่าอยู่ในช่วง “ขาลง” สะท้อนได้จากผลประกอบการ อสมท ที่เคยทำตัวเลขสูงสุดในยุคทีวีแอนาล็อก ปี 2555 รายได้ 5,939 ล้านบาท กำไร 1,768 ล้านบาท
แต่เมื่อเข้าสู่ทีวีดิจิทัลและเทคโนโลยี ดิสรัปชั่น อสมท ต้องเจอกับภาวะ “ขาดทุน” มาต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา
ปี 2563 อสมท ขาดทุน 2,019 ล้านบาท ต้องปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ เปิดโครงการร่วมใจจากองค์กร ให้พนักงานสมัครใจลาออก เพื่อลดค่าใช้จ่ายบุคลากร จากจำนวน 1,400 คน ปัจจุบันเหลืออยู่ 970 คน
หลังปรับโครงสร้างตัวเลขปี 2564 ดีขึ้นเริ่มโชว์ “กำไร” แต่หลักๆ มาจากค่าใช้จ่ายลดลง ส่วนรายได้ยังไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก จบปี 2564 อสมท มีรายได้ 1,514 ล้านบาท กำไรสุทธิ 165 ล้านบาท เป็นตัวเลขกำไรในรอบ 6 ปี
มาในปี 2565 ตัวเลขครึ่งปีแรกกลับมาโชว์ “ขาดทุน” อีกครั้ง ที่ 54 ล้านบาท จากรายได้รวม 662 ล้านบาท ลดลง 12% สาเหตุขาดทุนมาจากรายได้ธุรกิจหลักสื่อดั้งเดิม (ทีวีและวิทยุ) ลดลง 20% แม้รายได้จากธุรกิจบริการโครงข่ายโทรทัศน์ระบบดิจิทัลภาคพื้นดิน (BNO) เพิ่มขึ้น 11% ธุรกิจดิจิทัลและธุรกิจใหม่ เพิ่มขึ้น 58%
ขณะที่ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากใบอนุญาตใช้คลื่นความถี่วิทยุ ที่ อสมท เป็นผู้ชนะประมูลคลื่นความถี่ระบบเอฟเอ็ม 47 คลื่น เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2565 อายุใบอนุญาต 7 ปี โดยจ่ายค่าใบอนุญาตจำนวน 544 ล้านบาท ทำให้ค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้น 7%
ย้อนดูภารกิจแม่ทัพ อสมท ก่อนตัดสินใจลาออก
การเข้ามารับตำแหน่งแม่ทัพ อสมท ในปี 2564 รศ.เกษมศานต์ โชติชาครพันธุ์ ได้ประกาศภารกิจสำคัญนำ อสมท กลับมาทำ “กำไร” ให้ได้อีกครั้ง หลังขาดทุนมาต่อเนื่อง เพื่อก้าวสู่หุ้นยั่งยืนในปี 2568
แม้เป็นความท้าทายในการเข้ามาบริหารธุรกิจสื่อที่ถูกเทคโนโลยี ดิสรัปต์ แต่ก็มองว่า อสมท เป็นองค์กรสื่อแห่งแรกของประเทศไทย อายุ 70 ปี มี Assets จำนวนมาก ทั้งสื่อโทรทัศน์ วิทยุ สถานีส่งสัญญาณทั่วประเทศ ที่ดิน 50 ไร่ ย่าน CBD พระราม 9 รวมทั้งสื่อใหม่ที่พัฒนามาต่อเนื่อง จึงมั่นใจว่า อสมท ไปต่อได้
ดังนั้นเป้าหมายในฐานะผู้นำองค์กร คือ การนำสิ่งที่เก่าไปอยู่ในช่องทางใหม่ นำสถานีทีวีสื่อเก่า และ Assets ที่มีมาสร้างมูลค่าให้มากที่สุด ในแพลตฟอร์มใหม่ หากทำสำเร็จ ก็จะเป็นทิศทางของ อสมท ในการก้าวสู่ยุคใหม่
รศ.เกษมศานต์ วางวิสัยทัศน์ อสมท ในปี 2565 คือ The Year of Trusted News & Smart Entertainment ตอกย้ำการเป็นองค์กรสื่อที่น่าเชื่อถือ ภายใต้กลยุทธ์ 3R คือ Reinforce – Refresh – Refine
– Reinforce เสริมจากสิ่งเดิมที่มีอยู่ให้ดียิ่งขึ้น โดยร่วมมือกับ Strategic Partner นำเสนอคอนเทนต์สร้างสรรค์เป็นประโยชน์กับสังคม ถูกต้องตรวจสอบได้
– Refresh มุ่งสู่ The Trusted Platform จากจุดแข็งของ “สำนักข่าวไทย” โดยจะใช้หัวข้อ The Trusted นำเสนอคอนเทนต์ประเด็นที่สังคมต้องการข้อเท็จจริง ซึ่งจะมีช่วงเวลาประจำในทุกสื่อของ อสมท เพื่อสร้างฐานแฟนกลุ่มใหม่ๆ เริ่มจากแพลตฟอร์มออนไลน์
– Refine ต่อยอด Assets เดิมเพื่อสร้างรายได้ ทั้งธุรกิจเดิมทีวี ซึ่งมี Footage สถานการณ์สำคัญจำนวนมาก นำมาสร้างรายได้ผ่าน The Shot แพลตฟอร์มขายลิขสิทธิ์ Footage ทั้ง วิดีโอ ภาพนิ่ง และกราฟฟิก รวมทั้งศึกษาการทำ NFT จากสินทรัพย์ที่มีอยู่ การต่อยอดด้านการศึกษาจาก MCOT ACADEMY และชัวร์ก่อนแชร์ เพื่อสร้างธุรกิจใหม่
หลังบริหาร อสมท ครบ 1 ปี รศ.เกษมศานต์ ได้ตัดสินใจลาออก มีผลในวันที่ 1 กันยายนนี้ จบภารกิจกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท ก่อนครบวาระ 4 ปี จากนี้จึงเป็นหน้าที่ของ บอร์ด อสมท ในการสรรหาบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมมาดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ คนที่ 16 ต่อไป
อ่านเพิ่มเติม