HomeBrand Move !!สัญญาณตลาด OOH ฟื้น แกร็บส่ง “Digital BagAds” เพิ่มรายได้คนขับ ตั้งเป้า 200 คันภายในสิ้นปี

สัญญาณตลาด OOH ฟื้น แกร็บส่ง “Digital BagAds” เพิ่มรายได้คนขับ ตั้งเป้า 200 คันภายในสิ้นปี

แชร์ :

digital grabads

สื่อโฆษณานอกบ้านมีของเล่นใหม่อีกแล้ว โดยคราวนี้เป็นผลงานการเปิดตัวของ แกร็บ ประเทศไทย (Grab) ที่ส่ง “Digital BagAds” ออกมาให้บริการบนท้องถนน เสริมรายได้ให้พาร์ทเนอร์คนขับ โดยเริ่มจาก 20 คันก่อนในช่วงแรกและตั้งเป้าขยายเป็น 200 คันให้ได้ภายในสิ้นปีนี้

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

คุณอเลฮานโดร โอโซริโอ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย เผยว่า GrabAds ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจสำคัญของแพลตฟอร์ม ไม่ต่างจากบริการเรียกรถ ฟู้ดเดลิเวอรี่ หรือจัดส่งเอกสาร และการพัฒนา Digital BagAds เป็นสื่อโฆษณาเคลื่อนที่บนกระเป๋าของพาร์ทเนอร์คนขับ ก็ถือเป็นการต่อยอดบริการและสร้างโอกาสทางธุรกิจ ทั้งยังเป็นช่องทางในการเพิ่มรายได้ให้กับพาร์ทเนอร์คนขับด้วย

กระเป๋า IoT ปรับเปลี่ยนโฆษณาเรียลไทม์

สำหรับความพิเศษของ Digital BagAds คือการนำเทคโนโลยี Internet of Things (IoT) มาใช้ ทำให้ผู้ที่ซื้อสื่อโฆษณาสามารถตั้งค่าและปรับเปลี่ยนชิ้นงานโฆษณาได้แบบเรียลไทม์ รวมถึงสามารถกำหนดช่วงเวลาที่ต้องการโฆษณาได้ ส่วนตัวหน้าจอ ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการโฆษณาทั้งในรูปแบบภาพนิ่งและวีดีโอ

Digital BagAds

Digital BagAds

ลุย Digital BagAds เหตุตลาด OOH ฟื้นตัว

คุณอเลฮานโดร ยังกล่าวถึงพฤติกรรมผู้บริโภคด้วยว่า การหันมาใช้บริการเดลิเวอรีเพิ่มขึ้น ได้ทำให้พาร์ทเนอร์คนขับ (รวมถึงกระเป๋าบรรจุอาหาร) กลายเป็นอีกหนึ่งจุดสัมผัสของลูกค้า (Touchpoint) ที่มีความสำคัญและสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างใกล้ชิดในทุกพื้นที่ สอดรับกับแนวโน้มของสื่อโฆษณากลางแจ้ง-สื่อเคลื่อนที่ (Outdoors / Transit Media) ที่กำลังฟื้นตัวเนื่องจากประชาชนออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้นหลังการผ่อนคลายของสถานการณ์โควิด โดยเป็นที่คาดการณ์ว่ามูลค่าเม็ดเงินโฆษณาของสื่อนอกบ้านในปี 2565* จะเติบโตขึ้น 6% และมีมูลค่าสูงถึง 6,250 ล้านบาท จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่เราเริ่มทดลองเปิดตัว Digital BagAds เพื่อเป็นช่องทางให้กับแบรนด์ต่าง ๆ ในการสื่อสารและทำการตลาดกับผู้บริโภคในรูปแบบใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ ในช่วงทดลองตลาด แกร็บได้เปิดตัวแพคเกจสำหรับการโฆษณาผ่าน Digital BagAds เอาไว้ที่ 18,000 บาทต่อระยะเวลาหนึ่งเดือนผ่านพาร์ทเนอร์คนขับจำนวน 20 คน ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล พร้อมวางแผนเพิ่มจำนวนให้ได้ 200 คันภายในสิ้นปีนี้ ส่วนกลุ่มตลาดเป้าหมายคือ กลุ่มธุรกิจความงาม, สินค้าอุปโภคบริโภค, กลุ่มเทคโนโลยี, กลุ่มธุรกิจบันเทิง และกลุ่มแฟชัน 

 


แชร์ :

You may also like