HomeBrand Move !!รถยนต์ไฟฟ้า PTT ร่วมทุน Foxconn เตรียมผลิตไตรมาส 1 ปี 67 

รถยนต์ไฟฟ้า PTT ร่วมทุน Foxconn เตรียมผลิตไตรมาส 1 ปี 67 

แชร์ :

PTT EV cover

บมจ. ปตท (PTT) อัพเดทความคืบหน้าล่าสุดธุรกิจผลิตยานยนต์พลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicle :EV) ในประเทศไทย หลังลงนามความร่วมมือกับ Foxconn ผู้นำการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ที่สุดของโลก โดยเตรียมผลิตเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 1 ปี 2567

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

หลังจากเดือนกันยายนปีก่อน ปตท. อนุมัติให้ บริษัท อรุณ พลัส จำกัด (Arun Plus) บริษัทย่อยลงนามสัญญาร่วมทุนและจัดต้ังบริษัทร่วมทุนกับบริษัท ลี่ยี่ อินเตอร์เนชั่นแนล อินเวสเมนท์ จำกัด (Lin Yin) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท หงไห่ พริซิชั่น อินดัสทรี จำกัด (Foxconn) ด้วยทุนจดทะเบียนไม่เกิน 3,220 ล้านบาท เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตยานยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย

ความร่วมมือนี้จะใช้ความเชี่ยวชาญของ Foxconn ทางด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีในการผลิตและพัฒนาแพลตฟอร์ม MIH (Mobility-In-Harmony) และความเชี่ยวชาญการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยของกลุ่มปตท. ผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางผลิตยานยนต์พลังงานไฟฟ้าของภูมิภาคอาเซียน ทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยเปลี่ยนผ่านไปสู่เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า

ล่าสุด คุณอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. แจ้งความคืบหน้าตลาดหลักทรัพย์ฯว่า Arun Plus ได้จัดตั้งบริษัท ฮอริษอน พลัส จำกัด (Horizon Plus) เมื่อวันที่ 3 ก.พ.2565 มีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 3,220 ล้านบาท โดย Arun Plus ถือหุ้น 60% และ Lin Yin ถือหุ้น 40%

Horizon Plus คาดว่าจะสามารถเข้าสู่กระบวนการตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (FID) ได้ภายในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 และเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาสที่ 1 ปี 2567

ตามแผนธุรกิจโครงการลงทุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ปตท.ได้เริ่มรุกเข้าสู่ EV Value Chain โดยจับมือพันธมิตรทางธุรกิจ ในการพัฒนา EV Charging Platform, EV Station รวมถึงการลงทุนในธุรกิจแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า และความร่วมมือกับ Foxconn จะกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในประเทศ เป็นรากฐานสำคัญสู่อุตสาหกรรมเป้าหมายในอนาคตและเป็นต้นแบบนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางด้านพลังงานให้กับประเทศต่อไป

ในระยะแรก PTT และ Foxconn ตั้งเป้าหมายที่จะจัดตั้งแพลตฟอร์มการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า และส่วนประกอบหลักต่าง ๆ แบบ end-to-end ด้วยเงินร่วมลงทุนขั้นต้น 1-2 พันล้านเหรียญสหรัฐ และจะขยายการลงทุนในอนาคตต่อไป


แชร์ :

You may also like