HomeDigitalตามดู กรณีศึกษา “นิวยอร์ก” จัดการปัญหาจราจรในเมืองใหญ่ด้วย “ระบบอัตโนมัติ”

ตามดู กรณีศึกษา “นิวยอร์ก” จัดการปัญหาจราจรในเมืองใหญ่ด้วย “ระบบอัตโนมัติ”

แชร์ :

MTA new york city bus

ขอบคุณภาพจาก MTA New York City

ต้องบอกว่า เมืองใหญ่หลาย ๆ เมืองทั่วโลกกำลังนำระบบอัตโนมัติมาใช้ในการตรวจจับคนทำผิดกฎหมายมากขึ้นเรื่อย ๆ และบางระบบก็มีการทำงานที่ไม่ยาก – ไม่ต้องลงทุนหลายพันล้านบาทแต่อย่างใด

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

ตัวอย่างหนึ่งที่น่าสนใจคือรถประจำทางของ องค์การขนส่งนครนิวยอร์ก หรือ MTA New York City ที่ก่อนหน้านี้เคยจัดการกับคนที่ชอบจอดรถในที่ห้ามจอดด้วยการติดกล้องตามแยกต่าง ๆ แต่ข้อเสียของกล้องเหล่านั้นก็คือ มันถ่ายได้แค่ในละแวกนั้น หากคนไปจอดรถตรงจุดอื่น ก็ไม่สามารถจับภาพได้แล้ว

ด้วยเหตุนี้ ทางเมืองนิวยอร์กซิตี้จึงเปลี่ยนแผน ด้วยการนำกล้องมาติดหน้ารถประจำทางของ MTA เสียเลย จากนั้น เมื่อรถประจำทางเหล่านี้ขับไปตามเส้นทางใด มันก็จะถ่ายภาพรถยนต์ที่จอดในที่ห้ามจอด (หรือบางคันก็จอดตรงหน้าป้ายรถเมล์กันดื้อ ๆ) มาโดยอัตโนมัติ

บริหารปัญหาจราจร ด้วยการเก็บภาพ แล้วแจ้งค่าปรับ อัตโนมัติ

ภาพดังกล่าวของรถประจำทางจะถูกส่งเข้ามาประมวลผลโดยซอฟท์แวร์ และนำไปคิดค่าปรับกับเจ้าของรถต่อไป โดยค่าปรับสำหรับคนที่ทำผิดครั้งแรกอยู่ที่ 50 เหรียญสหรัฐ และจะเพิ่มขึ้นเป็น 250 เหรียญสหรัฐ หากทำผิดเกิน 5 ครั้ง

รายได้จากค่าปรับนี้ ทางเมืองนิวยอร์กซิตี้บอกว่า ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของเมืองลงได้ และเงินที่เหลือบางส่วนก็ส่งต่อให้กับ MTA ด้วย โดยในปี 2020 ที่ MTA เริ่มติดตั้งกล้องที่หน้ารถประจำทางจำนวน 123 คัน ทางเมืองพบว่า ใน 10 วันแรกหลังจากเริ่มรันระบบ สามารถคิดค่าปรับคนจอดรถในที่ห้ามจอดได้ถึง 1,500 ราย และจนถึงปัจจุบันปี 2022 ระบบดังกล่าวสามารถคิดค่าปรับรถไปแล้วกว่า 100,000 ครั้ง (เฉพาะในย่านแมนฮัตตันและบรูคลิน) โดย 87% ของคนที่ถูกคิดค่าปรับคือคนที่ทำความผิดครั้งแรก ด้วยเหตุนี้ ในปี 2022 ทาง MTA จะขยายจำนวนรถที่ติดตั้งกล้องเป็น 300 คัน

แม้จะมีเสียงโอดโอยว่า ค่าปรับแพงเกินไป แต่ในด้านการบริหารเมือง แนวคิดดังกล่าวทำให้การเดินทางของผู้คนที่ใช้บริการรถขนส่งสาธารณะในนิวยอร์กซิตี้สะดวกรวดเร็วขึ้น และเมื่อคนสามารถเดินทางด้วยรถสาธารณะได้อย่างสะดวกสบาย การใช้รถส่วนตัวก็มีความจำเป็นน้อยลงไปเอง

Source


แชร์ :

You may also like